เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 639 ทูตยุทธ์เสื้อแพร
บทที่ 639 ทูตยุทธ์เสื้อแพร
บทที่ 639 ทูตยุทธ์เสื้อแพร
เซี่ยเต๋าอวิ๋นมองซูอันอย่างขอโทษ “อาซู ข้าทำสิ่งที่ทำได้แล้ว แต่ข้าไม่สามารถสร้างปัญหาให้กับตระกูลเซี่ยได้”
ซูอันยิ้ม “เจ้าทำดีที่สุดแล้ว แม่นางเซี่ย ข้าซาบซึ้งมากที่พูดแทนข้า”
ชายหนุ่มรู้แล้วจากการคบหาสมาคมกับเจิ้งตานว่าคุณหนูของตระกูลใหญ่มีหลายสิ่งที่ต้องกังวล ทุกการกระทำที่พวกนางทำจะเกี่ยวข้องกับตระกูลเสมอ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกนางจึงไม่มีทางจะกระทำสิ่งใดโดยเจตนาของตนเองตามลำพัง
เซี่ยเต๋าอวิ๋นตะลึงในรอยยิ้มของเขา นางมักถูกห้อมล้อมไปด้วยผู้ชายที่อวดดีและหยิ่งยโส และทุกคนก็เปิดเผยธาตุแท้ของตัวเองยามเมื่อประสบปัญหา แต่ขณะนี้ซูอันกลับยังสามารถยิ้มอย่างมองโลกในแง่ดี!
นางชื่นชมคนกล้าเช่นนี้จริง ๆ
อ๋องเหลียงโบกมือ “จับเขา!”
ด้วยสถานะของเขา ไม่มีทางที่ตัวเองจะยอมลดตัวลงมาจับกุมซูอันด้วยตัวเอง
เหล่าทหารหลังจากได้รับคำสั่ง พวกเขาก็จัดรูปขบวนรบเข้าล้อมซูอัน ทันที ไม่กล้าประมาทให้ซูอันหลุดลอดไปได้อีกรอบเหมือนเมื่อครู่
“ใครกล้าทำร้ายนายน้อยของเรา!!” กองทหารผ้าคลุมสีชาดไม่ยอมถอยเช่นกัน พวกเขารีบจัดกระบวนทัพห้อมล้อมซูอัน เผชิญหน้ากับกองทหารของอ๋องเหลียง
“โอ้ กองทัพผ้าคลุมสีชาด?” อ๋องเหลียงจำได้ทันทีว่าคนเหล่านี้เป็นใคร เขาเยาะเย้ย “ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับชื่อเสียงของกองทัพผ้าคลุมสีชาดของตระกูลฉู่มานาน ตอนนี้ได้เห็นกับตาตัวเองแล้ว พวกเจ้าทุกคนช่างกล้าหาญกันเสียจริง ๆ ถึงขนาดกล้าที่จะท้าทายราชสำนักอย่างเปิดเผย!”
ผู้บัญชาการกองทัพผ้าคลุมสีชาดเดินไปหาซูอันและถามเบา ๆ “นายน้อย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ฝ่ายตรงข้ามเป็นถึงอ๋องและมาด้วยพระราชโองการ ความกดดันที่อีกฝ่ายแผ่ออกมานั้นเหนือกว่าหลิวเหย่าอย่างเทียบไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขามากันแค่ไม่กี่ร้อยนาย สิ่งต่าง ๆ คงไม่เป็นไปด้วยดีหากปะทะกันจริง ๆ
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” ซูอันยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “แต่ไม่ต้องเป็นห่วงข้า ข้าไม่ต้องการลากตระกูลฉู่มาเดือดร้อนด้วย!”
“นายน้อยไม่ต้องกังวล พวกเราทุกคนล้วนไม่มีใครกลัวความตาย!”
บทสนทนาเหล่านี้จะเล็ดรอดจากหูของอ๋องเหลียงได้อย่างไร เขาเยาะเย้ยและกล่าวว่า “ไม่ได้ยินกับหูคงจะเชื่อยากว่าตระกูลฉู่ตั้งใจจะกบฏ! กองทัพผ้าคลุมสีชาด พวกเจ้าคิดว่าสามารถต้านทานบารมีขององค์ฝ่าบาทได้งั้นหรือ!?!”
