เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 660 น่าเสียดาย
บทที่ 660 น่าเสียดาย
บทที่ 660 น่าเสียดาย
อ๋องเหลียงยิ้มอย่างขมขื่น “เราจะป้องกันไม่ให้ข่าวแพร่กระจายไปได้ยังไง? ขั้วอำนาจเหล่านั้นล้วนมีช่องทางข้อมูลของตนเอง พวกเขาสามารถสื่อสารหากันได้แม้ไม่มีผู้คนเข้าและออกจากเมือง และเจ้าเมืองเซี่ยอี้ก็เป็นคนของฝ่ายราชันฉี ท่านคิดว่าเขาจะอนุญาตให้ท่านปิดตายเมืองงั้นเหรอ?”
หลิวเหย่าพ่นลมหายใจ “คนพวกนี้ปากอย่างใจอย่าง ภายนอกก็พูดจาเสนาะหู แต่ในใจไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่บ้าง! เมื่อรัชทายาทขึ้นครองบัลลังก์ เราจะจัดการกับพวกเขาทีละคน!”
อ๋องเหลียงกระแอมเบา ๆ และกล่าวว่า “แม่ทัพหลิว ระวังคำพูดด้วย”
หลิวเหย่าสะดุ้งโหยง ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักว่าเขาล้ำเส้นเกินไป รัชทายาทจะขึ้นครองบัลลังก์ได้ก็ต่อเมื่อจักรพรรดิองค์ปัจจุบันสิ้นพระชนม์!
เท่ากับเขาปรารถนาความตายขององค์จักรพรรดิงั้นเหรอ?!
นี่คือสิ่งที่จักรพรรดิชิงชังมากที่สุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีพ่อครัวคนหนึ่งพูดถึงคำว่า ‘ความตาย’ ขณะกำลังฆ่าไก่ ซึ่งบังเอิญไปถึงหูขององค์จักรพรรดิในขณะที่พระองค์กำลังเดินผ่านไป ภายหลังพ่อครัวคนนั้นจึงถูกประหารชีวิต
“ขอบคุณท่านอ๋องที่เตือนสติ” หลิวเหย่ารู้สึกขอบคุณ
อ๋องเหลียงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่จำเป็นเลย การเดินทางของเราจะลำบากแน่นอน ดังนั้นเราต้องดูแลกันและกัน”
พูดตามตรง หากไม่ใช่เพราะเขายังคงต้องการหลิวเหย่าและกองทหารราชองครักษ์ เขาก็คงไม่ใส่ใจหากชายผู้นี้แกว่งเท้าหาเสี้ยนด้วยตัวเอง
หลิวเหย่าไม่เห็นด้วยกับคำพูดของอีกฝ่าย “เขาเป็นคนที่องค์จักรพรรดิถือว่าเป็นอาชญากร และเรายังมีทหารราชองครักษ์และทูตยุทธ์เสื้อแพรอยู่กับเราด้วย ท่านคิดว่าจะมีคนกล้าพอที่จะพยายามชิงตัวเขาไปด้วยงั้นเหรอ?”
อ๋องเหลียงถอนหายใจ “เสน่ห์แห่งชีวิตนิรันดร์เป็นที่ดึงดูดสำหรับคนจำนวนมาก นับประสาอะไรกับความจริงที่ว่ายังมีคนอีกมากที่ไม่ต้องการเห็นจักรพรรดิได้รับชีวิตนิรันดร์”
หลิวเหย่าเงียบไป แม้แต่…ก็ไม่อยากเห็นจักรพรรดิได้รับชีวิตนิรันดร์
…
เมื่อเทียบกับบรรยากาศที่ตึงเครียดของรถม้าคันนี้ บรรยากาศในรถม้าที่อยู่ด้านหลังนั้นสดใสกว่ามาก
เจิ้งตานซุกอยู่ตรงมุม แก้มแดงก่ำ “เจ้า! ทำไมเจ้าต้องลากข้ามาที่รถม้าคันนี้ด้วย”
ซูอันยิ้ม “มีอะไรแปลก? ตอนนี้เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องสายลมและแสงแดดอีกต่อไป เจ้าสามารถเพลิดเพลินกับตัวเองในรถม้าที่สะดวกสบายนี้ได้”
สายตาของเขามองไปรอบห้องโดยสารภายในรถม้า หลิวเหย่าผู้นี้ร่ำรวยจริง ๆ! รถม้าคันนี้แทบจะเหมือนโรลส์-รอยซ์ตัวท็อป!
