เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 641 โลกกว้างใหญ่ แต่กลับไร้ที่ไป
บทที่ 641 โลกกว้างใหญ่ แต่กลับไร้ที่ไป
บทที่ 641 โลกกว้างใหญ่ แต่กลับไร้ที่ไป
สีหน้าของอ๋องเหลียงพลันเปลี่ยนเป็นมืดหม่น เขารีบซัดฝ่ามือออกไปในทันที
และคนที่มาขวางก็ไม่ใช่ใครอื่น มันคือ…ซ่างหง!
ซ่างหงขมวดคิ้วแน่นทันทีเมื่อต้องเผชิญกับฝ่ามือของผู้บ่มเพาะระดับปรมาจารย์ เขาป้องกันตัวเองด้วยพลังทั้งหมดที่มี
การปะทะกันก่อให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ คลื่นกระแทกอันทรงพลังกระจายออกซึ่งทำให้แขกทุกคนล้มลง ข้าวของบนโต๊ะพิธีสมรส โคมไฟ และของประดับตกแต่งทั้งหมดในจวนผู้ตรวจการต่างกระเด็นกระจัดกระจาย
อ๋องเหลียงกลับมายืนบนพื้นดินโดยเอาแขนไพล่หลังอย่างสบาย ๆ แต่ทางด้านของซ่างหงกลับหล่นกระแทกลงกับพื้นอย่างรุนแรงจนแผ่นกระเบื้องที่ปูพื้นที่ถึงกับแตกร้าว!
อ๋องเหลียงมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา “ซ่างหง เจ้ารู้ไหมว่ากำลังทำอะไร? ทำไมเจ้าถึงกล้าช่วยอาชญากรหลบหนี!”
เจิ้งตานและเซี่ยเต๋าอวิ๋นจ้องมองซ่างหงอย่างสับสนเช่นเดียวกับอ๋องเหลียง ทุกคนต่างงุนงงว่าทำไมซ่างหงถึงทำอย่างนี้?
ซ่างหงพยายามลุกขึ้นยืนก่อนจะกระอักเลือดออกมากองโต อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้แสดงอาการตื่นตระหนกใด ๆ เลย แต่ส่งยิ้มจาง ๆ แทน “ด้วยความเคารพ ข้าไม่รู้ว่าท่านกำลังพูดถึงอะไร ทุกคนที่นี่รู้ดีว่าตระกูลซ่างของเราโกรธเคืองเด็กคนนั้น เขาถึงกับกล้ามายุ่งเรื่องงานแต่งของลูกชายข้า ข้าจึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องช่วยให้เขาหนีรอด”
แขกทุกคนพยักหน้ากันหงึกหงัก ต่างเห็นด้วยกับคำพูดของซ่างหงอย่างชัดเจน ไม่มีใครเชื่อว่าซ่างหงจะยอมเสี่ยงช่วยซูอันให้ตัวเองเดือดร้อนไปด้วย…
สีหน้าของอ๋องเหลียงมืดหม่นยิ่งกว่าเดิม “แล้วทำไมเจ้าถึงมาขวางทางข้าถ้าเจ้าไม่ได้ตั้งใจจะช่วยให้มันหลบหนีไปได้!?”
ซ่างหงตอบด้วยใบหน้าจริงจังว่า “ตอนนั้นข้า…ข้าเข้าสู่สภาวะตื่นรู้อย่างกะทันหันหลังจากได้เห็นการต่อสู้ที่ดุเดือด และก่อนที่ข้าจะทันได้สติรู้ตัวเอง ร่างของข้าก็พุ่งออกไปแล้ว ซึ่งมันเป็นช่วงจังหวะบังเอิญที่ท่านกำลังจะบินขึ้นไปบนฟ้าพอดี ข้าขออภัยจากก้นบึ้งของหัวใจ ข้าไม่ได้ตั้งใจที่จะขวางทางของท่านเลย!”
สภาวะตื่นรู้อย่างกระทันหันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากและไม่อาจควบคุมได้หากมันเกิดขึ้น ดังนั้นคำอธิบายนี้สำหรับการเคลื่อนไหวกะทันหันของซ่างหงจึงฟังดูสมเหตุสมผล
แน่นอน อ๋องเหลียงรู้ว่าอีกฝ่ายแค่พูดเรื่องไร้สาระ แต่โชคไม่ดีที่คำอธิบายของอีกฝ่ายค่อนข้างจะฟังได้และจักรพรรดิจะไม่ลงโทษเขาแน่นอนหากเขารายงานเรื่องเหตุผลนี้ไป
“เจ้าเป็นจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์จริง ๆ!” อ๋องเหลียงสาปแช่ง ในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสสิ่งที่ทั้งซูอันและซ่างหงก่อขึ้นต่อกันก่อนหน้านี้
ซ่างเชียนพูดกับพ่อของเขาผ่านกระแสพลังชี่ “ท่านพ่อ ทำไมท่านถึงช่วยไอ้สารเลวนั่น!?”
