เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 687 เข้าร่วมฝ่ายเดียวกัน
บทที่ 687 เข้าร่วมฝ่ายเดียวกัน
บทที่ 687 เข้าร่วมฝ่ายเดียวกัน
“ข้า? เนรคุณ?” ซ่างเชียนแค่นหัวเราะ เขาไม่รู้ว่าชายผู้นี้กล้าพูดแบบนี้ได้อย่างไร?
—
ท่านยั่วยุซ่างเชียนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 666!
—
“ถ้าไม่ใช่เพราะข้า เจ้าก็คงได้นอนอยู่ในกรงบนรถม้านั่น เจ้าไม่มีทางได้มีโอกาสพักในห้องอย่างนี้แน่นอน เจ้าไม่สังเกตหรือไงว่าที่นี่มีห้องพักเพียงไม่กี่ห้อง!” ซูอันเน้นเสียง
ซ่างเชียนหายใจไม่ออก เพราะอีกฝ่ายพูดไม่ผิดเลย
จริง ๆ แล้วพวกเขาทั้งหมดควรถูกทิ้งไว้ในรถม้า แต่ซูอันบ่นว่าอาจลืมบางส่วนของวิชาวัฏจักรหงส์อมตะถ้ารู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัว เขาได้ผลักความรับผิดชอบให้อ๋องเหลียงและหลิวเหย่า โดยอ้างว่าทั้งสองจงใจกลั่นแกล้งเขาเพราะไม่ต้องการให้จักรพรรดิได้รับชีวิตนิรันดร์
อ๋องเหลียงและจิ้งจอกเฒ่าตัวอื่น ๆ ไม่กล้าเสี่ยงแบบนั้น นอกจากนี้ การสละห้องไม่ใช่เรื่องใหญ่
นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาหาห้องให้ซูอันอยู่ทุกเมื่อที่ทำได้ แน่นอนพวกเขายังคิดด้วยว่ามันจะไม่ดีหากมีข่าวว่าผู้บ่มเพาะระดับปรมาจารย์ถูกนักโทษข่มขู่รั่วไหลออกไป ดังนั้นอ๋องเหลียงจึงตัดสินใจนำนักโทษคนอื่น ๆ เข้าไปอยู่ในห้องด้วยเช่นกัน โชคเลยมาตกแก่ซ่างหงและคนอื่น ๆ ที่เคยเป็นเจ้าหน้าที่ทางการมาก่อน
แต่เพราะโรงเตี๊ยมนี้มีขนาดเล็ก ทั้งสามคนจึงต้องแออัดอยู่ในห้องเดียวกัน
“ในฐานะวิญญูชน เราควรเรียนรู้ว่าเมื่อใดควรขอบคุณ และเมื่อใดควรแก้แค้น ไม่อย่างนั้นข้าอาจจะหงุดหงิดจนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากย้ายไปอยู่กับแม่นางเจิ้งในห้องถัดไป ข้าสงสัยว่าเจ้าจะทำอะไรได้?” ซูอันพึมพำเสียงดัง
เจิ้งตานเป็นผู้หญิง ดังนั้นจึงไม่มีทางที่นางจะถูกจัดให้อยู่ร่วมห้องกับผู้ชายคนอื่น ๆ
เนื่องจากซ่างหงยังไม่ถูกตัดสินว่ามีความผิดอย่างเป็นทางการ อ๋องเหลียง หลิวเหย่า และคนอื่น ๆ จึงลังเลว่าควรปฏิบัติตัวกับเขาในลักษณะใด
“เจ้าล้ำเส้นไปแล้ว!” ซ่างเชียนกำลังจะบ้า เขาคำรามและกระโจนเข้าใส่ ซูอัน
—
ท่านยั่วยุซ่างเชียนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 999!
—
แต่เนื่องจากพลังชี่ของเขาถูกผนึกไว้ การเคลื่อนไหวของเขาจึงช้าราวกับคนธรรมดาทั่วไป และซูอันก็หลบหลีกเขาได้อย่างง่ายดาย
ขณะที่หลบ ซูอันเริ่มตะโกน “ช่วยด้วย! ช่วยข้า! ข้าต้องการเปลี่ยนห้อง!”
