เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 648 ความลับส่วนหนึ่งของคีย์บอร์ด
บทที่ 648 ความลับส่วนหนึ่งของคีย์บอร์ด
บทที่ 648 ความลับส่วนหนึ่งของคีย์บอร์ด
หมี่ลี่โกรธจนดวงตาแทบถลนออกจากเบ้า
ในชั่วพริบตา เสียงร้องคล้ายหมูที่ถูกเชือดก็ดังลั่นห้อง “พี่หญิงใหญ่ ได้โปรด! ข…ขอข้าอธิบายก่อน! อ๊าก!! ค…คุยกันก่อน…อ๊าก!! ได้โปรด…ข้าแค่ล้อเล่น!
“ได้โปรด ๆ ตีข้าได้ทุกที่ แต่อย่าตีหน้าข้า อ๊าก! ข้าต้องใช้ใบหน้านี้เพื่อเอาชีวิตรอด…อ๊าก!”
…
เวลาผ่านไปกว่าพักใหญ่ ในห้องถึงเงียบสงบอีกครั้ง หมี่ลี่เช็ดเลือดจากปลายนิ้ว ใบหน้าของนางแฝงไปด้วยรอยยิ้มอันตราย “ให้พี่หญิงใหญ่คนนี้สอนหลักการสำคัญให้เจ้าในวันนี้! อย่าทดลองหาที่ตาย ถ้าไม่อยากตายจริง ๆ!”
ซูอันนอนนิ่งอยู่บนพื้น ใบหน้าของเขาบวมปูดจนหมด เลือดกำเดายังคงไหลออกมาเรื่อย ๆ “ก็ข้าไม่รู้ว่าจะให้ท่านพิสูจน์ได้ยังไงว่าสิ่งที่ท่านพูดเป็นความจริงนี่นา! ข้าเลยเล่นมุขแทน ทำไมท่านต้องรุนแรงขนาดนี้?”
หมี่ลี่พ่นลมหายใจ “บอกให้รู้ไว้ ข้าปรานีอย่างที่สุดแล้ว ถ้ามีใครกล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าข้าเมื่อตอนที่ข้าเป็นจักรพรรดินี ข้าจะไม่ลังเลเลยที่จะสั่งประหารมันทุกชั่วโคตร!”
คอของซูอันแห้งผาก ทำไมผู้หญิงที่มีชะตากรรมผูกอยู่กับเขาถึงโหดเหี้ยมขนาดนี้?
หมี่ลี่หัวเราะและพูดว่า “นอกจากนี้ ข้าไม่ได้แค่ทุบตีเจ้า แต่ข้าช่วยเจ้าบ่มเพาะวิชาวัฏจักรหงส์อมตะอีกต่างหาก!”
ซูอันหัวเราะแห้ง
“เอาล่ะ พอแล้ว เรามาคุยเรื่องสำคัญกันบ้าง” หมี่ลี่เลิกยิ้ม “แม้แต่คำสาบานที่แข็งแกร่งที่สุดก็เชื่อถือไม่ได้ ท้ายที่สุดทุกอย่างขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งเท่านั้น”
“ถึงเจ้าจะอ่อนแอ แต่เจ้าก็มีพรสวรรค์ระดับเลิศล้ำ และมีทักษะลับหลายอย่าง เจ้ามีระบบนี้เป็นไพ่ตายของเจ้าเช่นกัน ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้มากที่จะบรรลุความเป็นอมตะ บุรุษที่แข็งแกร่งกว่า และยิ่งเขามีไพ่ลับมากเท่าไร ก็ยิ่งมีเสน่ห์มากขึ้นเท่านั้น จนแม้แต่ตัวข้าเองยังคิดว่าเจ้ามีเสน่ห์มากขึ้นเรื่อย ๆ” หมี่ลี่ยิ้ม “นี่คือเหตุผลที่เจ้าไม่ต้องกังวลว่าข้าจะทำร้ายเจ้า”
ซูอันเต็มไปด้วยความขมขื่น “ข้าคิดว่าเราสนิทกันขนาดนี้เพราะเราคบกันมาได้ระยะหนึ่งแล้ว กลายเป็นว่าท่านชอบข้าเพราะเรื่องนี้เท่านั้น!”
หมี่ลี่เย้ยหยัน “เหอะ เจ้าคิดว่าจักรพรรดินีอย่างข้าจะสนใจเด็กน้อยธรรมดาทั่วไปที่ไม่มีอะไรดีสักอย่างยกเว้นหน้าตาอย่างนั้นน่ะเหรอ?”
