เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 595 รำลึกความหลัง
บทที่ 595 รำลึกความหลัง
บทที่ 595 รำลึกความหลัง
ผู้เฒ่ามี่ไม่ตอบคำถามของอีกฝ่ายในทันที แต่ใช้เวลาพักหายใจ การระเบิดความแข็งแกร่งอย่างฉับพลันนั้นสร้างความเสียหายให้กับตัวเขาเช่นกัน
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ ผู้เฒ่ามี่ก็ค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจด้วยใบหน้าที่ซีดเผือดและมองดูเว่ยต้านที่กำลังจะตายด้วยสายตาเยาะเย้ย “ไม่ใช่ว่าเจ้าสงสัยอยู่ตลอดหรือว่า ทำไมข้าถึงไม่ใช้วิชาวัฏจักรหงส์อมตะ? นี่อย่างไรเล่า ข้าทำให้ความปรารถนาของเจ้าเป็นจริงแล้ว ข้าให้เจ้าลิ้มรสมันแล้ว…เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?”
“นี่คือวิชาวัฏจักรหงส์อมตะหรือ?” เว่ยต้านดูเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่ผู้เฒ่ามี่พูด แต่มันกลับทำให้เขามีคำถามมากขึ้น “วิชาวัฏจักรหงส์อมตะเป็นเคล็ดวิชาที่สามารถเสริมความแข็งแกร่งได้อย่างฉับพลันหรืออย่างไร?”
“เจ้าพูดถูก” คิ้วที่ขมวดของผู้เฒ่ามี่คลายลง ในที่สุดศัตรูที่ทำให้เขากังวลใจมานานหลายปีก็ถูกจัดการในที่สุด เขารู้ว่าไม่ควรพูดอธิบายให้มากความ เขาควรจะจบชีวิตของเว่ยต้านให้เร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม เขายังคงเหมือนมนุษย์ทั่วไปที่มีอารมณ์รักโลภโกรธหลง เขาจึงอดไม่ได้ที่จะขอโอ้อวดสนองอารมณ์ของตัวเอง
และอีกอย่าง สถานการณ์ตอนนี้ค่อนข้างแน่นอนแล้วว่า เว่ยต้านที่เคยอยู่เหนือเขาเสมอไม่ว่าจะในแง่ของตำแหน่งหน้าที่หรือแข็งแกร่งของการบ่มเพาะ แม้ว่าเว่ยต้านจะไม่เคยดูถูกเขาเลยก็ตาม แต่ความรู้สึกด้อยกว่าและความริษยามันก็ฝังอยู่ในหัวเขาเสมอ
ในฐานะผู้ชนะ เขาจึงต้องการปลดปล่อยความอัดอั้นที่เก็บกดไว้ออกมาบ้าง
“วิชาวัฏจักรหงส์อมตะสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของผู้บ่มเพาะได้จริง แต่เงื่อนไขบางอย่างต้องได้รับการเติมเต็มก่อน อำนาจของมันจะถูกปลุกใช้งานได้ก็เมื่อผู้ฝึกได้รับบาดเจ็บสาหัสเท่านั้น ยิ่งบาดเจ็บมากเท่าไรก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น” ผู้เฒ่ามี่ยังกล่าวต่อ
ในที่สุด ซูอันก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น เขาจดจ่ออยู่แต่กับทักษะจ้าววายุ และ นกเป็ดน้ำสีคราม ซึ่งเป็นทักษะพิเศษทั้งสองของวิชาวัฏจักรหงส์อมตะมากเกินไป จนเขาลืมคุณสมบัติพื้นฐานการเสริมพลังในยามบาดเจ็บนี้ไปเลย!
ในที่สุดเว่ยต้านก็เข้าใจ “ไม่แปลกใจเลยที่ข้ารู้สึกว่ามันง่ายมากในการทำให้เจ้าบาดเจ็บก่อนหน้านี้…เจ้าจงใจปล่อยให้ข้าทำร้ายเจ้า เจ้าหลอกล่อข้าทีละก้าวเข้าไปในกับดักของเจ้า”
“ทั้งสติปัญญาและความแข็งแกร่งมีความสำคัญเท่าเทียมกันสำหรับผู้บ่มเพาะ สิ่งนี้เจ้าเคยสอนข้ามาก่อน” ผู้เฒ่ามี่รู้สึกค่อนข้างพอใจเมื่อเขาพูดประโยคนี้ เว่ยต้านแสดงท่าทางวางภูมิอย่างมากเมื่อพูดเรื่องนี้กับเขาในอดีต ในที่สุดตอนนี้เขาก็ได้เป็นผู้ย้อนคำพูดนี้สักที!
