เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 656 ไหวพริบ
บทที่ 656 ไหวพริบ
บทที่ 656 ไหวพริบ
“ฮัดชิ่ว…!”
ซูอันจามซ้ำแล้วซ้ำเล่าในรถกรงขัง เขาถอนหายใจ “แน่นอนว่าต้องมีสาวสวยกำลังคิดถึงข้า…”
เจิ้งตานกลอกตา “อาจารย์ซู เป็นคนที่หลงตัวเองเช่นเคย”
มีสายตามากมายรอบตัวพวกเขา และแน่นอนว่าซ่างเชียนคงกำลังคอยฟังอยู่ตลอดเวลาจากรถอีกคัน ดังนั้นนางจึงไม่กล้าพูดอะไรแปลก ๆ นางโต้ตอบกับซูอันอย่างที่คุณหนูใหญ่เจิ้งควรเป็นเท่านั้น
ซูอันหัวเราะ “ข้าจะไปทำอะไรได้ คนมีเสน่ห์อย่างข้าต่อให้ไม่ทำอะไรก็เป็นที่ชื่นชอบของสาว ๆ อยู่แล้ว”
เจิ้งตานอดถอนหายใจไม่ได้ “ข้าไม่รู้ว่าควรสรรเสริญอาจารย์ซูสำหรับการมองโลกในแง่ดี หรือหัวเราะเยาะความโง่เขลาของท่าน ท่านรู้หรือไม่ว่าชะตากรรมของท่านใกล้จะจบลงแล้ว?”
นางใช้คำพูดเยาะเย้ยเพื่อปกปิดความกังวลในใจที่มีต่อเขา นางแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงแสดงตัวออกมาแทนที่จะหนีไป
ซูอันประหลาดใจกับคะแนนความโกรธแค้นที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างกะทันหัน อย่างไรก็ตาม เขาก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าเกิดอะไรขึ้น “แม่นางเจิ้ง เจ้าเป็นห่วงข้างั้นเหรอ?”
เจิ้งตานสะบัดหัวไปด้านข้าง “โปรดทำตัวให้เกียรติข้าด้วย!” นางพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง
ในรถกรงขังอีกคัน ใบหน้าของซ่างเชียนสว่างขึ้นทันทีเมื่อเขาได้ยินคำพูดของเจิ้งตาน ถ้าไม่ใช่เพราะถูกผนึกไว้ เขาจะปรบมือให้นาง
ซูอันขยับตัวเข้าหาเจิ้งตาน และมองซ่างเชียนด้วยสายตาที่เย้ยหยัน “ เจ้ามองอะไร เข้ามาหาสิถ้าเจ้ากล้า!”
กรามของซ่างเชียนขบกันแน่นอย่างเห็นได้ชัด
บัดซบ! สวรรค์ฆ่ามันที!
เขาใกล้จะระเบิดแล้ว เมื่อเห็นซูอันเข้าใกล้ภรรยาของตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เขาส่งพยายามส่งเสียง แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรได้เพราะลำคอของเขาถูกผนึกไว้
นี่ยิ่งทำให้เขาโกรธมากขึ้นไปอีก
—
ท่านยั่วยุซ่างเชียนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 999!
—
เขาทำได้เพียงทุบซี่กรงของรถกรงขังอย่างต่อเนื่องในขณะที่ทำท่าทางชี้นิ้วไปยังรถกรงขังอีกคันให้พวกทหารรับรู้
“อะไร?” ทหารที่ดูแลรถม้าหันไปรอบ ๆ อย่างไม่อดทน
ซ่างเชียนชี้ไปที่ซูอัน และทำท่าทางอธิบายความโกรธของเขา
อย่างไรก็ตามทหารคนนั้นพูดอย่างไม่สนใจว่า “พวกเขาไม่ได้นั่งติดกันสักหน่อย เจ้ากังวลเรื่องอะไร?”
ซ่างเชียนยิ่งเศร้าใจ มันจะไม่สายเกินไปหรือหากทั้งสองคนใกล้ชิดกันมากกว่านี้?
