เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 603 พลังธาตุ
บทที่ 603 พลังธาตุ
บทที่ 603 พลังธาตุ
ซูอันตกตะลึง “ธาตุหายากที่ท่านพูดฟังดูแข็งแกร่งมาก”
“ไม่ใช่อย่างนั้นเสมอไป ท้ายที่สุดก็ยังขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล” หมี่ลี่เริ่มใจร้อน “หยุดถามคำถามมากมายแล้วบอกข้าว่าเจ้าปลุกธาตุอะไรขึ้นมา?”
ซูอันตกตะลึง “ข้าไม่รู้ ข้าจะรู้ได้อย่างไร?”
หมี่ลี่ขมวดคิ้ว “จดจ่อกับสมาธิของเจ้า ธาตุใดรอบตัวที่เจ้ารู้สึกผูกพันมากที่สุด?”
สถาบันจันทร์กระจ่างสอนเขาเกี่ยวกับวิธีการรับรู้ธาตุเพียงเล็กน้อย ซูอันหลับตาและลองทำตามที่หมี่ลี่บอก หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็ลืมตาขึ้นด้วยความงุนงง “ข้าไม่ได้รู้สึกใกล้ชิดกับธาตุใด ๆ เลย พวกมันทั้งหมดดูเหมือน ๆ กันสำหรับข้า”
หมี่ลี่ขมวดคิ้ว “เจ้าไม่มีพลังธาตุ เป็นไปได้อย่างไร?!”
ซูอันพยายามอีกครั้ง แน่นอนว่าไม่มีธาตุใดที่โดดเด่นสำหรับเขา
แต่ขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะยอมแพ้ จู่ ๆ เขาก็นึกขึ้นได้ว่าจะมีนกแปลก ๆ ปรากฏขึ้นทุกครั้งที่เลื่อนระดับ ซึ่งจะทำให้เขามีทักษะใหม่
เขาตรวจสอบอักขระตัวที่สี่ทันที แน่นอนว่าตอนนี้มันมีรูปของนกตัวหนึ่งประทับอยู่ด้านบน
นกแปลก ๆ นี้มีลักษณะคล้ายกับนกหัวฟู แต่มีขนาดเท่ากับนกยูงและมีสีแดงสดเป็นประกาย
ข้าง ๆ เขียนว่า ‘นกกระจิบร้อยเสียง’
นกกระจิบร้อยเสียงนี้ทำอะไรได้?
ซูอันค่อนข้างอยากรู้อยากเห็น เขาจึงเปิดใช้งานโดยไม่รู้ตัว มีนกตัวหนึ่งบินออกมาเปล่งเสียงที่ไพเราะ
มันเป็นเพลงที่มีเสน่ห์มากกว่าทุกสิ่งแม้แต่เสียงที่ไพเราะที่สุด มันทำให้จิตใจผ่อนคลายอย่างแท้จริง
แต่นกตัวนี้ทำอะไรได้? แค่โชว์เสียงเฉย ๆ งั้นเหรอ?
ถ้าเป็นอย่างนี้ ก็คงเหมือนวิทยุพกพาสินะ?
เขาหันไปหาหมี่ลี่ทันที “พี่หญิงใหญ่ ได้ยินอะไรบ้างไหม?”
หมี่ลี่ไม่ตอบ เขากำลังจะทวนคำถามอีกครั้งเมื่อสังเกตเห็นการแสดงออกที่เลื่อนลอยในดวงตาของนาง
เกิดอะไรขึ้น?
เขาโบกมือหน้านาง
ดวงตาของหมี่ลี่กลับมาเป็นปกติ นางมองเขาด้วยท่าทางที่ซับซ้อน “เจ้าปลุกพลังของธาตุวิญญาณ!”
“ธาตุวิญญาณ?” ซูอันตะลึง เขาใช้เวลาครู่หนึ่งกว่าจะรู้ว่านางกำลังพูดถึงพลังธาตุของเขาซึ่งตื่นขึ้นในระดับที่ห้า
ธาตุวิญญาณเป็นหนึ่งในธาตุหายาก…
หมี่ลี่ถอนหายใจยาว “ข้าสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังวิญญาณที่บุกรุกจิตใจของข้า ถ้าไม่ใช่เพราะระดับการบ่มเพาะที่สูงกว่า จิตใจของข้าอาจตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้า!”