“แหกปากโวยวายอะไร!?” หวงฮุ่ยฮงพรวดเข้ามาในห้องและจ้องมองด้วยความโกรธ “ถ้าเจ้ายังส่งเสียงดัง ข้าจะโยนพวกเจ้าออกไปข้างนอกทั้งหมด”
ซูอันหัวเราะคิกคัก “ข้าไม่ได้อยากแหกปาก แต่ผู้ชายคนนี้คิดว่าข้าเป็นศัตรู! เขาต้องการจะฆ่าข้าทุกครั้งที่เห็นข้า ดังนั้นข้าจึงรู้สึกไม่ปลอดภัยที่จะอยู่ห้องนี้! ได้โปรดย้ายข้าไปอยู่ห้องเดียวกับแม่นางเจิ้งแทน! เราสองคนอยู่บนรถม้าเดียวกันทั้งวันแล้ว ข้าไม่คิดว่านางจะรังเกียจ”
“ไอ้เวร!” ซ่างเชียนตระหนักได้ว่าเขาหลงกลของซูอันโดยไม่รู้ตัว
ขณะที่ซ่างเชียนกำลังตื่นตระหนก หวงฮุ่ยฮงก็จ้องไปที่ซูอัน “อยากให้ย้ายเจ้าไปอยู่กับนางเหรอ? ฝันไปเถอะ!”
ซูอันไม่ค่อยประทับใจกับคำตอบของอีกฝ่าย
ผู้ชายคนนี้ไม่ชอบใจอะไรข้าด้วยหรือเปล่า? ทั้งหมดที่ข้าทำคือมองดูเทพธิดาของเจ้าแค่สองสามครั้ง ทำไมต้องทำให้เรื่องมันยากด้วย?
ทันใดนั้น ทหารคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามา “หัวหน้าหวง ท่านอ๋องมีบางอย่างต้องการจะพูดคุยกับท่าน”
หวงฮุ่ยฮงพยักหน้า เขาได้เอ่ยเตือนทั้งสองคนอีกครั้ง “ถ้าเจ้าสองคนมีปัญหากันมากกว่านี้ ข้าจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำเรื่องไม่สุภาพกับพวกเจ้า ท่านซ่าง กรุณาตักเตือนลูกชายด้วย มันจะดูไม่ดีสำหรับทุกคนที่นี่ถ้าข้าต้องให้ท่านนอนข้างนอก!”
ซ่างหงพยักหน้า “ไม่ต้องกังวล ข้าจะรั้งเชียนเอ๋อร์ไว้”
หวงฮุ่ยฮงมองซูอันเป็นครั้งสุดท้าย “เจ้าก็เหมือนกัน”
ซูอันยักไหล่อย่างเฉยเมย
หวงฮุ่ยฮงออกไปอย่างรวดเร็ว ซูอันเริ่มคิดหาวิธีที่เขาจะกอบโกยคะแนนความโกรธแค้นจากซ่างเชียนให้มากขึ้น
ทว่าซ่างหงก็พูดขึ้นมาก่อน “สหายน้อยซู เราไม่ใช่ศัตรูกันอีกทั้งในอนาคตเราอาจจะได้อยู่ฝ่ายเดียวกัน อย่าสร้างความบาดหมางต่อกันอีกเลย เจ้าว่าไหม?”
“ฝ่ายเดียวกัน?” ซูอันค่อนข้างสับสน
ซ่างหงมองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืน เขาพูดเบา ๆ “มีคนจำนวนมากที่ต้องการให้เจ้าตาย และมีบางคนที่ต้องการให้เราตายเช่นกัน เมื่อสถานการณ์ยุ่งเหยิง เราอาจจะต้องร่วมมือกัน”
ซูอันยิ้มเย้ย “ข้าหลงนึกว่าท่านจะพูดคำที่มันมีประโยชน์ แต่ที่ไหนได้ท่านกลับมาบอกว่าท่านถูกคนอื่นต้องการเอาชีวิตเนี่ยนะ? เฮอะ น่าขำ ทุกคนที่ปรากฏตัวมาจนถึงตอนนี้มีแต่เล็งเป้ามาที่ข้าทั้งนั้น! ได้โปรดหยุดพยายามเพิ่มมูลค่าให้ตัวเองเสียทีเถอะ”
ซ่างหงดูเหมือนจะไม่สนใจคำพูดของเขาเลย “ช่างเถอะ เอาเป็นว่าถ้าข้าเดาไม่ผิด พวกที่อยากจะฆ่าข้าและลูกชายน่าจะมาที่นี่ในคืนนี้”
