เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 616 นิกายปีศาจ
บทที่ 616 นิกายปีศาจ
บทที่ 616 นิกายปีศาจ
ซ่างหงเห็นด้วย ถ้ายาไม่ได้ผล เขาจะฉีกเด็กคนนี้ให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทันที
เขาประคองลูกชายของเขาและเทยาทีละหยดเข้าปากอย่างระมัดระวังไม่ให้ยาสูญเปล่าแม้แต่หยดเดียว…
เขาสังเกตเห็นว่ามีสีเขียวผสมกับของเหลวสีแดง ซึ่งทั้งหมดนั้นเข้าไปในร่างของลูกชายของเขา
หลังจากให้ยาเสร็จสรรพ เขาเฝ้าดูลูกชายอย่างประหม่า เจิ้งตานเองก็เช่นกัน
นางรู้สึกขัดแย้งอย่างมาก นางกังวลว่าซ่างเชียนจะไม่สามารถฟื้นตัวได้ และซ่างหงจะฆ่าซูอัน อย่างไรก็ตาม ถ้าซ่างเชียนฟื้นขึ้นมา นางก็จะต้องแต่งงานกับซ่างเชียน หากเป็นเช่นนั้นความสัมพันธ์ระหว่างนางและซูอันจะทำอย่างไร?
ในเวลาไม่นาน สีเลือดฝาดก็ฟื้นคืนกลับมาที่แก้มของซ่างเชียน ผิวของเขาดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ยาศักดิ์สิทธิ์! นี่เป็นยาศักดิ์สิทธิ์!” หมอที่อยู่ข้าง ๆ ร้อง
ซ่างหงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความคาดหวัง ตัวเขาสั่น “เชียนเอ๋อร์ เชียนเอ๋อร์?”
ไม่นาน ซ่างเชียนก็ลืมตาขึ้น “ท่านพ่อ!”
แม้ว่าที่ผ่านมา เขาจะอยู่ในสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่นเนื่องจากอาการบาดเจ็บมาโดยตลอด แต่เขาก็ยังพอมีสติรับรู้ทุกอย่างรอบด้าน ดังนั้นเมื่อสัมผัสได้ว่าตัวเองเริ่มฟื้นฟู เขาจึงเอ่ยเรียกพ่อตัวเองได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากขานเรียกพ่อตัวเองไปได้ครู่หนึ่ง จู่ ๆ ซ่างเชียนก็รู้สึกราวกับว่าสามารถขยับตัวได้บ้างแล้ว เขาลุกขึ้นมาจากเตียงอย่างช้า ๆ ดวงตาของหมอที่อยู่ด้านข้างเกือบจะถลนออกมาจากเบ้าตา
เขาเป็นคนที่เข้าใจได้ชัดเจนที่สุดว่าซ่างเชียนอยู่ใกล้ขอบเหวแห่งความตายแค่ไหน แต่ตอนนี้ซ่างเชียนกลับดูไม่ต่างจากคนปกติที่ดูอ่อนเพลียเพียงเล็กน้อย
“หมอ อาการของเชียนเอ๋อร์เป็นยังไงบ้าง?” ซ่างหงถามทันที
หมอใช้เวลาครู่หนึ่งในการตรวจชีพจรของซ่างเชียน จากนั้นจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ยินดีด้วย ท่านผู้ตรวจการ นายน้อยสบายดี เขาน่าจะหายดีหลังจากพักผ่อนสักสองสามวัน”
“ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม!” ซ่างหงตื่นเต้นอย่างไม่น่าเชื่อ และรีบพูดกับซูอัน “ขอบคุณเจ้านะน้องชาย!”
ด้วยความยินดี เขาเปลี่ยนสรรพนามเรียกซูอันเป็น ‘น้องชาย’
“เจ้า?” ซ่างเชียนหันไปมองซูอันด้วยความไม่พอใจ
“พ่อของเจ้าเรียกข้าว่า ‘น้องชาย’ เจ้าควรเรียกข้าว่าท่านอา!” ซูอันพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ แล้วทำท่าเงี่ยหูรอที่จะฟัง
ซ่างเชียนจ้องมองซูอันโดยพูดอะไรไม่ออก
แม้แต่ซ่างหงและเจิ้งตานที่ยืนอยู่ข้างเตียงของเขาก็ยังโง่งม
คะแนนความโกรธแค้นที่เข้ามาเกือบทำให้ซูอันระเบิดเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนาน
“เจ้าบ้า เจ้าพูดอะไร?!” ซ่างเชียนไม่เคยชอบซูอันตั้งแต่แรก ท่าทีเยาะเย้ยเช่นนี้ทำให้เขาโกรธทันที
ซูอันถอนหายใจ “นี่คือวิธีที่เจ้าพูดกับผู้ที่ช่วยชีวิตเจ้างั้นเหรอ?”
