เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 691 กองทัพกบฏ
บทที่ 691 กองทัพกบฏ
บทที่ 691 กองทัพกบฏ
เมื่อได้ยินว่าจะต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ซูอันก็กลอกตา แต่ก็ไม่ได้เถียงอะไรเพิ่มเติม
ซ่างเชียนได้รับการบอกเล่าจากบิดาของเขาแล้ว เขาย่อมไม่คัดค้านใด ๆ
แต่เมื่อเห็นซูอันแสดงสีหน้าชื่นชมชุดเจ้าบ่าว เขาก็เย้ยหยันในใจ ดีใจไปเถอะ เจ้าจะต้องตายโดยไม่รู้ตัว!
ความพยายามลอบสังหารเมื่อวันก่อนยังคงทำให้เขาหวาดกลัวไม่หาย น้องสาวของเขาบอกว่ามีผู้ที่ต้องการให้เขาและบิดาตายมากมาย ดังนั้นจึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้สลับตัวกับซูอัน ด้วยวิธีนี้ ไม่เพียงแต่เขาจะได้รับการคุ้มครองจากทหารราชองครักษ์เท่านั้น เขายังสามารถอยู่กับเจิ้งตานได้อีกด้วย นี่มันยอดไปเลยไม่ใช่เหรอ?
…
ขบวนรถของพวกเขาได้เตรียมการขั้นสุดท้ายเพื่อออกเดินทาง เจิ้งตาน ตกใจมากเมื่อเห็นซูอันในชุดเจ้าบ่าว “เจ้า…ทำไมเจ้า…?”
ซูอันหัวเราะคิกคัก “ภรรยาของข้า ทำไมเจ้าจำสามีของเจ้าไม่ได้แล้วเล่า”
เขาเดินเข้าไปกอดนางทันที ใบหน้าของเจิ้งตานแดงก่ำ ตอนนี้พวกเขาอยู่ในที่สาธารณะ! นางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นางจึงก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
ซ่างเชียนตื่นตระหนก เขารีบวิ่งไปข้างหน้าเพื่อหยุดซูอันทันที “จ…เจ้ากำลังทำบ้าอะไรอยู่!?”
ซูอันชี้ที่เสื้อผ้าของเขา “เจ้าตาบอดเหรอ? นี่คือเสื้อผ้าของเจ้าบ่าว ไม่ใช่ว่าเจ้าบ่าวจะต้องแสดงความรักกับเจ้าสาวหรือไง? ก็เราสลับตัวกันแล้ว ข้าก็ต้องแสดงให้สมบทบาทสิ”
ซ่างเชียนโกรธจนแทบบ้า “แล้วทำไมก่อนหน้านี้เจ้าไม่ปล่อยให้ข้ากับเจิ้งตานอยู่ใกล้ชิดกัน!!!!”
ซูอันทำหน้าหยอกล้อ “ก็เจ้ามันไม่เอาไหนเองนี่”
เขาหันไปหาหวงฮุ่ยฮง “ข้ารู้เหตุผลว่าทำไมข้ากับเขาถึงต้องปลอมตัวเป็นกันและกัน แต่พวกนักฆ่าก็ไม่ได้โง่เช่นกัน เป็นใครก็ต้องสงสัยว่าทำไมเจ้าบ่าวถึงไม่อยู่กับเจ้าสาว”
หวงฮุ่ยฮงแอบเห็นด้วยกับสิ่งที่ซูอันพูด ไม่ใช่ทุกคนที่รู้ว่าซูอันเป็นคนที่อยู่รถคันเดียวกับเจิ้งตานก่อนหน้านี้ ดังนั้นแล้วพวกนักฆ่าคงคิดกันไปว่าคนที่นั่งรถคันเดียวกับเจ้าสาวคือเจ้าบ่าวซ่างเชียน
ความปลอดภัยของซูอันเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเขา นั่นคือเหตุผลที่เขาไม่กล้าเสี่ยง ด้วยเหตุนี้เขาจึงพูดกับเจิ้งตานว่า “เจ้าและซูอันจะย้ายไปอยู่ในรถม้าของซ่างหง ส่วนซ่างเชียน เจ้าไปอยู่ในรถม้าข้างหน้า”
ซ่างเชียนมึนงงหลังจากได้ยินทั้งหมดนี้ เขายังไม่สามารถอยู่กับเจิ้งตานได้อีกเหรอ?