ซ่างเชียนยังคงโกรธอยู่ แต่เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจเมื่อได้ยินสิ่งที่พ่อพูด เขาไม่สนใจที่จะโต้เถียงกับซูอันอีกต่อไป
ซูอันขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าซ่างหงจะได้เห็นอะไรที่ผิดสังเกต
ในขณะนั้นเองประตูก็เปิดออกและพนักงานโรงเตี๊ยมคนหนึ่งนำกล่องไม้เข้ามา “อาหารค่ำสำหรับพวกท่าน”
ขณะที่เขาพูด เขาวางจานอาหารไว้ข้างหน้าทั้งสามคน แม้ว่าอาหารจะไม่ได้เลิศเลอนัก แต่ก็จัดว่าดูดี
ท้องของซ่างเชียนเริ่มร้องด้วยความหิว ทว่า ขณะที่เขากำลังจะกิน ซ่างหงกลับหยุดเขาไว้ เขามองพ่อของตนเองด้วยความสับสน
ซ่างหงหัวเราะ “เจ้าดูสิ ซูอันยังไม่รีบกินเลย ทำไมเจ้าถึงรีบร้อนเช่นนี้”
ซูอันหัวเราะคิกคัก “ด้วยความเคารพ หากว่ากันตามประเพณีของราชวงศ์โจว ข้าคิดว่าผู้อาวุโสควรกินก่อน”
ซ่างเชียนสับสน สองคนนี้กำลังคุยอะไรกันอยู่? “ถ้าไม่อยากกินก็ไม่ต้องกิน ข้าหิวไส้จะขาดอยู่แล้ว!”
ซ่างหงมองลูกชายด้วยความโกรธ “แม้แต่ซูอันยังรู้เรื่องเลย ทำไมเจ้าถึงเป็นอย่างนี้? เจ้าด้อยกว่าเขาขนาดนี้ได้ยังไง?!”
ซ่างเชียนตกตะลึง และในขณะเดียวกันก็รู้สึกไม่มีความสุขอย่างยิ่ง พ่อของเขายังคงยกย่องซูอันตลอดเวลา ราวกับว่าอีกฝ่ายเป็นลูกชายของตัวเอง เขาเบื่อหน่ายยิ่งนัก “ท่านพ่อ ถ้าท่านชอบมันมาก ทำไมท่านไม่รับให้มันมาเป็นลูกของท่านให้จบ ๆ ไป!!”
ซ่างหงสูดหายใจเข้าลึกเพื่อระงับอารมณ์ เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอธิบายว่า “ใช้สมองโง่ ๆ ของเจ้าสักครั้งเถอะ! พ่อครัวจากเมืองเล็ก ๆ ห่างไกลเช่นนี้จะสามารถปรุงอาหารที่ดูดีเช่นนี้ได้อย่างไร? ไม่เพียงเท่านั้น ทูตยุทธ์เสื้อแพรจะตรวจสอบอาหารของเราเสมอและนำมาให้เราด้วยตัวเอง แต่ทำไมคราวนี้เด็กรับใช้ของโรงเตี๊ยมกลับได้รับอนุญาตให้เข้ามาหาเราโดยตรงได้?”
“ห๊ะ?” ซ่างเชียนเริ่มเข้าใจ เขาโยนชามในมือทิ้งทันที
เมื่อซุปหกกระจัดกระจายไปทั่ว ฟองสีขาวก็ปรากฏขึ้นบนพื้นห้องบริเวณนั้น เป็นเครื่องแสดงว่ามีพิษเจือปนอยู่ในอาหาร
“บัดซบนี่มันอะไรกัน…?” ซูอันสบถ เขาเทซุปลงบนพื้นแล้วเกิดฟองด้วยเช่นกัน เขาขมวดคิ้ว นักฆ่าพวกนี้ไม่มีศักดิ์ศรีสักนิด! พวกมันเหวี่ยงแหที่จะฆ่าทุกคน! เป้าหมายของมันคือใครกันแน่ เขา ซ่างหง หรือซ่างเชียน?
คำถามของเขาได้รับคำตอบในไม่ช้า เด็กรับใช้โรงเตี๊ยมเย้ยหยัน “ในเมื่อเจ้าไม่อยากตายอย่างมีศักดิ์ศรี งั้นให้ข้าช่วยก็แล้วกัน!”
เขาหยิบมีดสั้นออกมาจากกล่องอาหารและพุ่งตรงไปหาซ่างหงและซ่างเชียน
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ในชั่วพริบตา กลิ่นอายการฆ่าฟันอย่างแรงกล้าก็เต็มห้อง