ดวงตาของเว่ยต้านหมองหม่นลง ตอนนี้เขาได้รับประสบการณ์ของผู้แพ้อย่างเต็มล้น ทุกอย่างจบลงแล้วสำหรับเขา เขาพึมพำว่า “วิชาวัฏจักรหงส์อมตะ…ข้าไม่คาดคิดเลยว่ามันจะวิเศษเช่นนี้…”
เห็นได้ชัดว่าเผู้เฒ่ามี่ไม่ต้องการพูดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป เขาสนใจอยากรู้บางเรื่องที่สำคัญกว่า “มีอีกกี่คนที่รู้ว่าข้าอยู่ที่นี่นอกจากเจ้า?”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเว่ยต้าน “เจ้าคิดว่าทั้งหมดนี้จะจบลงเมื่อเจ้าฆ่าข้าอย่างนั้นหรือ? ฝันไปเถอะ! ข้าได้ทูลแจ้งให้องค์จักรพรรดิทราบเกี่ยวกับทุกสิ่งแล้ว ตราบใดที่ราชวงศ์โจวยังดำรงอยู่ เจ้าจะไม่มีวันสงบสุข”
“เป็นอย่างที่ข้าคาด…” ผู้เฒ่ามี่ขมวดคิ้ว แต่เขาไม่ได้กังวลขนาดนั้น เขามองไปที่ซูอันซึ่งอยู่ไกล ๆ เพราะเขามีทางออกสำหรับเรื่องทั้งหมดแล้ว “ว่าแต่ตอนนี้ระดับการบ่มเพาะขององค์จักรพรรดิอยู่ที่เท่าไรแล้ว?
“ฮ่า ๆๆๆ ข้ายอมรับว่าความแข็งแกร่งที่เจ้าแสดงออกมาในตอนท้ายนั้นน่าตกใจ แต่ต่อให้ข้าจะยังห่างไกลจากการเป็นคู่ต่อกรของเจ้า เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าเจ้าจะสามารถเทียบได้กับองค์จักรพรรดิด้วยวิชานี้?”
เว่ยต้านหัวเราะและไอออกมาเป็นเลือดเล็กน้อย “เจ้าประเมินตัวเองสูงเกินไป!”
“แน่นอนว่าข้าไม่คิดว่าตนเองจะเทียบเทียมกับองค์จักรพรรดิได้ อย่างไรเสีย ในฐานะผู้บ่มเพาะ ข้าจะยอมละทิ้งหนทางแห่งการพัฒนาตนได้อย่างไร มันเป็นเรื่องปกติสำหรับข้าที่จะหลงใหลอยากก้าวข้ามคนที่มีระดับการบ่มเพาะสูงกว่า” ผู้เฒ่ามี่ตอบ
“เจ้าพูดถูก” เว่ยต้านไม่ได้โต้แย้งกลับในประเด็นนี้ ก่อนจะกล่าวว่า “ข้าแนะนำให้เจ้าอย่าตั้งความหวังไว้สูงเกินไป เราสองคนเป็นผู้พิการ ไม่มีวันที่คนอย่างเราจะขึ้นไปสู่จุดสูงสุดได้ การฝืนก้าวไปข้างหน้าคือการแสวงหาเส้นทางสู่ความหายนะของเจ้าเอง”
“นั่นอาจไม่เป็นความจริง” ผู้เฒ่ามี่เยาะเย้ย เขาพบวิธีการที่สมบูรณ์แบบสำหรับการเกิดใหม่แล้ว คนง่อยอย่างเว่ยต้านไม่สามารถเปรียบเทียบกับเขาได้เลย!