ซูอันดีใจมาก “ทักษะนี้ยอดเยี่ยมขนาดนั้นเลยเหรอ?”
รู้ ๆ กันอยู่ว่าหมี่ลี่อยู่ที่ระดับใด เสียงของนกกระจิบร้อยเสียงสามารถควบคุมคนเช่นนางได้แม้ว่าจะเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ แต่ช่วงเวลาแค่นั้นก็นานพอที่เขาจะทำหลายสิ่งหลายอย่างได้!
หมี่ลี่บ่นว่า “ยังเร็วเกินไปที่เจ้าจะรู้สึกพอใจ เจ้าต้องเข้าใจว่าขณะนี้ข้ายังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ยิ่งไปกว่านั้นข้าเหลือแต่ดวงวิญญาณ แต่แล้วข้ากลับยังสามารถหลุดจากอำนาจควบคุมของเจ้าได้ภายในไม่กี่อึดใจ ดังนั้นถ้าเจ้ากำลังต่อสู้กับคนที่มีความแข็งแกร่งคล้ายกับข้า แต่อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ การโจมตีทางวิญญาณของเจ้าอาจจะไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้เลย”
ซูอันหัวเราะ “เท่านี้ก็เกินพอแล้ว ทักษะนี้อาจจะเติบโตไปพร้อมกับการบ่มเพาะของข้า!”
ในตอนแรก การใช้จ้าววายุเพียงครั้งเดียวทำให้พลังชี่ของเขาหมดลง
แต่ตอนนี้ เขาสามารถใช้มันได้หลายครั้งติดต่อกัน และระยะทางที่เขาสามารถไปได้ในพริบตาก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน
ความสามารถในการควบคุมจิตใจของนกกระจิบร้อยเสียงก็น่าจะแข็งแกร่งขึ้นตามระดับการบ่มเพาะที่เพิ่มขึ้นของเขา
การแสดงออกของหมี่ลี่เริ่มจริงจัง “เจ้าไม่ควรมองข้ามเรื่องนี้ ธาตุวิญญาณนั้นหายากกว่าธาตุอื่น ๆ แม้อำนาจการควบคุมของมันจะน่าอัศจรรย์ แต่ก็เป็นดาบสองคม หากเจ้าใช้ทักษะนี้กับใครบางคนที่แข็งแกร่งกว่าทั้งระดับการบ่มเพาะและจิตใจ เจ้าอาจได้รับบาดเจ็บสาหัสแทน ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด แม้แต่จิตวิญญาณของเจ้าก็อาจถูกทำลายจนย่อยยับ! เจ้าจะนอนเป็นผักไร้ซึ่งชีวิตจิตใจ”
“ใจเย็น ๆ ข้าไม่ได้โง่ขนาดนั้น ข้าจะไม่ใช้มันกับใครก็ตามที่มีระดับการบ่มเพาะที่สูงกว่าข้ามาก” ทว่าซูอันก็ตระหนักว่าสิ่งที่นางอธิบาย เขาคงไม่ได้รับผลกระทบตามนั้น เนื่องจากทักษะนี้ไม่ได้ผูกติดอยู่กับจิตวิญญาณของเขาเอง แต่เรื่องนี้ไม่สามารถอธิบายออกไปได้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้ เขาจึงบอกหมี่ลี่ถึงสิ่งที่นางต้องการจะได้ยินเพื่อทำให้นางสบายใจ
ในที่สุด หมี่ลี่ก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “เอาล่ะ เจ้าลองชกมาใส่ข้าสักที”
ซูอันดูงุนงง
“ใช้กำลังทั้งหมดของเจ้า ข้าต้องการทดสอบอะไรสักหน่อย” หมี่ลี่กล่าว
ซูอันกังวลเล็กน้อย “แล้วถ้า…ถ้าข้าทำร้ายท่านล่ะ?”