อย่างไรก็ตาม เขาจำได้ว่าพ่อของเขาก็อยู่ด้วยซึ่งน่าจะสามารถหยุดซูอันจากการทำสิ่งที่ไม่เหมาะสมกับเจิ้งตานได้ เขาถอนหายใจอย่างยอมรับได้
การจัดการใหม่เหล่านี้ถูกเก็บเป็นความลับจากอ๋องเหลียงและหลิวเหย่า นับตั้งแต่เหตุการณ์เมื่อวันก่อนหวงฮุ่ยฮงได้ดูแลซูอันและสมาชิกตระกูลซ่างด้วยตัวเองและไม่อนุญาตให้ทหารราชองครักษ์เข้ามาใกล้
ซ่างเชียนหายเข้าไปในรถม้า ส่วนซูอันก็ถูกแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางค์ เมื่อรวมกับคราบเลือดแล้ว ดูเผิน ๆ ก็ยากที่จะแยกความแตกต่างออกจากซ่างเชียน
มีการประกาศให้คนอื่น ๆ ทราบว่าซ่างเชียนได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีเมื่อคืนก่อน และให้เจิ้งตานคอยดูแล
เมื่อการเตรียมการทั้งหมดเสร็จสิ้น รถม้าก็เคลื่อนตัวออกเดินทาง
หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก่อน อ๋องเหลียงและหลิวเหย่าต่างก็จงใจอยู่ห่างจากรถม้าที่คุมขังนักโทษทั้งสองคันออกไปเล็กน้อย ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงไม่ได้สังเกตว่าผู้คนในรถม้าถูกสับเปลี่ยนกัน
อ๋องเหลียงยังพูดติดตลกกับหลิวเหย่าว่า “วันนี้ไอ้เด็กปากบัดซบซูอันนั่นดูเงียบกว่าปกติ”
หลิวเหย่าหัวเราะ “ข้าคิดว่าเขาน่าจะยังกลัวการโจมตีเมื่อคืนนี้ แต่ก็ดีแล้ว ยิ่งเขาเงียบมากเท่าไหร่ การเดินทางครั้งนี้ก็ยิ่งราบรื่นมากเท่านั้น”
“เป็นเรื่องจริง” อ๋องเหลียงหัวเราะ “ถ้าข้ารู้ว่ามันจะเป็นอย่างนี้ ข้าจะส่งคนไปขย่มขวัญเขาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว เด็กเลวนี่ก็แค่ต้องถูกทุบตีสักหน่อยถึงจะเชื่อฟัง”
ในขณะเดียวกันในรถม้า ซูอันได้ใช้โอกาสนี้แอบจับมือของเจิ้งตาน ขณะที่เขาทำเช่นนี้ก็มองซ่างหง “คราวนี้ท่านซ่างทำอะไรไม่ตรงไปตรงมาเลย”
ซ่างหงรู้ว่าแผนการนี้ย่อมไม่รอดจากสายตาของซูอัน แต่เขาก็ไม่แก้ตัวใด ๆ “แม้ว่าโอกาสที่เจ้าจะเสียชีวิตมีสูงขึ้น แต่โอกาสที่จะถูกลักพาตัวก็ลดลงอย่างมากเช่นกัน เรื่องนี้ถือว่าเจ้าไม่ขาดทุนซะทีเดียว”
ซูอันพ่นลมหายใจ “ท่านคิดว่ามันเป็นประโยชน์กับข้าจริง ๆ เหรอ?
“ไม่ใช่ว่าเจ้าเองก็เห็นด้วยงั้นเหรอ?” ซ่างหงหัวเราะ “อันที่จริงข้าสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมเด็กฉลาดอย่างเจ้าถึงเลือกที่จะยินยอมทำตามแผนของข้าโดยไม่ได้โต้แย้งอะไรนัก แต่มาคิดดูอีกที ข้าแน่ใจว่าเจ้าคงมีแผนรองรับไว้แล้ว ซึ่งแผนนั้นทำให้เจ้ามั่นใจว่าตนเองจะไปถึงเมืองหลวงได้อย่างปลอดภัยแน่นอน”
ซูอันถอนหายใจ เขาไม่สามารถดูถูกชายชราคนนี้ได้เลย!
