เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 643 กลางศึกและหมู่ธง
บทที่ 643 กลางศึกและหมู่ธง
บทที่ 643 กลางศึกและหมู่ธง
ฉู่จงเทียนซึ่งยืนอยู่กึ่งกลางขบวนทัพผ้าคลุมสีชาด เอ่ยสั่งขึ้นทันทีที่เห็นลูกศรของพวกเขาเองถูกโต้สวนกลับมา “ยกโล่ขึ้น!”
ทหารของกองทัพผ้าคลุมสีชาดยกโล่ขึ้นอย่างฉับพลัน เกิดเป็นปรากฏการณ์ม่านพลังสีฟ้าขนาดใหญ่ ราวกับมีโล่สีฟ้าขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นเหนือพวกเขา
ลูกธนูที่ถูกส่งย้อนกลับมาถูกขวางไว้ทั้งหมด
หลิวเหย่าเยาะเย้ย นี่คือสาเหตุที่เขาพ่ายแพ้ก่อนหน้านี้!
ไม่ว่าเขาจะโจมตีไปรุนแรงสักแค่ไหน สุดท้ายก็ถูกทำเฉลี่ยเป็นความเสียหายจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น
จิตใจของมนุษย์นั้นช่างแปลกประหลาด ถ้าเขาไม่เคยแพ้ให้กับกองทัพผ้าคลุมสีชาดก่อนหน้านี้ เขาคงปรารถนาให้อ๋องเหลียงได้รับชัยชนะอย่างไม่ต้องสงสัย อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่เคยขายหน้ามาก่อน เขาก็พบว่าตัวเองหวังให้อ๋องเหลียงจะได้รับความพ่ายแพ้เหมือนกัน!
ไม่มีความขัดแย้งอะไรกันระหว่างอ๋องเหลียงและตระกูลหลิว แต่หลิวเหย่าก็ไม่รังเกียจที่จะเห็นอ๋องเหลียงทนทุกข์บ้างสักเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม อ๋องเหลียงดูจะไม่สะทกสะท้าน เขาลอยขึ้นไปกลางอากาศ กางแขนออก ฝ่ามือทั้งสองยกขึ้นช้า ๆ ราวกับว่ากำลังแบกรับบางสิ่งที่มีน้ำหนักมหาศาล
ไม่นานนักฝ่ามือแต่ละข้างของเขาปรากฏมวลพลังซึ่งควบแน่นเป็นทรงกลมโปร่งแสงหมุนวนไปมา พวกมันหมุนช้ามากเมื่อปรากฏขึ้นครั้งแรก แต่ค่อย ๆ หมุนเร็วขึ้น และใหญ่โตขึ้นจนมีขนาดมหึมา
หลังจากสั่งสมพลังมากจนพอใจ อ๋องเหลียงจึงเหวี่ยงมวลพลังสองลูกนี้ไปยังกึ่งกลางกระบวนทัพของกองทัพผ้าคลุมสีชาด
ทันใดนั้นก็เกิดเสียงระเบิดมโหฬาร คลื่นกระแทกกวาดล้างไปทั่วทุกทิศ ม่านพลังเสมือนโล่สีฟ้าสั่นสะท้านรุนแรง ทหารจำนวนมากกระอักเลือด และต่างได้รับบาดเจ็บภายในจากการโจมตีครั้งนี้
รอยยิ้มของหลิวเหย่าแข็งค้าง ก่อนหน้านี้กองทัพผ้าคลุมสีชาดได้ดูดซับการโจมตีเต็มกำลังของเขาโดยไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน ความแตกต่างระหว่างเขาและอ๋องเหลียงมากมายขนาดนี้เชียวเหรอ?