ซูอันรีบพูดอย่างร้อนรน “พวกเจ้าทุกคนไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ รีบกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลฉู่ ไปปกป้องพ่อตาและแม่ยายของข้าเดี๋ยวนี้! นี่คือคำสั่ง!”
ขนาดหญิงสาวสองคน เจิ้งตานและเซี่ยเต๋าอวิ๋นยังหลีกเลี่ยงไม่ให้ตระกูลของพวกนางเดือดร้อนเพราะปัญหาของตัวเอง ดังนั้น ในฐานะลูกผู้ชาย เขาจะลากตระกูลที่ตัวเองอาศัยอยู่ให้เดือดร้อนไปกับเขาได้อย่างไร?
หลังจากสั่งจบ ซูอันก็ไม่รอแม้แต่คำตอบใด ๆ จากเหล่าทหารกล้าตายที่ตัวเองพามา เขารีบกระโดดส่งตัวเองหนีออกไประยะไกล
แม้ว่าชายหนุ่มไม่ต้องการให้ตระกูลฉู่เดือดร้อน แต่ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้ตัวเองถูกจับได้อย่างง่ายดาย!
โซ่สีดำสนิทปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาทันทีที่เขาเริ่มเคลื่อนไหว พวกมันเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่น่าตกใจ แต่ไร้สุ้มเสียง ราวกับว่ายามราตรีกำลังมาเยือน และในความมืดมิดกลับคล้ายเหมือนมีปีศาจซ่อนตัวอยู่
เขาตัวสั่น หลังจากเท้าแตะพื้นอีกครั้ง ซูอันเปลี่ยนเส้นทางหลบหลีกไปด้านข้างทันที
แต่ก่อนที่ตัวเขาจะทันได้หายใจ โซ่อีกสองเส้นก็พลันพุ่งมาที่เท้าของเขา
ซูอันหลบโซ่อีกครั้ง แต่คราวนี้กำลังรู้สึกว่าตัวเองถึงขีดจำกัดแล้ว!
โซ่เหล็กอีกหกเส้นพุ่งมาที่เขาจากทุกทิศทุกทาง เล็งมาที่แขนขา เอว และลำคอ และปิดกั้นทุกทิศทางที่เป็นไปได้ของการหลบหนี
เมื่อเห็นว่าไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ ซูอันจึงเรียกกระบี่ไท่เอ๋อร์ออกมาด้วยความตื่นตระหนกและปัดป้องโซ่อย่างสุดกำลัง
เคร้ง! เคร้ง!
เสียงกระบี่และโซ่ปะทะกันอย่างต่อเนื่อง ประกายไฟพุ่งไปทั่วทุกทิศ แต่น่าเสียดายที่แม้แต่คมของกระบี่ไท่เอ๋อร์ก็ไม่สามารถตัดผ่านโซ่เหล่านี้ได้ มีเพียงประกายไฟที่กระเด็นออกยามปะทะก็เท่านั้น
ยิ่งฟันโซ่เหล่านั้นมากเท่าไหร่ ซูอันก็ยิ่งรู้สึกมือชา พลังชี่ภายในร่างกายของชายหนุ่มเริ่มปั่นป่วน
ในที่สุดเขาก็มองเห็นผู้จู่โจม เป็นนักรบทั้งสิบที่ยืนข้างกายอ๋องเหลียง เสื้อผ้าของพวกเขาแตกต่างจากชุดทหารทั่วไปอย่างชัดเจน ทุกคนล้วนสวมชุดแพรมีลวดลายเหมือนม้าศึกปักบนปกเสื้อ
ทหารเหล่านี้ถือโซ่สีดำสนิทไว้ในมือ โซ่เหล่านี้เคลื่อนไหวราวกับว่าพวกมันมีชีวิต และพร้อมโจมตีอีกครั้งได้ทุกเมื่อ
อ๋องเหลียงเลิกคิ้ว “ไม่ธรรมดาจริง ๆ เจ้าสามารถรอดจากเรือนจำกักปิศาจของทูตยุทธ์เสื้อแพรได้ด้วยอย่างนั้นเหรอ?”