ซูอันเห็นได้ชัดว่าไม่มีความสุข “ท่านแน่ใจเหรอว่าข้ายังไม่โตพอ?”
จู่ ๆ หมี่ลี่ก็จำตอนที่นางได้ยึดร่างของฉู่ชูเหยียนในมิติลับหยกจรัสได้ ใบหน้าของนางแดงก่ำ และนางก็เปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว “อะแฮ่ม…มาพูดถึงไพ่ลับของเจ้ากันดีกว่า ข้าจำได้ว่าเจ้าเรียกมันว่า ‘คีย์บอร์ด’ ใช่ไหม ทำไมเจ้าถึงเรียกมันด้วยชื่อแปลก ๆ แบบนั้นกัน?”
“แล้วท่านจะให้ข้าเรียกมันว่าอะไรได้?” ซูอันสูดลมหายใจ การที่ไพ่ลับของเขาถูกเปิดเผยออกแบบนี้มันทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง
การแสดงออกของหมี่ลี่ยังคงจริงจัง “จากการสังเกตของข้า คีย์บอร์ดนี้…ควรเป็นศาสตราเวทที่ทรงพลังอย่างยิ่ง แม้ว่าพลังของมันจะด้อยกว่าศาสตราเวทบางอย่างที่ข้ารู้จัก แต่อำนาจของมันที่สามารถสร้างสมบัติวิเศษอื่น ๆ ออกมาได้นั้นนับว่าไม่เหมือนศาสตราเวทใดเลย เจ้าต้องเข้าใจว่าการทำลายล้างย่อมง่ายกว่าการสร้างมาก ดังนั้นจากมุมมองหนึ่ง ศาสตราเวทของเจ้าจึงมีค่ายิ่งกว่าศาสตราเวทใด ๆ ที่ข้ารู้จัก”
“ศาสตราเวท?” ซูอันตกตะลึง เมื่อชีวิตหน้าเขาอ่านนิยายมามากมาย ด้วยทั่วไปแล้วตัวหลักของเรื่องจะพบกับความลับของไพ่ลับอันแสนวิเศษของตัวเองในช่วงท้าย ๆ เรื่องเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงยังไม่ได้คิดอยากจะค้นหาความลับเกี่ยวกับระบบคีย์บอร์ดของเขาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
“แน่นอนว่ามันเป็นศาสตราเวท!” หมี่ลี่กล่าว “มันอาจจะถูกสร้างขึ้นโดยตัวตนที่ทรงพลังมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ความเข้าใจของตัวตนผู้นั้นเกี่ยวกับกฎแห่งมิติและการแปลงพลังงาน ตลอดจนความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับสวรรค์และโลกของเขานั้นเหนือกว่าผู้บ่มเพาะทุกคนอย่างเทียบกันไม่ได้”
“การแปลงพลังงาน?” ซูอันยังคงสับสน เขารู้สึกว่าตอนนี้มันเหมือนเขากำลังนั่งฟังบรรยายวิชาฟิสิกส์ในโลกที่แล้ว
“ถูกต้อง” หมี่ลี่รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อย ๆ น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความชื่นชม “ศาสตราเวททั่วไปต้องการหินพลังชี่เพื่อให้พลังงานแก่พวกมัน ในขณะที่ศาสตราเวทที่หายากกว่าสามารถดูดซับพลังชี่ตามธรรมชาติที่อยู่รอบตัวพวกมันได้ด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตาม ศาสตราเวทไม่ใช่คน ดังนั้นอัตราการดูดซับพลังชี่จึงมีจำกัด อย่างไรก็ตาม ‘คีย์บอร์ด’ ของเจ้ากลับแตกต่างออกไป ไม่เพียงแต่จะเติมเต็มตัวเองด้วยพลังชี่จากรอบกายเจ้าเท่านั้น แต่ยังดูดซับพลังวิญญาณให้เป็นแหล่งพลังงานของมันได้อีกด้วย”
“พลังวิญญาณ?” ซูอันกำลังจะเสียสติ นี่มันอะไรอีก?