เว่ยต้านมองไปที่เขาด้วยสีหน้าค่อนข้างแปลกใจ เขาไม่รู้ว่าความมั่นใจของผู้เฒ่ามี่มาจากไหน
ผู้เฒ่ามี่เอ่ยถามต่อ “แล้วองค์จักรพรรดินีเล่าเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ข้าจะไม่ตอบถ้าเจ้าถามเรื่องอื่น แต่เนื่องจากเจ้าถามถึงองค์จักรพรรดินี ข้าเดาว่าเจ้ายังมีมโนธรรมอยู่บ้าง เจ้ายังจำความโปรดปรานที่นางมีต่อเจ้าตลอดหลายปีที่ผ่านมาได้…” เว่ยต้านถอนหายใจ “ครั้งเมื่อเราเข้าไปในวังช่วงแรก เราถูกรังแกอย่างรุนแรง แต่เป็นเพราะพระมหากรุณาธิคุณขององค์จักรพรรดินี เราจึงมีอย่างทุกวันนี้ พระองค์ช่างเป็นผู้มีเมตตาอย่างแท้จริง น่าเสียดายที่นางให้กำเนิด…”
เขารู้ตัวกลางประโยคว่าเขากำลังจะเปิดเผยความลับของราชวงศ์ และหยุดตัวเองไว้
ผู้เฒ่ามี่ไม่สนใจอาการหยุดชะงักของเว่ยต้าน เขากล่าวว่า “หลายปีผ่านไป สติปัญญาขององค์รัชทายาทยังไม่พัฒนาอีกหรือ?”
ซูอันงงงัน สติปัญญา? ทำไมเจ้าถึงพูดเหมือนนางให้กำเนิดลิงหรืออะไรทำนองนั้น
เว่ยต้านส่ายหัว “จักรพรรดิและจักรพรรดินีได้เสาะหาหมอหลายคนและรวบรวมสมบัติวิเศษทุกประเภทเพื่อรักษาองค์รัชทายาท แม้ว่าเขาจะไม่ถูกมองว่าเป็นอัจฉริยะ แต่เขาก็สามารถเทียบได้กับคนธรรมดาที่สุด”
ผู้เฒ่ามี่บ่น “ในราชวงศ์ การเป็นคนธรรมดาคือหายนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด บิดาของเขาเป็นผู้บ่มเพาะที่มีอำนาจมากที่สุดในอาณาจักร ในขณะที่ลุงและลูกพี่ลูกน้องของเขาก็เป็นอัจฉริยะที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน น่าเสียดายจริง ๆ”
เว่ยต้านยิ้มอย่างขมขื่น “บางทีโชคของราชวงศ์อาจหมดลงแล้ว”
ซูอันมีสีหน้าแปลก ๆ ฉู่ชูเหยียนได้กล่าวก่อนหน้านี้ว่าสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกในปัจจุบันที่ราชวงศ์เผชิญคือการเลือกว่าจะมอบบัลลังก์ให้กับองค์รัชทายาทหรือราชันย์ฉี
กล่าวกันว่าการบ่มเพาะขององค์รัชทายาทไม่ได้มีความโดดเด่นเลย ซึ่งทำให้หลายคนสนับสนุนราชันย์ฉี แต่จากสิ่งที่ได้ยินในตอนนี้ องค์รัชทายาทดูเหมือนจะยังห่างไกลจากการเป็นคนธรรมดาด้วยซ้ำ เขาเป็นขยะที่แท้จริง!
เว่ยต้านกล่าวต่อ “จักรพรรดินีกังวลเรื่ององค์รัชทายาทมาตลอด แต่เมื่อไม่กี่ปีก่อน องค์จักรพรรดินีได้เจอหญิงสาวจากตระกูลสูงศักดิ์ผู้หนึ่งซึ่งมีความงดงามและมีความเฉลียวฉลาดเลิศล้ำ องค์จักรพรรดินีจึงไม่รีรอ และจัดการหมั้นหมายให้กับองค์รัชทายาททันที ด้วยความช่วยเหลือของหญิงสาวผู้นั้น นางก็น่าจะสามารถชดเชยข้อบกพร่องขององค์รัชทายาทได้”
“องค์รัชทายาทกำลังจะมีพระชายาแล้ว?” ผู้เฒ่ามี่แปลกใจ เขาถอนหายใจ “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ องค์รัชทายาทยังเยาว์มากในตอนนั้น… ตอนนี้กลับเข้าสู่วัยสมรสแล้ว”
เว่ยต้านรู้สึกหัวใจของเขาเต้นแรงเช่นกัน “จริง ๆ แล้ว… ย้อนกลับไป เรายังคงกินดื่มและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน…แต่ตอนนี้ เรากลับต้องมาต่อสู้กันจนตาย”
“เอาล่ะ รำลึกความหลังกันพอแล้ว ถึงเวลาของเจ้าแล้ว” ผู้เฒ่ามี่เดินไปหาเว่ยต้าน และยื่นมือออกเตรียมที่จะจี้หว่างคิ้วของอีกฝ่าย
แต่แล้วทันใดนั้น เว่ยต้านก็รวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายใช้ฝ่ามือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บฟาดไปที่ส่วนท้องน้อยของผู้เฒ่ามี่!