ทหารชุดใหม่เข้าแทนที่ผู้ถือโล่ที่ได้รับบาดเจ็บอย่างรวดเร็ว ทำให้พวกเขามีเวลาพักฟื้น ม่านพลังสีฟ้ากลับมาเสถียรมั่นคงอีกครั้ง
ความประหลาดใจแวบผ่านดวงตาของอ๋องเหลียง มวลพลังทรงกลมอีกสองลูกถูกโยนเข้าใส่ม่านพลังสีฟ้าอีกครั้ง
เกิดเสียงดังก้องไปทั่วบริเวณ ม่านพลังสีฟ้าสั่นสะเทือนอีกครั้ง แต่ยังคงไม่บุบสลาย
“มาดูกันว่าพวกเจ้าจะรับได้มากขนาดไหน!” อ๋องเหลียงชักเริ่มรำคาญใจพลางควบแน่นลูกบอลโปร่งแสงอีกครั้ง
ความแข็งแกร่งของเขาสมกับเป็นผู้บ่มเพาะระดับปรมาจารย์อย่างแท้จริง เขาไม่พุ่งเข้าโจมตีโดยประมาทอีกต่อไป แต่กลับบินไปรอบ ๆ เพื่อปล่อยลูกบอลพลังโจมตี ขณะที่สำรวจหาช่องโหว่ใด ๆ ที่สามารถใช้ประโยชน์ได้
แม้ว่ากองทัพจะแข็งแกร่ง แต่ก็มีจุดอ่อนเช่นกัน ขบวนรบไม่คล่องแคล่วเท่ากับบุคคล นอกจากนี้ ยิ่งจำนวนทหารมากเท่าไร ก็ยิ่งยากที่จะรักษาความเป็นหนึ่งเดียว และนั่นทำให้หาช่องโหว่ได้โดยง่าย
กองทัพที่มีระเบียบวินัยอย่างกองทัพผ้าคลุมสีชาดได้รับการพิจารณาว่าเป็นกองทัพชั้นหนึ่งแล้วตามมาตรฐานของโลกนี้ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้พวกเขาจะเริ่มรวนจากการโจมตีจากมุมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง
อ๋องเหลียงขอแค่โอกาสเพียงครั้งเดียวก็เพียงพอ…!
เขาโบยบินไปในอากาศ โจมตีกองทัพผ้าคลุมสีชาดจากมุมต่าง ๆ พยายามหาช่องทางให้ตัวเอง
การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วมากจนทิ้งภาพติดตาไปทุกที่ ราวกับว่ามีร่างของเขาอยู่ทุกหนทุกแห่งพร้อม ๆ กัน โจมตีกองทัพผ้าคลุมสีชาดจากทุกมุมพร้อมกัน
กองทัพผ้าคลุมสีชาดรับการโจมตีอย่างบ้าคลั่งจนสั่นสะเทือนกันไปหมด ตอนนี้ พวกเขาเป็นเหมือนเรือกรรเชียงเล็ก ๆ ที่ลอยอยู่ในทะเลกลางพายุ แม้ว่าพวกเขาจะสามารถเอาชีวิตรอดอย่างต่อเนื่องได้มาจนถึงตอนนี้ แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าทะเลนี้จะกลืนกินพวกเขาไม่ช้าก็เร็ว
“นี่คือพลังของผู้บ่มเพาะระดับปรมาจารย์หรือ?” ความวุ่นวายที่คฤหาสน์ตระกูลฉู่ดึงดูดฝูงชนจำนวนมาก ใบหน้าของพวกเขาซีดเผือดเมื่อเห็นเหตุการณ์ต่อสู้อันรุนแรงนี้
ในขณะนั้นเองฉู่จงเทียนก็ตะโกนก้อง “นำธงสงครามออกมา และลั่นกลองศึก!”
กองทัพผ้าคลุมสีชาดแปรขบวนรบเว้นที่ว่างตรงกึ่งกลางทัพได้อย่างรวดเร็วและในเวลาไม่ช้านาน จากนั้นทหารกลุ่มหนึ่งก็ผลักเกวียนเข้ามา ซึ่งที่ด้านบนของเกวียนบรรทุกกลองศึกโบราณขนาดใหญ่ดูน่าเกรงขาม
ฉินหว่านหรูกระโดดขึ้นไปบนเกวียน นางหยิบไม้ตีกลองขึ้นมาแล้วฟาดลงไปที่กลองอย่างรุนแรง
ตึง! ตึง! ตึง!