คำพูดของซ่างหงอาจเพียงพอที่จะหลอกฝูงชน แต่สำหรับซ่างเชียนที่เกลียดซูอันเข้ากระดูกนั้นย่อมไม่มีทางที่เขาจะยอมรับคำตอบที่พ่อตนเองเอ่ยออกมาได้
ซ่างหงถอนหายใจและตอบว่า “เชียนเอ๋อร์ คราวนี้ตระกูลซ่างของเรากำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่ ถ้าข้อสงสัยของข้าถูกต้อง เราได้ถูกจักรพรรดิทอดทิ้งแล้ว และน่าจะถูกประหารชีวิตหลังจากที่เราถูกนำตัวกลับไปที่เมืองหลวง”
“อะไรนะ!” ซ่างเชียนไม่อยากจะเชื่อหู แม้ว่าพวกเขาจะถูกริบยศอยู่ในขณะนี้ แต่เนื่องจากพ่อของเขาสร้างผลงานให้กับองค์จักรพรรดิมามากมาย เขาจึงไม่เชื่อว่าความผิดที่ถูกกล่าวหาเป็นเรื่องจริง เขามั่นใจว่าการที่พวกเขาถูกนำตัวกลับเมืองหลวง มันเป็นเพียงเพื่อจัดฉากโดยอาจมีเหตุผลอะไรบางอย่างแอบแฝงก็เท่านั้น เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเรื่องราวถึงดำเนินไปถึงจุดที่พวกเขาจะถูกประหารชีวิตได้?
ซ่างหงกล่าวต่อ “นั่นเป็นการคาดเดาที่อาจเป็นไปได้ แต่ข้าก็ยังมีความหวังว่าสิ่งต่าง ๆ จะไม่ไปถึงจุดนั้น”
“แล้วมีเหตุผลอะไรที่ท่านต้องช่วยซูอันด้วย!” ซ่างเชียนยังคงข้องใจในเรื่องนี้
ซ่างหงมองไปในทิศทางที่ซูอันหนีไป “เพราะเขาคือตัวแปรที่อาจช่วยชีวิตเราได้”
ซ่างเชียนแทบไม่เชื่อในสิ่งที่เขาได้ยิน
เขามึนงงไปหมด ไม่สามารถตามความคิดของพ่อตัวเองได้ทัน
ซ่างหงไม่ได้ให้คำอธิบายเพิ่มเติม แต่มองไปที่เจิ้งตานแทน เขาล้มเหลวในการรับรู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างทั้งสองได้อย่างไร? สิ่งที่ควรจะเป็นกับดักน้ำผึ้งกลับกลายเป็นความรู้สึกผูกพันที่แท้จริงระหว่างทั้งสอง!
เขาไม่ได้บอกสิ่งเหล่านี้กับลูกชายของเขา เนื่องจากลูกชายของเขามีอารมณ์ฉุนเฉียวง่าย เมื่อใดโกรธขึ้นมาจะกลายเป็นคนไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง การบอกความจริงออกไปนั้นจะไม่ช่วยให้สถานการณ์ปัจจุบันดีขึ้น แต่จะทำให้สิ่งต่าง ๆ แย่ลงแทน
ตัวแปร ตัวแปร… ข้าต้องการตัวแปรตอนนี้ ไม่อย่างนั้นตระกูลซ่างจบเห่แน่…
อ๋องเหลียงโบกมือ ทูตยุทธ์เสื้อแพรหลายคนเดินมาหาสองพ่อลูกตระกูลซ่างและกักขังพวกเขาด้วยโซ่พันธนาการวิญญาณ
ซ่างหงและซ่างเชียนรู้สึกราวกับว่าพลังชี่ทั้งหมดของพวกเขาถูกผนึกไว้ และไม่ต่างจากคนธรรมดาทั่วไปที่ไร้การบ่มเพาะ
“จับเจ้าสาวมาด้วย!” อ๋องเหลียงเหลือบมองเจิ้งตาน ต่อให้นางจะไม่ได้เป็นลูกสะใภ้ของซ่างหง ความงามที่น่าอัศจรรย์ของนางเพียงอย่างเดียวก็รับประกันได้ว่าการพานางกลับไปที่เมืองหลวงจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง
เจิ้งตานกัดริมฝีปากเมื่อเห็นทูตยุทธ์เสื้อแพรเดินเข้ามาหานาง อย่างไรก็ตาม ด้วยสมาชิกในตระกูลเจิ้งทั้งหมดรอบตัวนาง นางจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับชะตากรรม
อ๋องเหลียงกลับไปที่ม้าของเขา “จับพวกมันไปขังเอาไว้ในคุก ส่วนที่เหลือ…ตามข้าไปที่ตระกูลฉู่!”
