เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 652 ข้าไม่คิดจะตายอยู่แล้ว
บทที่ 652 ข้าไม่คิดจะตายอยู่แล้ว
บทที่ 652 ข้าไม่คิดจะตายอยู่แล้ว
เจียงลั่วฝูที่นิ่งเงียบมาตลอดก็พูดขึ้น “ข้าเห็นด้วยกับสิ่งที่อ๋องฉู่พูด เนื่องจากซูอันไม่ได้เป็นบุตรเขยของตระกูลฉู่แล้ว ข้าคิดว่าเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ที่ท่านจะสร้างปัญหาให้กับตระกูลฉู่ต่อไป”
เมื่อเห็นอาจารย์ใหญ่เจียงเป็นผู้ริเรื่ม เซี่ยอี้ก็ไม่ต้องการที่จะปล่อยให้โอกาสแสดงความปรารถนาดีต่อตระกูลฉู่หลุดลอยไป “เซี่ยอี้ผู้นี้มีความคิดเห็นเช่นเดียวกัน ตระกูลฉู่ได้ตัดความสัมพันธ์กับซูอันแล้ว ดังนั้นตระกูลฉู่ย่อมไม่เกี่ยวอีกต่อไป เอาเป็นว่าข้าจะร่วมมือในการค้นหาซูอันแทนดีหรือไม่?”
“เจ้าเมืองเซี่ยอย่าได้ลำบากเลย” อ๋องเหลียงจะมองไม่เห็นจุดประสงค์ที่แท้จริงของอีกฝ่ายได้อย่างไร ร่วมกันค้นหาซูอัน? ใครจะไม่รู้บ้างว่าตอนนี้ซูอันหนีไปไหนแล้ว จะไปจับที่ไหน แม้แต่ทูตยุทธ์เสื้อแพรก็หมดปัญญา จับตูดข้าแทนไหม!
เขาเมินเซี่ยอี้และเริ่มหารือแผนการต่อไปกับหลิวเหย่าและหวงฮุ่ยฮงหัวหน้าคณะทูตยุทธ์เสื้อแพร
หลิวเหย่าหัวเราะคิกคัก “ในเมื่อจักรพรรดิส่งอ๋องเหลียงผู้ทรงเกียรติมาจัดการกับเรื่องนี้ เป็นเรื่องธรรมดาที่ข้าจะยอมเชื่อฟังคำสั่งของท่านอย่างเต็มที่”
อ๋องเหลียงสาปแช่งอยู่ในใจ คำพูดของจิ้งจอกเฒ่าฟังดูดี แต่มันคือการผลักความรับผิดชอบของเรื่องนี้ทั้งหมดมาสู่เขา ไอ้สารเลวนี่ไม่มีสำนึกผิดชอบชั่วดีเลยแม้แต่น้อยหลังจาก…อะแฮ่ม หลังจากความสนิทสนมที่เรามีร่วมกันในหอสุขนิรันดร์
อ๋องเหลียงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องมองไปที่หวงฮุ่ยฮง “ผู้บัญชาการหวง ท่านคิดเห็นอย่างไร?”
หวงฮุ่ยฮงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “สิ่งเดียวที่ข้าสนใจคือจับซูอันและพาเขากลับไป นี่คือเป้าหมายที่จักรพรรดิมอบให้ข้า ถ้าเราไม่ทำเช่นนั้น ไม่ใช่แค่ทูตยุทธ์เสื้อแพรของเรา แม้แต่ท่านก็จะหนีอาญาไม่ได้”
ใบหน้าของอ๋องเหลียงมืดหม่นดุจเมฆครึ้ม ภายในใจของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
ไม่นานเขาก็ตัดสินใจได้ เขาเดินไปที่คฤหาสน์ตระกูลฉู่อีกครั้งและประกาศด้วยเสียงอันดังว่า “เนื่องจากซูอันไม่ได้เป็นลูกเขยของตระกูลฉู่อีกต่อไป ข้าจึงไม่สามารถดำเนินการกับทั้งตระกูลฉู่ตามพระราชโองการได้ อย่างไรก็ตาม จากการกระทำของตระกูลฉู่ ข้าสงสัยว่าพวกเขาพยายามหลอกลวงจักรพรรดิและปกป้องซูอัน จักรพรรดิจะเป็นคนตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าจะจัดการกับพวกเขาอย่างไรด้วยพระองค์เอง!”
“จับกุมทุกคนในตระกูลฉู่! เราจะพาพวกเขาทั้งหมดกลับไปยังเมืองหลวง!”