เจิ้งตานตระหนักได้ว่าซูอันคงเห็นนางใช้มือบังแสงแดด นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงขอเปลี่ยนรถม้า ทุกคนคิดว่าเขาแค่ทำตัวน่ารำคาญ แต่นางรู้ว่าเขาทำเพื่อนาง ความคิดนี้ทำให้ใจนางอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม การอยู่ในที่ปิดมิดชิดและเป็นส่วนตัวกับเขาในขณะที่คนอื่น ๆ ที่อยู่ด้านนอกต่างให้ความสนใจ ทำให้หญิงสาวรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง
“มานวดขาให้ข้าตรงนี้ อยู่ในรถม้าเป็นเวลานาน ๆ แบบนี้ทำให้ขาของข้าชา” ซูอันยกขาของเขาขึ้นบนตักของนาง
เจิ้งตานสะดุ้งตกใจทันที
ซูอันไม่ได้กังวลเลย “ไม่มีอะไรต้องกลัว รถม้าคุมขังอยู่ไกลจากรถม้าคันนี้ พวกเขาไม่ได้ยินอะไรหรอก”
เจิ้งตานรู้สึกอับอายและวุ่นวายใจ นางชี้ไปที่รถม้าอีกคันซึ่งมีอ๋องเหลียงและหลิวเหย่านั่งอยู่ด้านใน นางไม่เพียงกังวลเกี่ยวกับซ่างเชียนเท่านั้น! ทูตยุทธ์เสื้อแพรก็เฝ้าดูพวกเขาอยู่ใกล้ ๆ เช่นกัน
ซูอันตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้น “ไม่เอาน่า…ข้าพาเจ้าออกจากรถม้าคันนั้น และเข้ามาในรถที่สะดวกสบายกว่าเดิม แต่เจ้าไม่คิดจะตอบแทนข้าสักหน่อยเลยเหรอ? หัวหน้าหวง ท่านคิดว่านางใจร้ายกับข้ามากไปหน่อยไหม?” เขาร้องเรียนออกไปข้างนอก
หวงฮุ่ยฮงพ่นลมหายใจ “เจ้าควรระมัดระวังกิริยา สามีของนางยังคงเฝ้าดูจากข้างหลังเรา!”
“ข้าเข้าใจ! หัวหน้าหวงกำลังบอกว่าการหยอกล้อนั้นไม่เป็นไร ตราบใดที่ข้าไม่ล้ำเส้นเกินไป” ซูอันหัวเราะคิกคัก
หวงฮุ่ยฮงเกือบสำลัก
เจ้าตีความแบบนั้นได้อย่างไร!?
อย่างไรก็ตาม เขาไม่รู้สึกว่าต้องการอธิบาย เด็กคนนี้รับมือยากจริง ๆ หน้าที่ของเขาคือพาอีกฝ่ายไปยังเมืองหลวงอย่างปลอดภัย และอีกอย่าง นั่นก็ไม่ใช่ภรรยาของเขาที่ถูกเอาเปรียบ
ซูอันหัวเราะและพูดกับเจิ้งตาน “เห็นไหม? เขาไม่สนใจแม้แต่น้อย”
เจิ้งตานกัดริมฝีปาก ไม่มีอะไรที่นางสามารถทำได้มาก นางจ้องมองที่เขาอย่างขุ่นเคือง จากนั้นก็เริ่มนวดขาของชายตรงหน้าเบา ๆ
ที่จริงแล้วทั้งสองคนก็ทำสิ่งนี้ในที่ส่วนตัวบ้าง แต่ก็ยากสำหรับนางที่จะละทิ้งภาพลักษณ์ในที่สาธารณะต่อหน้าคนอื่นมากมาย
“เฮ้อ…มือของแม่นางเจิ้งให้ความรู้สึกสบายเหมือนเคย” ซูอันมองนางด้วยรอยยิ้ม ปกติเจิ้งตานก็เป็นคนสวยอยู่แล้ว แต่นางมีเสน่ห์ยิ่งกว่าเมื่ออยู่ในชุดแต่งงาน
หัวใจของเจิ้งตานเต้นแรงกับคำพูด ‘เหมือนเคย’ ของซูอัน แต่โชคดีที่ไม่มีปฏิกิริยาจากภายนอก เพราะไม่มีใครได้ยินอะไรที่เขาพูด
จากนั้นซูอันก็ตบตักตัวเอง เชิญชวนให้นางเข้ามาใกล้
เจิ้งตานตกใจ นางส่ายหัวอย่างบ้าคลั่ง เจ้าล้อเล่นหรือเปล่า มีคนจำนวนมากให้ความสนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นภายในนี้! นางจะทำอย่างไรถ้าคนอื่นรู้!