เขามาที่เมืองจันทร์กระจ่างพร้อมกับภารกิจสำคัญสองอย่างจากองค์จักรพรรดิ ภารกิจแรกคือพาพ่อและลูกชายตระกูลซ่างกลับไปยังเมืองหลวง ภารกิจที่สองคือการจับซูอัน
แต่ดูเหมือนว่าจักรพรรดิจะสนใจเรื่องการจับกุมซูอันมากกว่า ถึงขนาดส่งทูตยุทธ์เสื้อแพรมาช่วยภารกิจนี้ อย่างไรก็ตามการที่เขาปล่อยให้เป้าหมายหลบหนีไปทั้ง ๆ ที่เขาเป็นผู้บ่มเพาะระดับปรมาจารย์ ไม่เพียงแต่ชื่อเสียงของตัวเองจะมัวหมองมากเท่านั้น จักรพรรดิอาจลงโทษเขาอย่างรุนแรงเช่นกัน!
…
ในขณะเดียวกัน ซูอันก็วิ่งหนีสุดชีวิต อย่างไรก็ตาม เขายังได้เห็นฉากที่ซ่างหงขวางอ๋องเหลียง ซึ่งไม่สมเหตุสมผลสำหรับเขาเลย
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ชายหนุ่มไม่สามารถคิดเรื่องอื่นได้ เขาต้องคิดอย่างรวดเร็วว่าจะทำอย่างไรกับสถานการณ์ปัจจุบันของตัวเอง
เขามั่นใจเก้าในสิบส่วนว่าจักรพรรดิรู้เรื่องวิชาวัฏจักรหงส์อมตะแล้ว ทักษะที่มอบชีวิตนิรันดร์ให้นั้นน่าดึงดูดใจถึงที่สุดอย่างแน่นอน
ความคิดนี้ทำให้เขาหดหู่อย่างมาก หากทำให้คนอื่นขุ่นเคือง เขาอาจจะจัดการอะไรบางอย่างได้ แต่คนที่ขุ่นเคืองเขาในครั้งนี้เป็นถึงจักรพรรดิที่รวมอาณาจักรเป็นหนึ่งเดียวและกุมบังเหียนอำนาจของทั้งแผ่นดิน! และเป็นผู้บ่มเพาะที่เก่งกาจที่สุดในอาณาจักร!
ชายหนุ่มไม่ได้ไร้เดียงสามากจนเชื่อว่าจักรพรรดิจะปล่อยเขาไปถ้ามอบวิชาวัฏจักรหงส์อมตะให้ นี่คือคนที่มีอำนาจมากที่สุดคนหนึ่งในโลกนี้! คนแบบนี้จะเต็มใจแบ่งปันชีวิตนิรันดร์กับคนอื่นได้ยังไง?
อีกตัวเลือกหนึ่งคือการไปพึ่งพิงราชันฉีโดยใช้เพ่ยเหมียนหมานเป็นคนประสาน แต่ด้วยอิทธิพลของราชันฉี อีกฝ่ายย่อมรู้ได้อย่างรวดเร็วว่าจักรพรรดิกำลังค้นหาอะไรจากเขา ซึ่งนี่ก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดี
ราชันฉีย่อมต้องการได้รับชีวิตนิรันดร์เช่นกัน!
มีนิยายหลายเรื่องเหลือเกินที่พระเอกประสบกับมรสุมปัญหาหลังจากที่พบสิ่งที่มีค่ามากเกินไป วิชาวัฏจักรหงส์อมตะเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะทุกคนต้องการ…
เขาจะหันไปพึ่งทางไหนได้อีก?
ซูอันรู้สึกท้อใจเล็กน้อย แม้ว่าโลกนี้จะกว้างใหญ่ แต่ดูเหมือนว่าไม่มีที่ไหนให้เขาไปเลย…
เขาหยิบกระจกออกมาหวังว่าจะได้ติดต่อกับฉู่ชูเหยียน การได้ยินเสียงของนางตอนนี้มันคงจะดีมากจริง ๆ แต่เมื่อหยิบมันขึ้นมาก็พบว่ามันมีรอยร้าว
มันอาจจะถูกทำลายโดยโซ่พันธนาการวิญญาณของทูตยุทธ์เสื้อแพรในการต่อสู้เมื่อครู่
มันสายไปแล้วสำหรับความเสียใจ ถ้าซูอันรู้ว่าจะเป็นอย่างนี้เขาจะเก็บมันไว้ในดวงแก้วผู้รอบรู้แต่เนิ่น ๆ
เขาพยายามติดต่อฉู่ชูเหยียน แต่กระจกที่ร้าวก็ไม่ตอบสนองเลย เห็นได้ชัดว่ามันเสียหายเกินกว่าจะใช้ได้
นี่เป็นชะตากรรมของเขาหรือไม่?