เขาเข้าใจชัดเจนว่าจักรพรรดิต้องการใช้โอกาสนี้ยึดทรัพย์สินของตระกูลฉู่ การจับกุมตระกูลฉู่ทั้งหมดจะเป็นการปูทางสำหรับเรื่องนี้เป็นอย่างดี
ด้วยวิธีนี้ แม้ว่าจะไม่สามารถจับซูอันได้ แต่เขาก็ยังสามารถลดโทษด้วยผลงานทดแทนนี้!
“อะไรนะ!” ทุกคนในตระกูลฉู่ตื่นตระหนกเมื่อได้ยินประโยคนี้ หลายคนถึงกับเผลอตัวจับอาวุธ
เซี่ยอี้กระแอมขัดและพูดว่า “ท่านอ๋อง ท่านทำเช่นนี้มันไม่เกินไปหน่อยหรือ? การบังคับกักขังตระกูลอ๋องไปยังเมืองหลวงจะทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ทั้งในและนอกเมืองจันทร์กระจ่าง!”
อ๋องเหลียงกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ข้าจะรับผิดชอบผลที่ตามมาทั้งหมด!”
จากนั้นเขาก็มองไปที่สมาชิกของตระกูลฉู่ “ทำไม? พวกเจ้ากำลังคิดจะต่อต้านอีกครั้ง? เจ้าต้องการให้องค์จักรพรรดิออกพระราชโองการอื่นหรืออย่างไร? ดูสภาพของพวกเจ้าเองในตอนนี้ก่อน บางทีข้าอาจไม่ต้องใช้พระราชโองการในการจัดการกับพวกเจ้าด้วยซ้ำ!”
เขาตั้งใจมองไปที่เซี่ยอี้และเจียงลั่วฝูขณะที่พูด คำพูดเหล่านี้มีความหมายชัดเจนสำหรับทั้งสองคนเช่นกัน
แน่นอนว่า เซี่ยอี้และเจียงลั่วฝูต่างก็ขมวดคิ้ว แต่ยังคงนิ่งเงียบ
เป็นเรื่องหนึ่งหากที่นี่มีเพียงอ๋องเหลียงและหลิวเหย่า แต่ทูตยุทธ์เสื้อแพรสามารถทำหน้าที่แทนองค์จักรพรรดิได้ หากพวกเขาเรียกพระราชโองการอื่นออกมาอีก จะไม่มีใครสามารถต้านทานได้แม้แต่น้อย
ตามคำสั่งที่ได้รับ ทหารราชองครักษ์ได้กรูเข้าไปเพื่อจับกุมสมาชิกของตระกูลฉู่ เกิดเสียงคร่ำครวญและโหยหวนภายในคฤหาสน์ตระกูลฉู่ ภรรยาร้องไห้เพื่อสามีของพวกนาง เด็ก ๆ ร้องไห้เพื่อพ่อแม่ของตนเองและพ่อแม่ก็ร้องไห้เพื่อลูกของพวกเขา …
“ท่านผู้นำตระกูล??” คนอื่น ๆ มองไปทางฉู่จงเทียนเห็นได้ชัดว่าต้องการให้เขาตัดสินใจเลือกในทันที
ฉู่จงเทียนที่หวาดหวั่น มองไปที่ภรรยาของเขาและเห็นการให้กำลังใจในดวงตาของนาง เขาหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดช้า ๆ ว่า “บรรพบุรุษของตระกูลฉู่ก่อตั้งตระกูลด้วยการต่อสู้ สมาชิกของตระกูลฉู่ตายในสนามรบมาโดยตลอด! ไม่เคยมีทายาทคนใดที่ยอมจำนนและยอมให้ตัวเองถูกเข่นฆ่า แทนที่จะถูกปฏิบัติเหมือนนักโทษในเมืองหลวง ทนรับความอัปยศอดสูและถูกใส่ร้าย เรายอมต่อสู้ในศึกอันมีเกียรติจนตายซะดีกว่า! ลูกหลานตระกูลฉู่ ขอจงยกกระบี่ขึ้นหากเจ้าเต็มใจที่จะยืนหยัดต่อสู้กับข้า!”
“สู้! สู้! ฆ่า! ฆ่า!” ทุกคนในตระกูลฉู่ดึงอาวุธของพวกเขาออกมา เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครต้องการถูกพาไปที่เมืองหลวงในฐานะอาชญากร
อ๋องเหลียงโกรธจัด “พวกเจ้าทั้งหมดพยายามที่จะเป็นกบฏงั้นเหรอ!?”
