เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 631 ของขวัญอันชาญฉลาด
บทที่ 631 ของขวัญอันชาญฉลาด
บทที่ 631 ของขวัญอันชาญฉลาด
หลังจากมั่นใจแล้วว่าสถานการณ์ในตระกูลฉู่ยังไม่มีอะไรต้องน่าห่วง ซูอันจึงสั่งให้กองทัพผ้าคลุมสีชาดตั้งค่ายอยู่ใกล้ ๆ แสดงเจตนาให้เห็นว่า กองทัพผ้าคลุมสีชาดจะไม่จากไปจนกว่าการสอบสวนตระกูลฉู่จะสิ้นสุดลง
เซี่ยอี้กังวลว่าจะเกิดการสู้รบระหว่างกองทัพผ้าคลุมสีชาดและกองทหารราชองครักษ์ ดังนั้นเขาจึงให้เซี่ยซิวและผางชุนสั่งให้กองทหารประจำเมืองเตรียมพร้อมในกรณีที่มีอะไรเกิดขึ้น…
หลิวเหย่ารู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก แต่กองทัพผ้าคลุมสีชาดนั้นแข็งแกร่งเกินไป อีกทั้งเซี่ยอี้ยังแสดงเจตนาที่จะปกป้องตระกูลฉู่อย่างเด่นชัด เขาจึงรู้สึกเหมือนถูกมัดมือชก
อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้รีบร้อน เวลาเข้าข้างเขา ทั้งหมดที่เขาต้องทำคือการตรวจสอบรายการบัญชี เมื่อเขามีหลักฐานที่เป็นรูปธรรมแล้ว ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้นเอง
เมื่อถูกตัดสินว่ามีความผิด จะไม่มีใครสามารถช่วยตระกูลฉู่ได้ เว้นแต่ เซี่ยอี้จะกล้าก่อกบฏ
อันที่จริง ต่อให้เซี่ยอี้จะก้าวเข้ามาช่วยตระกูลฉู่ มันก็ไม่สำคัญเช่นกัน เขาจะขอให้จักรพรรดิออกราชโองการ จากนั้นจะดำเนินการปราบปรามทุกคนที่กล้าเหิมเกริมต่อราชสำนัก
ฮึ่ม ซูอัน รอก่อนเถอะ! ข้าจะปล่อยให้เจ้าชูคอต่อไปสักสองสามวัน แล้วจากนั้น ข้าจะทำให้เจ้าเข้าใจว่าโลกนี้โหดร้ายเพียงใด!
ซูอันรู้สึกฮึกเหิมเมื่อเห็นคะแนนความโกรธแค้นหลั่งไหลเข้ามา ไอ้ขี้ขลาด ถ้ากล้าก็เข้ามา!
เขาเลือกที่จะเพิกเฉยต่อหลิวเหย่า และไปหาเซี่ยเต๋าอวิ๋นแทน
ก่อนหน้านี้นางได้ให้ความช่วยเหลืออย่างมาก และชายหนุ่มก็คิดว่าควรจะขอบคุณนางอย่างเหมาะสม
ซูอันประหลาดใจที่เห็นว่ารถม้าของนางกำลังจะจากไป “แม่นางเซี่ย จะไปไหน?”
ม่านรถม้าถูกดึงขึ้นเผยให้เห็นร่างที่สง่างามของเซี่ยเต๋าอวิ๋น “แม่นางเจิ้งจะแต่งงานวันนี้ ข้าจะไปแสดงความยินดีกับนาง”
“อะไรนะ!” ซูอันตกใจ เขามัวหมกมุ่นอยู่กับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นจนลืมไปว่าวันนี้เป็นวันแต่งงานของเจิ้งตานแล้ว
“อาจารย์ซู เจ้าต้องการให้ข้านำของขวัญแสดงความยินดีไปมอบให้กับนักศึกษาของเจ้าแทนไหม?” เซี่ยเต๋าอวิ๋นขยิบตาอย่างซุกซน
แม้ว่านางจะไม่รู้ความลับระหว่างซูอันและเจิ้งตาน แต่ทั้งสองคนก็มีความสัมพันธ์แบบอาจารย์กับนักศึกษา ดังนั้นนางจึงหยอกล้อเขาโดยไม่ได้คิดอะไรมาก นางคิดว่าซูอันน่าจะรู้สึกยินดีที่นักศึกษาของตนเองจะแต่งงาน
“ไม่จำเป็น ข้าจะไปแสดงความยินดีกับนางเอง” ซูอันพูดด้วยน้ำเสียงต่ำ
เซี่ยเต๋าอวิ๋นตกใจเมื่อเห็นท่าทางบูดบึ้งของซูอัน แต่นางก็ไม่ได้คิดสงสัยอะไร “อาซู เจ้าอยากจะไปด้วยกันไหม?”
ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามา นางกังวลว่า ซูอันอาจขัดแย้งกับหลิวเหย่า ต่อไปจนตระกูลเซี่ยไม่สามารถหยุดพวกเขาได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้น นางจึงต้องการแยกพวกเขาออกจากกันก่อนถ้าเป็นไปได้
“ได้ ขอเวลาข้าสักครู่” ซูอันยิ้ม เขาวิ่งกลับไปเพื่ออธิบายสองสามเรื่องให้กับฉู่จงเทียนและฉินหว่านหรู จากนั้นก็วิ่งกลับมาขึ้นรถม้าของเซี่ยเต๋าอวิ๋น “ข้าพร้อมแล้ว”
เซี่ยเต๋าอวิ๋นหน้าแดง ข้าบอกว่าเราไปด้วยกันได้ แต่ข้าไม่ได้บอกให้เจ้าขึ้นรถของข้า!
นางอ้าปากจะคัดค้าน แต่ทั้งสองคนเพิ่งขี่ม้าตัวเดียวกันมา ดังนั้น จึงรู้สึกผิดปกติเล็กน้อยที่จะปฏิเสธเขาในตอนนี้ นางจึงเงียบไม่ปฏิเสธออกไป
อย่างไรก็ตาม นางยังคงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเมื่อนั่งกับผู้ชายแบบสองต่อสองในรถม้าส่วนตัว นางจึงคิดหาหัวข้อสนทนาเพื่อบรรเทาความอึดอัดทันที “อาซู ตอนนี้เจ้าคิดจะทำอะไรต่อไป?”
“ข้าคงทำอะไรไม่ได้มากนอกจากรอดูว่าจะมีปัญหาใดเข้ามาบ้างและแก้พวกมันไปเรื่อย ๆ” ซูอันตอบ
เซี่ยเต๋าอวิ๋นลังเล แต่ตัดสินใจที่พูดสิ่งที่คิดออกไป “อันที่จริง ข้าไม่ควรพูดเรื่องนี้ แต่ในฐานะเพื่อน ข้าไม่สามารถดูเจ้าตกลงไปในหุบเหวได้”
ซูอันตกตะลึง “แม่นางเซี่ยกำลังจะพูดอะไร?”
เซี่ยเต๋าอวิ๋นเม้มริมฝีปาก “ข้ารู้ว่าท่านอ๋องฉู่ได้เลือกที่จะวางตัวเป็นกลาง แต่แม้ว่าการรักษาความเป็นกลางอาจดูเหมือนพยายามที่จะไม่ล่วงเกินทุกฝ่าย แต่ความจริงก็คือเจ้าจะทำให้ทั้งสองฝ่ายไม่พอใจ ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นกับตระกูลฉู่ก็มาจากเหตุนี้ ตระกูลฉู่นั้นใกล้จะล่มสลายแล้ว พวกเจ้าทุกคนยังจะรักษาความเป็นกลางอยู่อีกเหรอ?”
ซูอันกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แม่นางเซี่ย กำลังพยายามเกลี้ยกล่อมข้าให้เลือกข้างราชันฉีใช่หรือเปล่า?”
เซี่ยเต๋าอวิ๋นถอนหายใจ “ข้าจะไม่ปฏิเสธว่าข้าพยายามจะโน้มน้าวเจ้า อย่างไรก็ตาม นี่เป็นคำพูดที่จริงใจจากเพื่อน แม้ว่าตระกูลฉู่จะมีกองทัพผ้าคลุมสีชาดที่แข็งแกร่งถึงสามพันนาย แต่พวกเจ้าทุกคนจะทำอะไรได้? จะก่อกบฏด้วยทหารเพียงสามพันคนงั้นเหรอ?
“ยิ่งไปกว่านั้น เหมืองเกลือและเหล็กในภูเขา ตระกูลฉู่ของเจ้าจะรักษาพวกมันไว้ได้ยังไง?
“ทุกคนรู้ดีว่าอ๋องฉู่เป็นยังไง ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะยอมให้กองทัพผ้าคลุมสีชาดผันตัวไปเป็นกลุ่มกองโจรเช่นค่ายเมฆาทมิฬทำ แต่หากไม่มีรายได้มาหล่อเลี้ยง กองทัพผ้าคลุมสีชาดก็จะเสื่อมโทรมในไม่ช้า เมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้นก็สายเกินไปสำหรับความเสียใจ”
“สิ่งที่เจ้าพูดมีเหตุผลมาก” ซูอันกล่าว “เราจะพิจารณาเรื่องนี้อีกที”
เซี่ยเต๋าอวิ๋นมองตาเขาเป็นเวลานานก่อนที่จะพูดในที่สุด “ข้าไม่รู้ว่าทำไม แต่ข้ารู้สึกเหมือนคำพูดของเจ้าไม่จริงใจ ข้าไม่รู้สึกถึงความกังวลใจจากเจ้าแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนของเจ้า แต่ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าตระกูลฉู่จะรอดจากวิกฤตนี้ได้ยังไง?”