ซ่างหงคาดเดาแผนการของเขาออกได้โดยอาศัยข้อมูลเพียงเล็กน้อย!
แน่นอนว่าไม่มีทางที่เขาจะยอมรับออกมาตรง ๆ “ได้โปรดอย่าทำกับข้าเหมือนจิ้งจอกน้อยเพียงเพราะว่าท่านเป็นจิ้งจอกเฒ่า ข้าไม่ได้คิดมากขนาดนั้น ข้าแค่มีความสุขในแต่ละวันที่ข้ามีชีวิตอยู่ต่อไป”
ซ่างหงหัวเราะให้กับสิ่งที่ซูอันกล่าว
ขบวนรถม้าดำเนินต่อไปอย่างสงบสุข แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปจนกระทั่งจู่ ๆ วันหนึ่งมีแผ่นดินไหวบังเกิดขึ้น และกลุ่มเงาสีดำทะมึนขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นในระยะไกลก่อนจะค่อย ๆ เคลื่อนที่เข้ามาใกล้พวกเขามากขึ้นทุกที
อ๋องเหลียงและหลิวเหย่าได้รับแจ้งถึงเหตุการณ์นี้และรีบออกมาดู ขณะที่พวกเขามองไปที่กลุ่มเงาสีดำขนาดมหึมาซึ่งอยู่ไกลลิบ อ๋องเหลียงก็ตะโกนออกมาดังลั่น “มันคือกองทัพกบฏ! เตรียมพร้อมรับการโจมตี! เตรียมพร้อมรับการโจมตี! เตรียมอาวุธ!”
เขาไม่รู้ว่าทำไมกองทัพกบฏถึงอยู่ที่นี่ ที่แห่งนี้ไม่ได้อยู่ไกลจากฐานบัญชาการของมณฑลหลู่สุ่ยมากนัก แต่ก็ไม่อาจถือว่าอยู่ใกล้เช่นกัน แต่ก็ยังมีฐานบัญชาการของกองทัพย่อยอื่น ๆ อีกหลายแห่งอยู่ใกล้เคียง เหตุใดกองทัพกบฏจึงปรากฏขึ้นที่นี่โดยกะทันหัน
ผู้บัญชาการเหล่านั้นตาบอดหรือไง?!
สัญชาตญาณแรกของหลิวเหย่าคือการล่าถอย แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง “ท่านแม่ทัพ ท่านถอนตัวตอนนี้ไม่ได้! กองทัพกบฏกำลังเข้าใกล้เราด้วยความเร็วสูง อีกทั้งพวกมันยังมีกองทหารม้าจำนวนมาก เราไม่มีทางหนีพ้นแน่นอนแม้ว่าเราจะพยายามหนีตั้งแต่ตอนนี้ก็ตาม และมันจะยิ่งทำให้กระบวนรบของเราไม่สามารถประสานกันได้ซึ่งพวกเราจะถูกล่าสังหารอย่างง่ายดาย!”
“เช่นนั้น เราจะเผชิญหน้ากับพวกมันโดยตรง! แม้ว่ากองทัพกบฏจะมีจำนวนเหนือกว่า แต่ความแข็งแกร่งของพวกมันแต่ละคนไม่สามารถเทียบได้กับกองทหารราชองครักษ์ชั้นยอดของเรา เราแค่ต้องอดทนจนกว่าข่าวนี้จะไปถึงผู้บัญชาการเขตใกล้เคียงและส่งกำลังเสริมเข้ามา!”
กองทหารราชองครักษ์ประกอบด้วยชนชั้นสูงที่แข็งแกร่งที่สุดของจักรวรรดิ พวกเขามีข้อเสียอย่างเดียวคือไม่มีประสบการณ์การรบจริงมากเท่าไหร่ ดังนั้นพวกเขาจึงพยายามห้ามปรามหลิวเหย่าในทันที
หลิวเหย่าตัดสินใจไม่ถูกเมื่อผู้ใต้บังคับบัญชาของตัวเองแบ่งเป็นสองฝ่ายและให้คำแนะนำที่ต่างกัน เขาจึงรีบขอคำแนะนำจากอ๋องเหลียงซึ่งอยู่ข้าง ๆ “ท่านอ๋อง ท่านคิดว่าเราควรทำอย่างไรดี?”