“ตามชื่อเลย มันคือพลังของจิตวิญญาณ” หมี่ลี่อธิบาย “ดวงวิญญาณทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นของมนุษย์หรือสรรพสัตว์จะปลดปล่อยพลังวิญญาณออกมาเมื่อดวงวิญญาณเข้าสู่สภาวะปั่นป่วน ดังนั้นการที่เจ้ายั่วยุผู้อื่นอย่างต่อเนื่อง มันย่อมทำให้ดวงวิญญาณของผู้คนเหล่านั้นปั่นป่วนอย่างรุนแรง และความปั่นป่วนในดวงวิญญาณของพวกเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นคะแนนความโกรธแค้นสำหรับเจ้า ซึ่งทั้งหมดแล้วอันที่จริง สิ่งที่เจ้าทำลงไปทั้งหมดที่ผ่านมันคือการรวบรวมพลังวิญญาณให้กับ ‘คีย์บอร์ด’ ของเจ้า”
ดวงตาของซูอันเริ่มเป็นประกาย หลังจากฟังคำอธิบายของนาง คำถามและความสงสัยมากมายในใจก็เริ่มหายไป เขาอดไม่ได้ที่จะจ้องมองนางอย่างนับถือ “พี่หญิงใหญ่ ท่านคือนักฟิสิกส์ที่กลับชาติมาเกิดหรือเปล่า?”
“นั่นมันบ้าอะไรอีก?” หมี่ลี่ขมวดคิ้ว “เจ้าลืมแล้วหรือไงว่าข้าเคยเป็นจักรพรรดินีที่รวมโลกเป็นหนึ่งเดียว! และข้าได้อ่านตำราโบราณมาทุกประเภท ความรู้และประสบการณ์ของข้าจะเปรียบเทียบกับคนเช่นเจ้าได้อย่างไร? ไอ้เจ้ากบในกะลา!”
ซูอันก่นด่านางในใจ ท่านไม่รู้หรอกว่าภาพยนตร์ที่ข้าเคยดูในโลกก่อนหน้านี้ของข้ามีกี่เรื่องและผลงานศิลปะที่แฝงไปด้วยความหมายลึกล้ำมากมายกี่ชิ้นแล้วที่ข้าเคยชื่นชม ท่านบอกว่าข้าเป็นกบในกะลางั้นเหรอ? ไม่ใช่เลย! ท่านนั่นแหละที่เป็นกบในกะลา!
อย่างไรก็ตามการแสดงออกบนใบหน้าของเขายังคงจริงใจ “ ‘พลังวิญญาณ’ นี้สามารถควบคุมได้หรือไม่?”
“แน่นอนว่าทำได้” หมี่ลี่กล่าว “จักรวาลนั้นกว้างใหญ่ไพศาล มีเส้นทางการบ่มเพาะอีกมากมายนอกเหนือจากการพึ่งพาพลังชี่ ในโลกนี้ยังมีพลังงานอีกมากมายที่สามารถนำไปใช้ในการบ่มเพาะได้ เช่นวิชาปฐมบทแรกเริ่มของเจ้าที่ใช้พลังปฐมบท
“นอกจากนี้ จากการศึกษาหลายปีของข้า พลังชี่ที่มีอยู่ในฟ้าดินส่วนใหญ่ไม่ได้ประกอบด้วยพลังงานรูปแบบเดียว ข้ารู้จักหลายเชื้อชาติที่ใช้พลังชี่บ่มเพาะเช่นกัน แต่วิธีการบ่มเพาะของพวกเขานั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากเผ่าพันธุ์มนุษย์ อันที่จริงแม้แต่เผ่าพันธุ์มนุษย์ก็ยังมีหลายสำนักที่มีความคิดเกี่ยวกับการบ่มเพาะที่แตกต่างกันไป…น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถแยกแยะประเภทต่าง ๆ ของพลังชี่ที่มีอยู่ในฟ้าดินได้”
ซูอันนึกขึ้นได้ว่านางกำลังพูดถึงอะไร การศึกษาฟิสิกส์ในโลกที่แล้วของเขา ส่งผลให้เกิดการค้นพบแรงพื้นฐานทั้งสี่ในจักรวาล ได้แก่ แรงนิวเคลียร์อย่างเข้ม แรงนิวเคลียร์อย่างอ่อน แรงแม่เหล็กไฟฟ้า และแรงโน้มถ่วง แรงที่แตกต่างนำไปสู่ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน
อย่างไรก็ตาม จักรวาลนั้นกว้างใหญ่ไพศาล ไม่แน่ว่าอาจจะยังมีพลังประเภทอื่นอยู่อีก แต่แค่เพียงตอนนี้พวกเขายังค้นพบแค่พลังชี่ที่มีอยู่ในฟ้าดิน พลังปฐมบท รวมทั้งพลังวิญญาณที่เพิ่งกล่าวถึง