ซูอันยิ้มและพูดว่า “เรามาคุยกันเรื่องสบาย ๆ เช่นเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ กันดีกว่า ข้าไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีกแล้ว”
จู่ ๆ ภาพที่ทั้งสองคนขี่ม้าตัวเดียวก็ปรากฏขึ้นในหัวของนาง แก้มของนางแดงก่ำ “ใครจะอยากคุยเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ กับเจ้า?” นางพูดพร้อมกับถอนหายใจ ก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความรู้สึกผิด ทันใดนั้น นางก็ตกใจเมื่อสังเกตเห็นว่ามีทหารตามหลังรถม้ามาด้วย “ทำไมเจ้าถึงพากองทัพผ้าคลุมสีชาดมาด้วย เจ้าพยายามจะทำอะไร?”
ซูอันมองออกไปนอกหน้าต่างไปยังจวนผู้ตรวจการ “ข้าจะไปแสดงความยินดีในงานแต่งงานของพวกเขา!”
เขาทิ้งกองทัพผ้าคลุมสีชาดส่วนใหญ่ไว้เบื้องหลังเพื่อปกป้องตระกูลฉู่ แต่นำกำลังพลสองสามร้อยนายไปที่จวนผู้ตรวจการ
เห็นได้ชัดว่าเซี่ยเต๋าอวิ๋นไม่เชื่อเขา นางพูดด้วยความตื่นตระหนก “ข้ารู้ว่าเจ้าและตระกูลซ่างมีความขุ่นเคืองต่อกัน แต่นี่เป็นวันสำคัญของเจิ้งตาน โปรดอย่าทำอะไรในวันนี้เลย!”
นางเริ่มรู้สึกเสียใจ นางคิดอะไรอยู่ตอนที่นางชวนเขามาด้วย? รู้ทั้งรู้ผู้ชายคนนี้เป็นตัวก่อปัญหา!
“อย่าห่วงเลย ข้าไม่ทำอะไรอะไรเอิกเกริกหรอก” ซูอันยิ้ม สายตาของเขาดูอ่านยาก
เซี่ยเต๋าอวิ๋นไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับคำตอบของเขา นางอดไม่ได้ที่จะกังวล สิ่งแรกที่นางจะทำหลังจากไปถึงตระกูลซ่างคือส่งคนไปติดต่อพ่อของนาง
ซูอันมองออกไปนอกหน้าต่าง ต่างจากบรรยากาศอันมืดหม่นในการเยือนครั้งล่าสุดของเขา ตอนนี้จวนผู้ตรวจการถูกตกแต่งด้วยโคมสีแดงขนาดใหญ่และสัญลักษณ์แห่งโชคลาภ
บรรยากาศที่มีชีวิตชีวาได้ผุดขึ้นโดยรอบ การแต่งงานของนายน้อยของจวนผู้ตรวจการและคุณหนูใหญ่ตระกูลเจิ้ง เป็นงานใหญ่ที่บุคคลสำคัญทั้งหมดในเมืองจันทร์กระจ่างมารวมตัวกัน
ถ้าซูอันไม่ได้นำกองทัพผ้าคลุมสีชาดเข้ามาในเมืองอย่างกะทันหัน เซี่ยอี้และหลิวเหย่าก็อาจมาที่นี่ด้วย
คนรับใช้ที่ประตูประกาศรายชื่อแขกและของขวัญของพวกเขา
“แม่นางเซี่ยมาถึงแล้วนางได้นำไข่มุกตะวันออกคุณภาพดีเลิศยี่สิบแปดเม็ดเป็นของขวัญแสดงความยินดี”
“ตระกูลฉู่… หืม? นายน้อยของตระกูลฉู่ มาถึงแล้ว…พร้อมหมวกสีเขียว*[1] เป็นของขวัญแสดงความยินดี”
จวนผู้ตรวจการที่รื่นเริงและมีชีวิตชีวาเงียบไปเมื่อได้ยินคำประกาศนี้
ทุกคนที่นี่เป็นบุคคลที่น่านับถือและส่วนใหญ่รู้เรื่องราวความแค้นระหว่างตระกูลฉู่และตระกูลซ่างเป็นอย่างดี
พวกเขาเพิ่งคุยกันเรื่องการเผชิญหน้าระหว่างกองทัพผ้าคลุมสีชาดและหลิวเหย่าอยู่พอดี เหตุใดบุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้องจึงมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ได้?
แล้วหมวกสีเขียวที่ว่ามันคืออะไร?
[1] สวมหมวกสีเขียวเป็นคำพูดแสดงถึงสามีที่ถูกภรรยาสวมเขาคบชู้