ซูอันพูดเสียงเบา “ไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่ทำอะไร ข้าแค่อยากจะกอดเจ้าไว้ในอ้อมแขนของข้า ข้าคิดว่าอนาคตเราอาจจะไม่มีโอกาสแบบนี้อีกก็ได้”
เจิ้งตานเริ่มเศร้า อันที่จริง…นางและตระกูลซ่างยังคงมีความหวังว่าจะรอดชีวิตอยู่บ้าง แต่ซูอันนั้นมีโทษถึงตายอย่างแน่นอน โทษฐานที่ล่วงเกินองค์จักรพรรดิ
นางละทิ้งเหตุผลและค่อย ๆ โผเข้าหาอ้อมกอดของเขา ทั้งสองกอดกันอย่างอบอุ่น
เขาสัมผัสได้ว่าตัวนางสั่นเล็กน้อย ซูอันตบไหล่ของนางเบา ๆ
เขายังมีสิ่งที่เขาสามารถพึ่งพาได้ แต่หญิงสาวเช่นนางจะสามารถจัดการเรื่องวุ่นวายต่าง ๆ ได้อย่างไร?
“ขอบคุณ…” เจิ้งตานรู้สึกอบอุ่นภายในหัวใจ
“ยังจำเป็นต้องมีคำพูดขอบคุณระหว่างเราอีกงั้นเหรอ?” ซูอันมองหญิงสาวสวยในอ้อมแขนของเขา นางสวมชุดแต่งงานด้วยซึ่งทำให้นางดูเย้ายวนยิ่งขึ้น ความเร่าร้อนปะทุขึ้นในตัวเขา
ริมฝีปากสีแดงขยับมาประกบริมฝีปากของเขา ราวกับแสงจากสวรรค์กระทบพื้นดินและฉีกออกเป็นชิ้น ๆ เขาโอบกอดสาวงามในอ้อมแขนของเขาแน่นขึ้นทันที
เจิ้งตานดูเหมือนจะเทความหวาดกลัว ความสิ้นหวัง และความรู้สึกด้านลบอื่น ๆ ทั้งหมดที่สะสมอยู่ภายในตัวนางทิ้งไปในช่วงเวลานี้
มือของซูอันลูบไล้ไปตามร่างกายที่โค้งมนของนาง แต่มีบางอย่างทำให้เขานิ่งงัน
ชุดแต่งงานนี้สวยงามอย่างยิ่ง แต่ก็ดูรุ่มร่ามเกินไป! เขาไม่รู้ว่าจะถอดเสื้อผ้าพวกนี้ยังไงดี!
เจิ้งตานกดมือของเขา นางส่ายหัวขณะกัดริมฝีปาก ดวงตาที่กลมโตและเฉลียวฉลาดของนางดูเหมือนจะเตือนเขาว่ายังมีคนอยู่ข้างนอกอีกมาก จุมพิตกันได้ แต่นางไม่กล้าเกินเลยไปมากกว่านี้
“ไม่เป็นไรหรอกถ้าเราไม่ส่งเสียงอะไรเลย…” ซูอันขีดเขียนบนร่างกายของนางด้วยนิ้วเป็นข้อความโต้ตอบ
หัวใจของเจิ้งตานเต้นแรง นางเริ่มลังเล
เมื่อเห็นช่องโหว่ของนาง ซูอันจึงยังคงรุกต่อไป
ไฟแห่งความปรารถนาของเจิ้งตานก็ถูกจุดขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน แขนของนางโอบรอบคอของเขา ดึงเขาเข้ามาใกล้
เจิ้งตานยิ้มอย่างเขินอาย นางเอื้อมมือปลดกระดุมคอเสื้อของนางเอง
ซูอันคว้ามือของนางและพูดอย่างเงียบ ๆ “อย่าถอดมันออกเลย มันน่าสนใจกว่าถ้าเจ้ายังสวมมันไว้”
เจิ้งตานจ้องมองเขาด้วยความหงุดหงิด ทั้งสองคนคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว นางไม่รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร?
ซูอันค่อย ๆ เขียนลงบนฝ่ามือของนางว่า “น่าเสียดายที่งานแต่งงานของเจ้าไม่มีคืนวันวิวาห์ ข้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องชดเชยความสูญเสียของเจ้าด้วยตัวเอง!”
เจิ้งตานรู้สึกเขินอาย นางกัดบ่าเขาอย่างหมั่นไส้ คืนวันวิวาห์กับสามีของนางเป็นอะไรที่ผู้ชายอีกคนสามารถชดเชยได้ด้วยเหรอ?!