ทหารอีกคนก็ตะโกนด่าเช่นกัน “เขาจะทำอะไรได้ มีคนดูอยู่เยอะขนาดนี้? อยู่นิ่งๆ สักที เลิกทุบได้แล้ว! ถ้าเจ้าไม่เงียบด้วยตัวเอง เราจะบังคับให้เจ้าเงียบ!”
ในตอนแรกพวกเขาคิดว่าจะปฏิบัติกับซ่างเชียนและซ่างหงให้ดีกว่านี้ ยังไงซะ ซ่างหงก็เป็นผู้บ่มเพาะระดับแปดและยังมีโอกาสที่จะกลับมาเฟื่องฟูได้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ท่าทีของอ๋องเหลียงทำให้พวกเขาตระหนักได้ว่ายุคสมัยอันรุ่งเรืองของพ่อลูกตระกูลซ่างได้จบสิ้นลงแล้ว
อ๋องเหลียงเข้าถึงข้อมูลได้มากกว่าคนอื่น หากไม่สนใจที่จะปฏิบัติต่อทั้งสองคนนี้ด้วยความเคารพใด ๆ ก็หมายความว่าสองคนนี้ไม่มีอนาคตที่รุ่งเรืองอีกแล้ว ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชา พวกเขาอาจไม่ชำนาญในเรื่องอื่นมากนัก แต่เรื่องอ่านสถานการณ์ต่าง ๆ นั้นพวกเขายังคงมีไหวพริบเสมอ
ในทางกลับกันอ๋องเหลียงแสดงท่าทีห่วงใยซูอันมากกว่า นั่นทำให้พวกเขารู้ว่าใครคือคนที่พวกเขาควรโอนอ่อนให้อย่างแท้จริง
ต่อให้ซูอันกระโจนใส่เจิ้งตาน พวกเขาก็คงไม่ห้ามปรามอะไร ทำไมพวกเขาจะต้องห้ามด้วย?
แน่นอนว่าซ่างเชียนซึ่งรับใช้ราชสำนักมาหลายปีรู้ดีว่าขณะนี้กำลังเกิดอะไรขึ้น
เขาโกรธจัด! ไอ้พวกสุนัขเลียแข้งเลียขาเจ้านาย! รอให้ข้าออกไปได้ก่อนเถอะ ข้าจะฆ่าซูอันก่อน จากนั้นก็ถึงตาพวกเจ้า!
ท่าทางบ้าคลั่งของซ่างเชียนไม่ได้พ้นจากการสังเกตของเจิ้งตาน นางอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ทำไมเจ้าต้องยั่วยุเขา?”
ซูอันหัวเราะและพูดว่า “ช่วยไม่ได้ เราแค่เข้ากันไม่ได้ เขาหงุดหงิดเมื่อเห็นข้า และข้าก็หงุดหงิดเมื่อเห็นเขาเช่นกัน”
เจิ้งตานมองเขาอย่างหงุดหงิด “เจ้ายังรังแกเขาไม่พออีกเหรอ?”
ซูอันหัวเราะพลางมองสาวงามตรงหน้าเขาที่กำลังสวมชุดแต่งงานอันงดงามซึ่งประดับด้วยอัญมณีเก้าสิบเก้าเม็ด ซึ่งเป็นของหมั้นของตระกูลซ่าง สิ่งเหล่านี้ทำให้นางดูสง่างามและมีเสน่ห์ยิ่งขึ้นไปอีก
ก่อนหน้านี้เขาไม่มีเวลาชื่นชม ตอนนี้เขาได้เห็นนางอย่างใกล้ชิดแล้ว ซูอันอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจและพูดว่า “เจ้าช่างน่าทึ่งจริง ๆ แม้ยามโกรธเจ้าก็ยังดูงดงามไม่แปรเปลี่ยน”
“อู้ อู้!!!!” ซ่างเชียนอู้อี้ในลำคอพยายามตะเบ็งเสียงพร้อมกับเอามือทุบด้านข้างรถม้าอีกครั้ง ไอ้สารเลวนี้กำลังหยอกเย้าภรรยาของข้า!
ซูอันหันกลับมา “เฮ้ ไอ้หนู เจ้าเป็นบ้าอะไรของเจ้า? ถามใครก็ได้ ทุกคนย่อมเห็นด้วยกับข้าว่าแม่นางเจิ้งเป็นคนสวย ข้าควรก่นด่าว่านางเป็นคนอัปลักษณ์เหรอ? นั่นจะทำให้เจ้ามีความสุขใช่ไหม? ไอ้ตัวประหลาดเอ๊ย!”