เขารู้สึกราวกับว่าเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังในตอนนี้
ซูอันจะไม่กังวลเลยหากนางอยู่ในสภาพสมบูรณ์ เขาไม่สามารถทำร้ายนางได้แม้ว่าจะมีพลังมากกว่าปัจจุบันถึงสิบเท่าก็ตาม…
ทว่าตอนนี้นางมีเพียงร่างวิญญาณ ดังนั้นนางจึงอ่อนแอกว่าปกติมาก แน่นอนว่าเขาย่อมกังวล
หมี่ลี่ยิ้มอย่างมั่นใจ “ไม่ต้องห่วง เจ้าทำร้ายข้าไม่ได้หรอก เร็วเข้า!”
ซูอันทำได้เพียงถอนหายใจเมื่อได้ยินนางพูดแบบนี้ “ก็ได้ ถ้าเช่นนั้น… ไม่เคยมีใครขอให้ข้าทำแบบนี้มาก่อนในชีวิต ดังนั้นคราวนี้ข้าจะทำตามคำสั่งแบบสุดแรงเกิดเลย เอาล่ะนะ!”
เขาเหวี่ยงหมัดใส่นางอย่างเต็มแรงทันทีที่พูดจบ พลังชี่ทั้งหมดถูกโคจรไปที่กำปั้นของเขา
หมี่ลี่หน้าแดง นางหลบไปด้านข้างแล้วพูดว่า “เจ้าเด็กสารเลว เจ้าสามารถต่อยข้าที่อื่นได้! แต่เจ้าเล็งมาที่หน้าอกข้าทำไม!?”
—
ท่านยั่วยุหมี่ลี่สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 33!
—
น่าเสียดายที่นางเข้าใจเจตนาของซูอันผิด ที่เขามุ่งเป้าไปที่บริเวณนั้นเพราะไม่ใช่จุดสำคัญ และบริเวณหน้าอกก็มีชั้นไขมันเพื่อปกป้องนาง หากมีอะไรผิดพลาดจริง ๆ เขาคงไม่ได้ทำร้ายนางอย่างรุนแรงมากนัก
ซูอันประหลาดใจที่เห็นคะแนนความโกรธแค้น ทำไมท่านถึงโกรธในเมื่อท่านเป็นคนบอกให้ข้าตีท่าน?
หลังจากหลบไปด้านข้าง หมี่ลี่ก็ยื่นมือขาว ๆ มาจับกำปั้นของเขา
ซูอันรู้สึกราวกับว่ากำปั้นของเขาจมลงไปในก้อนฝ้าย พลังทั้งหมดของเขาก็สลายหายไปในความว่างเปล่า
สิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มตกใจยิ่งกว่านั้นก็คือหมี่ลี่ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นร่างวิญญาณ แต่ความรู้สึกก็ไม่ต่างจากที่ตัวเองจะรู้สึกมากนักหากเขาตีคนธรรมดา ทั้งยังสัมผัสได้ว่าฝ่ามือของนางยังอุ่นอยู่เล็กน้อย
หมี่ลี่ปล่อยหมัดและถอนหายใจอย่างพึงพอใจ “ข้าเข้าใจแล้ว”
“ท่านหมายความว่าอย่างไร?” ซูอันสงสัย
หมี่ลี่กล่าวว่า “ข้ารู้สึกแปลก ๆ เมื่อเราต่อสู้กันในมิติลับหยกจรัส ความแข็งแกร่งของเจ้านั้นล้ำหน้ากว่าระดับการบ่มเพาะที่คงอยู่มาก ข้าคิดว่ามันอาจจะเป็นเพราะวิชาวัฏจักรหงส์อมตะ แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่ทั้งหมด ตอนนี้เจ้าไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ดังนั้นนี่ควรเป็นความแข็งแกร่งพื้นฐานของเจ้า และยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเจ้าเสริมกำลังตัวเองด้วยพลังชี่ พลังและความเร็วของเจ้าจะสูงกว่าผู้บ่มเพาะที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเจ้าอย่างเทียบกันไม่ได้”
“จากการทดสอบเมื่อครู่ ความหนาแน่นของพลังชี่ในตัวเจ้าสามารถเทียบได้กับผู้บ่มเพาะระดับหกขั้นต้น!”