ทันทีที่คำพูดออกจากปาก หอกและกระบี่ทั้งหมดของทหารราชองครักษ์ก็ชี้ไปที่ตระกูลฉู่
ชาวบ้านที่อยู่รอบ ๆ ต่างตื่นตระหนกเมื่อเห็นว่าเหตุการณ์กำลังจะถึงจุดแตกหัก พวกเขามาพร้อมกับเมล็ดแตงโมเพื่อชมการแสดงดี ๆ แต่ไม่ได้ต้องการจะถูกลูกหลงไปด้วย
หัวของเซี่ยอี้เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ เขาเช็ดหน้าผากในขณะที่แนะนำทั้งสองฝ่าย “ทุกคนได้โปรดใจเย็น ๆ ก่อน! อ๋องฉู่ อ๋องเหลียง โปรดอย่ารีบร้อน อาจารย์ใหญ่เจียงพูดอะไรหน่อยเถอะ!”
เจียงลั่วฝูอ้าปาก แต่นางไม่ได้พูดอะไรในท้ายที่สุด นางรู้ว่าชะตากรรมอันเลวร้ายกำลังรอตระกูลฉู่อยู่เมื่อพวกเขาถูกพาไปที่เมืองหลวง นางจึงไม่สามารถห้ามพวกเขาให้ยืนหยัดต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดได้
อย่างไรก็ตาม หลาย ๆ คนของตระกูลฉู่ได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว หากการต่อสู้เกิดขึ้น พวกเขาคงไม่มีโอกาสได้รับชัยชนะ
ขณะที่ความตึงเครียดกำลังจะปะทุก็มีเสียงหนึ่งร้องออกมา “ช้าก่อน!”
เจียงลั่วฝูและตระกูลฉู่ทั้งหมดตัวสั่นขณะที่พวกเขาหันไปทางต้นเสียง
ซูอันถอดหน้ากากออกมานานแล้ว เขาค่อย ๆ เดินออกจากฝูงชน “ข้าเป็นคนที่เจ้าอยากจับ ทำไมถึงไประรานคนพวกนี้!”
“อาซู!” ฉินหว่านหรูทั้งโกรธและวิตกกังวล อะไรคือเหตุผลที่เขาก้าวออกมาตอนนี้?
เขาควรจะไปหาชูเหยียนและฮวนเจาและพาพวกนางไปซ่อนตัว
ซูอันส่งยิ้มขอโทษ “เนื่องจากพวกท่านได้เตะข้าออกจากตระกูลฉู่แล้ว ท่านไม่สามารถตำหนิข้าได้ที่ไม่ปฏิบัติต่อท่านด้วยความเคารพ”
เขาไม่ต้องการเป็นภาระแก่ตระกูลฉู่ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมจึงเป็นการดีที่สุดที่จะตัดสัมพันธ์ทั้งหมดในตอนนี้
จากนั้นเขาก็มองไปทางอ๋องเหลียงและคนอื่น ๆ “ข้าคือคนที่เจ้าต้องการใช่ไหม? มา อยากจะจับข้าไปก็มาเลย!”
อ๋องเหลียงหัวเราะเบา ๆ “ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะมีน้ำจิตน้ำใจอาจหาญเช่นนี้ เจ้าหนู! ไม่เลว ไม่เลว!”
เหตุผลที่เขาปฏิบัติต่อตระกูลฉู่เช่นนี้ก็เพื่อบังคับให้ซูอันแสดงตัว เนื่องจากเขาบรรลุวัตถุประสงค์ของตัวเองแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องสร้างปัญหาให้ตระกูลฉู่อีกต่อไป
การปะทะกับตระกูลฉู่ย่อมนำไปสู่การนองเลือดอย่างรุนแรง เป็นการยากที่จะคาดเดาผลที่จะตามมา
“อาซูแทนที่จะทิ้งชีวิตของเจ้า ทำไมเจ้าไม่ร่วมสู้ไปกับพวกเรา?” ฉู่จงเทียนรู้ว่าซูอันสามารถหนีรอดไปได้ง่าย ๆ เหตุผลเดียวที่ปรากฏตัวก็เพราะตระกูลฉู่ คนอย่างเขาจะยอมให้ซูอันเสียสละชีวิตเพื่อพวกเขาได้อย่างไร?
ซูอันยิ้ม “ข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลฉู่อีกต่อไป ดังนั้นท่านอ๋องฉู่อย่าได้ลำบากเพื่อข้าอีกเลย นอกจากนี้ข้าก็ไม่ได้คิดที่จะทิ้งชีวิตของตนเอง ทุกคนควรจะรู้อยู่แก่ใจ หากข้าตายไป วิชาวัฏจักรหงส์อมตะก็จะสูญหาย ดังนั้นไม่มีทางที่องค์จักรพรรดิจะฆ่าข้าอย่างแน่นอน!”