“นั่นสิ!” เหล่าทหารต่างมองดูซ่างเชียนอย่างเหยียดหยาม เกิดอะไรขึ้นกับการชมเชยภรรยาของเจ้าว่าเป็นคนสวย เจ้าไม่อ่อนไหวเกินไปหน่อยเหรอ?
ซ่างเชียนไม่สามารถสงบท่าทีได้อีกต่อไป
ข้ากำลังจะบ้า…อีกฝ่ายมีเจตนาร้ายชัด ๆ ทำไมข้าถึงกลายเป็นคนผิดแบบนี้?
เขาแทบจะลุกขึ้นยืนทันที!
ซ่างหงเอื้อมมือดึงเขากลับลงมา ก่อนจะเขียนลงบนพื้นด้วยนิ้วว่า “หลับตาลง ทำจิตใจให้สงบ”
ซ่างเชียนโกรธมากจนแทบจะกระอักเลือด “ข้าควรจะปล่อยให้เขารังแกภรรยาของข้าเหรอ!?”
ซ่างหงยังคงเขียนต่อไปว่า “แล้วตอนนี้เขาทำอะไรภรรยาของเจ้าแล้วหรือยัง? เจ้าลืมไปแล้วงั้นหรือว่าก่อนหน้านี้ข้าเคยพูดอะไรไว้!?”
ซ่างเชียนจ้องเขม็งครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็จำคำแนะนำของพ่อตัวเองเมื่อครั้งที่เขาขอให้เจิ้งตานใช้แผนกับดักน้ำผึ้งเพื่อค้นหาผู้บ่มเพาะลึกลับที่สนับสนุนซูอัน ย้อนกลับไปในตอนนั้น พ่อของเขาเคยพูดว่า แม้ว่าเจิ้งตานจะพลาดพลั้งถูกกับดักน้ำผึ้งย้อนให้เข้าหาตัวจริง ๆ เขาก็ไม่ควรแสดงอาการหุนหันออกมาในทันที แต่ให้หาวิธีที่เหมาะสมเพื่อตักตวงประโยชน์สูงสุดแก่ตัวเขาเองในภายหลัง
อย่างไรก็ตาม การเข้าใจเหตุผลนี้เป็นเรื่องหนึ่ง แต่การได้เห็นไอ้สารเลวมองดูเจ้าสาวหมาด ๆ ของเขาในระยะใกล้ก็เพียงพอแล้วที่จะจุดไฟแห่งความหึงหวงให้ลุกโชน
ซูอันรู้สึกยินดีเมื่อเห็นว่าคะแนนความโกรธแค้นเข้ามามากแค่ไหน ผู้ชายคนนี้นี่สนุกจริง ๆ ข้าจะรีดคะแนนจากเจ้าให้แห้งเลยคอยดู!
การยียวนยังคงดำเนินต่อไป ซูอันยังคงพูดคุยกับเจิ้งตานเพื่อเก็บเกี่ยวคะแนนความโกรธแค้นอันไม่มีที่สิ้นสุดของซ่างเชียน ถ้าไม่ใช่เพราะรถม้าคุมขังที่เย็นเยียบที่ทำให้เขานึกถึงสถานการณ์ปัจจุบันของเขาตลอดเวลา ซูอันอาจรู้สึกราวกับว่ากำลังไปเที่ยวพักผ่อน
แต่เมื่อรถม้าออกจากประตูเมือง จิตใจของซูอันก็ฟุ้งซ่านเมื่อมองดูกำแพงเมืองที่ใหญ่โตค่อย ๆ ห่างออกไปเรื่อย ๆ
เมื่อเขามาถึงโลกนี้เป็นครั้งแรก เขาได้เข้าเมืองจันทร์กระจ่างผ่านประตูนี้อย่างช้า ๆ ด้วยรถม้าของฉู่ชูเหยียน
แต่ตอนนี้เขากำลังจะจากไป
“เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่?” เจิ้งตานแปลกใจเล็กน้อย เมื่อเห็นเขาเงียบไปอย่างกะทันหัน