ซ่างหงตัดบททันที “เชียนเอ๋อร์ อย่าหยาบคาย ต้องขอบคุณนายน้อยซู เขาช่วยชีวิตเจ้าไว้”
เขายังคงกังวลว่าอาการของซ่างเชียนยังไม่คงที่ ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะทำให้ซูอันไม่พอใจ เพราะอาจจะต้องขอยาจากซูอันเพิ่ม
ซ่างเชียนคับแค้นอยู่ในอก “ท่านพ่อ!”
ซ่างหงจ้องมองเขา “ทำตามที่ข้าบอก!”
จากนั้นซ่างเชียนก็จับมือกับซูอันอย่างไม่เต็มใจ “ขอบคุณมาก!”
ซูอันจงใจเอียงหูเข้าไปใกล้ ๆ “เจ้าขอบคุณข้าเรื่องอะไรนะ?”
ซ่างเชียนกัดฟันกรอดบังคับให้ตัวเองเงียบ
ซ่างหงก็เริ่มรำคาญเช่นกัน “นายน้อยซู เชียนเอ๋อร์เพิ่งฟื้นตัวและต้องการพักผ่อน ได้โปรด อย่าให้เขาหักโหมมากเกินไป”
ถ้าเขายังแหย่ซ่างเชียนต่อ ทั้งสองพ่อลูกอาจจะพากันระเบิดความโกรธขึ้นมาได้ ถึงแม้เขาจะอยากได้รับคะแนนความโกรธแค้นจำนวนมาก แต่เขาก็ไม่ต้องการถูกซ่างหงบี้เหมือนมด ซูอันจึงลุกขึ้นบอกลาพวกเขา “ในเมื่อทุกอย่างคลี่คลายแล้ว งั้นข้าขอตัวก่อน”
ซ่างหงพยักหน้า “ตานเอ๋อร์ เจ้าช่วยไปส่งนายน้อยซูที”
แน่นอน ซ่างหงไม่กล้าเรียกซูอันว่า ‘น้องชาย’ อีก
เจิ้งตานลุกขึ้นและโค้งรับคำด้วยรอยยิ้ม “ทราบแล้วเจ้าค่ะ”
“แม่นางเจิ้งช่างงดงามมากน้ำใจ นับเป็นเกียรติจริง ๆ ที่ได้สาวสวยเช่นเจ้ามานำทางข้า” ดวงตาของซูอันกวาดไปทั่วร่างกายของนาง ก่อนจะมองไปยังซ่างเชียนอย่างพอใจ
ซ่างเชียนขมวดคิ้ว
สายตาไอ้เวรนี่…ทำไมมันทำให้ข้ารู้สึกแย่แบบนี้!?
เจิ้งตานตื่นตระหนกจากการจ้องมองที่เร่าร้อนของซูอันอย่างยิ่ง นางกลัวว่าพ่อลูกตระกูลซ่างจะรู้ความจริง
ทว่ามีเพียงซูอันเท่านั้นที่สามารถอ่านความคิดอ่านที่แท้จริงของสองพ่อลูกตระกูลซ่างได้ ยิ่งเขาทำอย่างนี้มากเท่าไหร่ โอกาสที่สองพ่อลูกตระกูลซ่างจะสงสัยก็ยิ่งน้อยลง นอกจากนี้ยังได้รับคะแนนความโกรธแค้นจำนวนมากอีกต่างหาก
เมื่อซ่างเชียนมองดูทั้งสองคนจากไป เขาก็อดไม่ได้ที่จะจ้องเจิ้งตานจนลมหายใจของเขาติดขัด คู่หมั้นของเขาดูมีเสน่ห์เย้ายวนกว่าเมื่อก่อนมาก
เขากลืนน้ำลายแล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “ท่านพ่อ ทำไมต้องให้เจิ้งตานไปกับผู้ชายคนนั้นด้วย?”