เสียงกลองก้องกังวานจนเหมือนจะสั่นสะเทือนเข้าไปในส่วนลึกของจิตวิญญาณ ทำให้ทหารแต่ละคนรู้สึกราวกับว่าเลือดลมกำลังเดือดพล่าน
หลิวเหย่าและผู้สังเกตการณ์คนอื่น ๆ สามารถเห็นระลอกคลื่นพลังกระจายออกจากกลองอย่างเด่นชัด มันกระเพื่อมผ่านทหารกองทัพผ้าคลุมสีชาดที่อยู่โดยรอบ ส่งผลให้ทหารเหล่านั้นส่งเสียงคำรามอย่างดุเดือด พวกเขาดูเหมือนจะมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า!
หลิวเหย่ามึนงง แม้ว่าตำแหน่งของเขาในฐานะแม่ทัพกองทหารราชองครักษ์จะได้มาจากสถานะลุงของจักรพรรดินี แต่เขาก็คือผู้ที่มีประสบการณ์มากมายจากวันเวลาที่ตัวเองรับใช้ในตำแหน่งนี้
ในช่วงสงครามระหว่างมนุษย์กับเหล่าเผ่าอสูร บทเพลงสงครามของเหล่าอสูรนั้นได้สร้างความประทับใจให้กับมนุษย์อย่างลึกซึ้ง นำไปสู่การค้นคว้าเกี่ยวกับกลองศึกและอุปกรณ์สงครามอื่น ๆ ที่มนุษย์สามารถนำมาใช้เพิ่มขวัญกำลังใจและความแข็งแกร่งในการต่อสู้
อย่างไรก็ตาม มีเพียงยอดปรมาจารย์ด้านอักขระเท่านั้นที่สามารถสร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาได้โดยใช้วิธีการพิเศษ
และมีเฉพาะกองทหารชั้นยอดที่สุดในอาณาจักรเท่านั้นจึงจะมีกลองศึกเช่นนี้ได้ ตระกูลธรรมดาจะมีเครื่องมือสงครามเช่นนี้ได้อย่างไร?
พลังที่แท้จริงของตระกูลฉู่ซึ่งดำรงอยู่มานับพันปีปรากฏให้เห็นแล้ว ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมหลายขั้วอำนาจจึงต่อสู้เพื่อที่จะเอาชนะตระกูลฉู่ให้มาอยู่ฝ่ายตัวเอง
ในขณะนั้นการเปลี่ยนแปลงอื่นได้เกิดขึ้นภายในขบวนรบ ฉู่จงเทียนยื่นแขนไปด้านหน้า ปรากฏธงสามเหลี่ยมหลายผืนลอยขึ้นไปกลางอากาศ
เขาชี้ตรงไปข้างหน้าและตะโกนด้วยเสียงอันดังก้อง “ไป!”
เหล่าธงที่ลอยขึ้นโบกสะบัดอย่างรุนแรงก่อนจะพุ่งสอดสลับไปประจำยังตำแหน่งต่าง ๆ ภายในขบวนรบ พร้อมกันนี้กองทัพผ้าคลุมสีชาดก็แปรรูปขบวนรบควบคู่กันไปเพื่อจัดเรียงตัวเองใหม่ แสงสีฟ้าระยิบระยับแผ่ออกมาปกคลุมร่างของเหล่าทหารที่ล้อมรอบธงจนเจิดจ้า ม่านพลังที่เคยอ่อนแอลงภายใต้การโจมตีอย่างต่อเนื่องสว่างขึ้นในทันที
ไม่นานหลังจากนั้น เหล่าทหารกองทัพผ้าคลุมสีชาดพากันตะโกนก้อง ร่วมใจกันโคจรส่งพลังสร้างเป็นธงโปร่งแสงสีฟ้าหลายผืนปรากฏขึ้นที่เหนือหัว จากนั้นเหล่าธงที่เพิ่งปรากฏต่างพากันบินวนห้อมล้อมอ๋องเหลียงซึ่งกำลังตกตะลึง
แลเห็นภาพนี้สีหน้าของอ๋องเหลียงซีดเผือด เขาพยายามจะบินแหวกวงล้อมของเหล่าธง แต่ไม่ว่าเขาจะเร็วแค่ไหน ก็ยังมีธงอีกผืนขวางเส้นทางของเขาอยู่เสมอ