“ทูตยุทธ์เสื้อแพร?” ซ่างเชียนตกใจอย่างยิ่ง เขาเหลือบมองไปทางพ่อของเขา
ซ่างหงกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ทูตยุทธ์เสื้อแพรเป็นกองกำลังพิเศษที่รับใช้เคียงข้างองค์จักรพรรดิ คนเหล่านี้ล้วนมีฝีมือมาก มีอำนาจเป็นเอกเทศ หลายครั้ง ถูกรับมอบหมายทำหน้าที่เป็นตัวแทนพระองค์ ข้าไม่นึกเลยว่าตัวเองจะคิดผิดไปมากขนาดนี้ ดูเหมือนว่าแท้จริงแล้วองค์จักรพรรดิไม่ได้มอบหมายให้อ๋องเหลียงมาจัดการกับเรา แต่เป็นจัดการกับซูอันต่างหาก!”
ซ่างหงตอบลูกชายของเขาด้วยอาการโง่งม เขาไม่เข้าใจเลยว่าซูอันเจ้าเด็กนี่ขโมยอะไรจากองค์จักรพรรดิไป?
“ทูตยุทธ์เสื้อแพรถูกส่งมาเพื่อจัดการกับซูอัน?” ดวงตาของซ่างเชียน เบิกกว้าง เขาไม่เคยคิดว่าเด็กข้างถนนที่เขาดูถูกจะเป็นคนบ้าขนาดไปยั่วยุจักรพรรดิได้!
“แต่ทำไมระดับการบ่มเพาะของทูตยุทธ์เสื้อแพรเหล่านี้กลับไม่สูงส่งสักเท่าไหร่ พวกเขาไม่แข็งแกร่งเท่าท่านสักคน”
ซ่างหงส่ายหัว “อย่าถูกหลอกโดยรูปลักษณ์ภายนอก สมาชิกทูตยุทธ์เสื้อแพรส่วนใหญ่อยู่ในระดับห้าถึงระดับหก แต่พวกเขาเก่งในทักษะประสาน ที่อ๋องเหลียงพูดว่า เรือนจำกักปีศาจเป็นทักษะที่สร้างขึ้นโดยองค์จักรพรรดิเอง มันยอดเยี่ยมในการคร่ากุมผู้บ่มเพาะที่มีระดับที่สูงกว่าพวกเขามาก
“โซ่เก็บวิญญาณในมือของพวกเขาถูกสร้างขึ้นมาโดยเฉพาะ ยามใดที่พวกเขาลงมือ หากผู้บ่มเพาะอีกฝ่ายอ่อนแอกว่าพวกเขา พลังชี่ภายในร่างจะถูกปั่นป่วนจนไม่อาจควบคุมได้! แต่ถ้าหากเป็นผู้ผู้บ่มเพาะที่มีระดับสูงกว่า จะได้รับผลกระทบจากจำนวนของการโจมตี ยิ่งถูกโจมตีมากเท่าไหร่ ความแข็งแกร่งจะถูกลดทอนมากเรื่อย ๆ จนไม่เหลือหลอ”
ซ่างเชียนไม่เชื่อ “แต่ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ต้องมีขีดจำกัดใช่ไหม พวกเขาอยู่แค่ระดับห้าเท่านั้น ข้าไม่เชื่อว่าหากสู้กันจริง ๆ พวกเขาจะสามารถกักตัวท่านพ่อได้!”
ซ่างหงเผยรอยยิ้มขมขื่น “ข้าหยุดพวกเขาไม่ได้ถ้าพวกเขาต้องการจับข้าจริง ๆ”
ซ่างเชียนตกตะลึง “พวกเขาแข็งแกร่งขนาดนั้นเลย?”
อย่างไรก็ตาม ซ่างหงก็ตระหนักได้ถึงเรื่องหนึ่ง การที่ซูอันก้าวกระโดดจากคนไร้ค่ากลายเป็นเก่งกาจจนได้แบบทุกวันนี้ น่าจะเป็นเพราะสิ่งที่เขาขโมยมาจากจักรพรรดิหรือเปล่า?
ใช่ ต้องเป็นอย่างนั้นแน่ แต่น่าเสียดาย ที่เจ้ายังต้องจ่ายราคาสำหรับการกระทำของเจ้า!
ซ่างหงถอนหายใจยาว “สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดเกี่ยวกับทูตยุทธ์เสื้อแพรไม่ใช่เรือนจำกักปีศาจของพวกเขา แต่มันคือความจริงที่ว่าพวกเขาทำตามคำสั่งขององค์จักรพรรดิ!”