เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 597 บิดเบี้ยว
บทที่ 597 บิดเบี้ยว
บทที่ 597 บิดเบี้ยว
ผู้เฒ่ามี่ยังลังเลอย่างเห็นได้ชัด ซูอันยังคงกดดันเขาต่อไป “ผู้อาวุโส ท่านบอกว่าท่านจะมอบทุกสิ่งให้ข้าไม่ใช่เหรอ?”
“สิ่งที่เจ้าพูดนั้นสมเหตุสมผล” ผู้เฒ่ามี่ถอนหายใจ “เอาล่ะ ข้าจะส่งต่อย่างก้าวเกิดปทุมให้เจ้าเช่นกัน”
“แต่ว่าทักษะนี้ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าสามารถเข้าใจได้ในตอนนี้ ข้าจึงจะบรรจุทักษะนี้ลงบนเมล็ดพันธุ์แห่งวิญญาณละปลูกฝังไว้ในตัวเจ้า ด้วยวิธีนี้ ทักษะจะปรากฏในใจของเจ้าเมื่อเจ้าไปถึงระดับหนึ่งของการบ่มเพาะ”
ซูอันตกตะลึง จำเป็นต้องทำสิ่งที่ยากขนาดนั้นเลยเหรอ?
แค่คิดว่าจะปล่อยให้อะไรที่เกี่ยวกับวิญญาณของอีกฝ่ายเข้าสู่ร่างกายของเขาก็ฟังดูเหมือนเป็นความคิดที่แย่มาก เขาอยากจะปฏิเสธในทันที ทว่าการยั่วยวนของเคล็ดวิชาย่างก้าวเกิดปทุมนั้นยากจะต้านทาน
ผู้เฒ่ามี่ลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ และเดินเข้าหาเขาด้วยการก้าวที่โซเซไปมา มีแสงสีม่วงปรากฏขึ้นบนปลายนิ้วของผู้เฒ่ามี่ ซึ่งดูคล้ายเมล็ดทานตะวันขนาดเล็กที่มีประกายแสงส่องออกมาจนมองเห็นได้ไม่ชัดเจนว่าภายในมีอะไร
“ผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ อย่าต่อต้านมัน ไม่เช่นนั้นการถ่ายโอนจะล้มเหลว ข้าไม่มีพลังเหลือพอที่จะทำซ้ำเป็นครั้งที่สอง” ผู้เฒ่ามี่กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ซูอันพยักหน้าอย่างจริงจัง แต่ก็ไม่สามารถสลัดความรู้สึกไม่สบายใจในตัวเขาออกไปได้ เพราะเขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจากขั้นตอนการปลูกฝังเมล็ดพันธุ์ที่ว่า
นิ้วของผู้เฒ่ามี่ค่อย ๆ เคลื่อนมายังหว่างคิ้วของซูอัน เมื่อระยะทางค่อย ๆ กระชับรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของชายชรา
เขาแสร้งทำเป็นผู้เฒ่าที่กำลังจะตายที่ต้องการถ่ายทอดทุกสิ่งที่เขารู้ และไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยที่จะส่งต่อดัชนีทานตะวันให้กับซูอัน ทุกการกระทำถูกคิดมาเป็นอย่างดีเพื่อลดระดับการป้องกันของอีกฝ่ายทีละขั้น
เขารู้ว่าแม้ซูอันจะไม่แข็งแกร่งนัก แต่ก็เป็นคนมากเล่ห์เพทุบาย ด้วยเหตุนี้ เขาจึงวางแผนอย่างระมัดระวังเป็นอย่างมาก…
การครอบครองร่างผู้อื่นนั้นอันตรายอย่างยิ่งและมีโอกาสล้มเหลวเสมอ
ยิ่งเจตจำนงของเป้าหมายแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะล้มเหลวก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น
ในทางตรงกันข้าม หากเป้าหมายไม่ต่อต้าน ความน่าจะเป็นของความสำเร็จก็เกือบเต็มสิบส่วน
ความรู้สึกไม่สบายใจของซูอันทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อเขาเห็นรอยยิ้มบนริมฝีปากของผู้เฒ่ามี่ โดยเฉพาะเมื่อไอ้สิ่งที่คล้ายเมล็ดทานตะวันขนาดจิ๋วนั้นเข้าใกล้ศีรษะของเขา
ราวกับว่าทุกเซลล์ในร่างกายของเขากำลังเตือนว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตราย!