ความคิดที่ว่าคู่หมั้นของเขาไปอยู่กับชายอีกคนหนึ่งทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง
“ข้าแค่ต้องการให้แน่ใจว่าตานเอ๋อร์จับตาดูยามที่เขาจากไป ข้าจะไม่สบายใจถ้าเป็นคนอื่น” ซ่างหงกล่าว “มีบางสิ่งที่ข้าต้องคุยกับเจ้า ”
ซ่างหงโบกมือให้หมอและข้ารับใช้คนอื่น ๆ ออกไป ก่อนจะหันกลับไปถามลูกของตน “เชียนเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง? ร่างกายของเจ้ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?”
ซ่างเชียนส่ายหัว “ไม่ ท่านพ่อ ข้ารู้สึกดี ข้ารู้สึกแข็งแกร่งราวกับวัวกระทิงเลยด้วยซ้ำ!”
“ก็ดี ยาของไอ้เด็กนั่นช่างมหัศจรรย์จริง ๆ” ซ่างหงรู้สึกทึ่ง
ซ่างเชียนลดเสียงลง “ท่านพ่อ เราจะปล่อยไอ้เด็กนั่นและตระกูลฉู่ไปจริง ๆ เหรอ?”
ซ่างเชียนได้ยินข้อตกลงระหว่างพวกเขาอย่างชัดเจน
ซ่างหงยิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไรให้ซ่างเชียนตื่นตระหนก “ท่านพ่อ การที่ใบอนุญาตค้าเกลือกลับไปอยู่ในมือของตระกูลฉู่เช่นนี้ มันย่อมหมายความว่าผู้บ่มเพาะลึกลับเหล่านั้นน่าจะถูกส่งมาจากตระกูลฉู่มากที่สุด! ฉะนั้น เรื่องที่ข้าได้รับบาดเจ็บสาหัส ไอ้ซูอันมันต้องมีความเกี่ยวข้องแน่นอน!”
…
ซูอันสังเกตเห็นคะแนนความโกรธแค้นหลั่งไหลเข้ามาทันทีที่เขาออกจากตระกูลซ่าง ดูเหมือนว่าเขาได้ช่วยคนเลวที่เนรคุณไว้ ด้วยความหมั่นไส้เขาจึงถือโอกาสแอบบีบก้นเจิ้งตานสองสามครั้งเพื่อเป็นการแก้แค้น ซึ่งทำให้เขารู้สึกดีขึ้น
…
ในขณะเดียวกันในห้องนอนของซ่างเชียน ซ่างหงก็ส่ายหัวและกล่าวว่า “ข้าได้ตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้นอย่างรอบคอบแล้ว คนลึกลับเหล่านั้นไม่ได้มาจากตระกูลฉู่ พวกเขาอาจมาจากนิกายปีศาจ”
“นิกายปีศาจ?!” ซ่างเชียนตกใจ เขาเข้าใจความหมายที่อยู่เบื้องหลังชื่อนี้อย่างชัดเจน เขานิ่งเงียบอยู่เป็นเวลานาน ในที่สุดก็กล่าวต่อ “ถ้าเช่นนั้น ต่อให้ตระกูลฉู่จะไม่ได้อยู่เบื้องหลังโดยตรง ความจริงที่ว่าสุดท้ายแล้ว ใบอนุญาตค้าเกลือจะตกอยู่ในมือของตระกูลฉู่ หมายความว่าทั้งสองฝ่ายน่าจะสมรู้ร่วมคิดกันเป็นเวลานานแล้ว”
ซ่างเชียนเริ่มกระวนกระวายใจ “ท่านพ่อจะพยายามตัดสินพวกเขาในข้อหาสมรู้ร่วมคิดกับนิกายปีศาจหรือไม่?”
“อะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับนิกายปีศาจล้วนเป็นเรื่องใหญ่ หากไม่มีหลักฐาน เราไม่ควรเตือนให้ศัตรูรู้ตัวไปก่อน” นี่คือวิธีที่ซ่างหงใช้มาตลอด เขาจะยังไม่เคลื่อนไหวหากผลลัพธ์ยังไม่แน่นอน เมื่อไหร่ที่เขาจู่โจม มันจะต้องหวังผลได้ไม่ต่ำกว่าเก้าส่วน
อีกหนึ่งส่วนที่เขาเหลือไว้มันคือสัจธรรม โลกนี้ไม่มีสิ่งใดแน่นอน เฉกเช่นในตอนแรกเขาเชื่อว่าแผนการของเขาสามารถล้มตระกูลฉู่ได้อย่างง่ายดาย แต่สุดท้าย ไอ้เด็กเหลือขอซูอันกลับทำลายทุกอย่างไม่มีชิ้นดี