ร่างกายของเขาได้ใช้วิชาร่างก้าวทานตะวันโดยสัญชาตญาณ และพุ่งออกไปไกลจากตัวของผู้เฒ่ามี่ในทันที…
ร่างกายของผู้เฒ่ามี่สั่นสะท้าน เขาไม่คิดว่าจะเกิดอะไรแบบนี้ขึ้น เขาจ้องเขม็งไปทางซูอัน “เจ้าปลดผนึกได้แล้วหรือ?”
ซูอันหัวเราะอย่างเชื่องช้า “การร่วงลงจากกิ่งไม้ก่อนหน้านี้ได้คลายผนึกที่ผูกมัดข้าไว้ ส่วนการหลบหลีกเมื่อครู่นี้ ข้าคิดว่ามันคงเป็นเพราะสัญชาตญาณ”
ผู้เฒ่ามี่พูดเสียงเรียบ “กลับมาตรงนี้ มันไม่ง่ายที่ข้าจะรักษาเมล็ดพันธุ์แห่งวิญญาณให้อยู่ในรูปแบบที่ควบแน่น ในไม่ช้ามันจะกระจายสลายไปและเจ้าจะไม่สามารถเรียนรู้ย่างก้าวเกิดปทุมได้!”
ซูอันโบกมือและพูดว่า “เอ่อ…ผู้อาวุโส ข้าขอเปลี่ยนใจดีกว่า ข้าไม่ต้องการที่จะเรียนรู้มันอีกแล้ว ท่านควรจะหาคนที่เหมาะสมมากกว่าข้าแล้วค่อยถ่ายทอดทักษะนี้ให้แก่คนผู้นั้นแทน”
ผู้เฒ่ามี่ตวาดลั่น “เวลานี้ข้าจะหาคนอื่นได้อย่างไร? กลับมาที่นี่เดี๋ยวนี้!”
ความตื่นตระหนกและน้ำเสียงที่คุกคามของอีกฝ่ายทำให้ซูอันตื่นตัวอย่างยิ่ง เขาหัวเราะเบา ๆ และพูดว่า “ขอบคุณท่านผู้อาวุโส แต่ข้าไม่ต้องการมันอีกแล้วจริง ๆ ”
สีหน้าของผู้เฒ่ามี่เปลี่ยนเป็นเย็นชา“ นั่นไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะตัดสินใจ!”
หลังจากสิ้นคำพูด ผู้เฒ่ามี่ก็ทะยานตัวเข้าหาซูอันทันที!
เมื่อเห็นการท่าทางที่น่ากลัวของผู้เฒ่ามี่ ซูอันก็หลบหนีอย่างบ้าคลั่งด้วยวิชาร่างก้าวทานตะวัน
ครั้งที่แล้วเขาถูกจับตัวก่อนที่จะทันตั้งตัวได้ ไม่มีทางที่จะปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีกเป็นอันขาด
ผู้เฒ่ามี่เย้ยหยัน ข้าเป็นคนสอนวิชาร่างก้าวทานตะวันให้เจ้า เจ้าคิดหรือว่าจะรอดไปได้!
เขามั่นใจว่าตัวเองสามารถคาดเดาได้อย่างไม่ยากเย็นว่าซูอันจะหลบหลีกไปทางไหนต่อ แล้วจากนั้นเขาจะไปดักแล้วคว้าตัวมาอย่างง่ายดาย
“ข้าจับเจ้าได้แล้ว!” ในไม่ช้าผู้เฒ่ามี่คว้าตัวซูอันได้สำเร็จ ทว่าเวลานั้นรอยยิ้มของเขาพลันแข็งค้าง
จู่ ๆ ร่างที่เขาคว้าก็สลายเป็นควัน และตระหนักได้ว่าสิ่งที่เขาคว้าไว้คือร่างปลอม
“เป็นไปได้อย่างไร!?” ผู้เฒ่ามี่หันไปมองซูอันอีกคนในทันที
ตัวเองคือผู้ที่ถ่ายทอดวิชาร่างก้าวทานตะวันนี้ให้ซูอัน เขาย่อมเข้าใจทักษะของตัวเองดีกว่าเด็กเหลือขอคนนี้มาก แล้วทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้?!
เด็กคนนี้แบ่งร่างออกเป็นสอง ยิ่งกว่านั้นทั้งร่างจริงและร่างแยก กลิ่นอายและคลื่นพลังของพวกมันทุกอย่างเหมือนกันหมด!
“เจ้าสำเร็จถึงระดับนี้ได้อย่างไร??” ผู้เฒ่ามี่จ้องซูอัน เขาเพิ่งสอนทักษะนี้ให้ซูอันไม่นานมานี้เอง แต่แล้วซูอันกลับใช้วิชาเดียวกันนี้ให้เหนือกว่าอำนาจของตัววิชาที่ควรจะสำแดงออกได้อย่างไร?
“การสร้างทักษะใหม่ไม่ได้ยากเกินไปสำหรับอัจฉริยะอย่างข้า!” ซูอัน ตอบ แต่ในใจเขารู้สึกขอบคุณสวรรค์ ที่ให้เขาได้พบกับพี่หญิงใหญ่จักรพรรดินีที่ดัดแปลงวิชาร่างก้าวทานตะวันให้เขา!
ผู้เฒ่ามี่หงุดหงิดเมื่อเห็นสีหน้าที่ร่าเริงของซูอัน ทักษะที่เขาภาคภูมิใจนั้นถูกดัดแปลงได้อย่างไร ข้าประเมินความสามารถของเด็กคนนี้ต่ำเกินไปแล้ว!
—
ท่านยั่วยุมี่เหลียนอิ๋งสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 666!
—
ซูอันพูดทันทีเมื่อเขาเห็นคะแนนความโกรธแค้น “ผู้อาวุโส ทำไมถึงดูโกรธเคืองข้าขนาดนี้? ข้าแค่ไม่ต้องการที่จะเรียนรู้ ‘ย่างก้าวเกิดปทุม’ ทำไมท่านถึงต้องอารมณ์เสียเช่นนี้?”
ผู้เฒ่ามี่บ่น “พูดตรง ๆ ก็ได้ ผู้เฒ่าคนนี้ชอบรูปร่างหน้าตาของเจ้า!”
“บัดซบ!” ซูอันพยายามเอามือปิดก้น ขณะที่พยายามเว้นระยะห่างระหว่างพวกเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ “ผู้อาวุโส! ข้าเป็นผู้ชายแท้ทั้งแท่ง!”
แต่ไม่นานเขาก็นึกขึ้นได้ ชายชราผู้นี้เป็นขันทีไม่มี ‘ไอ้นั่น’ แล้วข้าจะกลัวอะไรนักหนา?
เขาปล่อยมือจากก้นเมื่อคิดได้ถึงเรื่องนี้
แต่ถ้าผู้เฒ่ามี่ไม่ได้ขึ้นจะอยู่ข้างบน แต่เป็นคนที่อยู่ข้างล่างแทนล่ะ?
เขารู้สึกท้องไส้ปั่นป่วน
เมื่อผู้เฒ่ามี่เห็นสีหน้าของซูอันก็ตระหนักว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ เขาโกรธจัด “ไอ้เด็กเปรต เจ้าคิดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่!?”
—
ท่านยั่วยุมี่เหลียนอิ๋งสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 781!
—
เขาตัดสินใจที่จะพูดอย่างชัดเจนเพื่อป้องกันไม่ให้จินตนาการของซูอันโลดแล่น “ข้าจะบอกเจ้าก็ได้ เจ้าคงได้ยินเว่ยต้านเอ่ยแล้วว่าถึงแม้เขาจะตายไปแล้ว แต่ในอนาคตก็จะยังมีคนมากมายที่ไล่ล่าข้าเพราะข้าไม่ยอมมอบวิชาวัฏจักรหงส์อมตะให้กับองค์จักพรรดิ! เพื่อขจัดปัญหาทั้งหมดของข้า ข้าจึงคิดหาทางออกที่สมบูรณ์แบบ”
“ทางออกแบบไหน?” ท่านเป็นคนที่ถูกตามล่า แล้วมาเกี่ยวอะไรกับข้าด้วย?
ผู้เฒ่ามี่มองเขาขึ้นและลง จากนั้นก็เหยียดยิ้มอย่างชั่วร้าย “แน่นอนว่าเป็นการยึดครองร่างสร้างตัวตนใหม่!”
“ร่างของข้านี้มันเก่าแก่แล้ว และมันเริ่มมีตำหนิ มีโรคภัย นี่คือเหตุผลที่ข้าไม่ลังเลที่จะทิ้งมันไว้ข้างหลัง ส่วนเจ้านั้นแตกต่าง เจ้ามีภรรยาที่งดงามเป็นอันดับหนึ่งในเมืองจันทร์กระจ่าง! อำนาจของตระกูลฉู่สามารถให้สถานะและความมั่งคั่งแก่ข้าได้ เมื่อข้าเป็นเจ้า ไม่เพียงแต่ข้าจะกำจัดเภทภัยทั้งหมดไปได้ แต่ข้ายังจะมีอนาคตที่สดใสและสวยงามอีกด้วย!”