เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 698 เปลวไฟสีดำ
บทที่ 698 เปลวไฟสีดำ
บทที่ 698 เปลวไฟสีดำ
“โคมนี้…” ซ่างหงจ้องไปที่โคมบนท้องฟ้าสีหน้าครุ่นคิด
เจิ้งตานแสดงสีหน้าที่ซับซ้อน ตลอดเวลานางตั้งใจมองชิวฮัวเล่ยและสรุปได้ว่าระดับการบ่มเพาะของคณิกาผู้นี้ใกล้เคียงกับตัวนาง แต่ถ้ารวมโคมนั้นเข้ามาด้วย แทบไม่มีทางที่นางจะเอาชนะอีกฝ่ายได้
ซ่างเชียนตกใจ เขานึกภาพไม่ออกว่าคณิกาอันดับหนึ่งที่งดงามอ่อนหวานคนนี้จะครอบครองพลังที่แข็งแกร่งขนาดนี้ไว้ นางสามารถกำจัดภูตดำได้มากมายด้วยตัวเอง!
ภูตดำเหล่านี้อย่างน้อยก็มีระดับหก แค่คนใดคนหนึ่งก็แข็งแกร่งพอที่จะฆ่าเขาได้!
จู่ ๆ หัวหน้าภูตดำก็หยิบธนูออกมา คันธนูอันนี้ดูค่อนข้างแปลกและมีสีเขียวเข้มทั้งหมด เขายิงลูกธนูพุ่งตรงไปที่โคมนั้น
ลูกธนูที่พวกเขาเคยยิงไปก่อนหน้านี้ล้วนแต่มีสีดำสนิท แต่ลูกธนูนี้ส่องประกายด้วยชั้นของแสงสีเขียวอมฟ้า มันเคลื่อนที่แหวกอากาศได้เร็วกว่าลูกธนูก่อนหน้า! ทันทีที่ยิงออกไป ลูกธนูก็ไปถึงโคมซึ่งยังคงลอยอยู่กลางอากาศแล้ว
จากนั้นโคมก็สั่น มีประกายไฟปะทุออกมาจากมัน ตามมาด้วยเสียงที่บาดหู ราวกับว่าโคมกำลังส่งเสียงคร่ำครวญ
แสงจากโคมเริ่มสลัว มันไม่สามารถลอยอยู่กลางอากาศได้อีกต่อไปและตกลงมาจากท้องฟ้า
ชิวฮัวเล่ยกระอักเลือดออกมา ชัดเจนว่าโคมเชื่อมโยงกับพลังชีวิตของนาง และการโจมตีโคมได้ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อนางเช่นกัน
เหล่าภูตดำฟื้นความแข็งแกร่ง หลุดพ้นจากการควบคุมของโคมทีละคน
ผู้นำภูตดำเล็งเป้าไปยังชิวฮัวเล่ยที่บาดเจ็บสาหัส สหายของเขาเสียชีวิตเพราะนางเมื่อครู่นี้ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกปรานีหรือลังเลใจใด ๆ เลยในการฆ่านาง!
ชิวฮัวเล่ยได้รับบาดเจ็บสาหัสหลังจากที่ลูกธนูลูกแรกกระทบโคมของนาง ดังนั้นนางจะหยุดลูกธนูถัดมานี้ได้อย่างไร?
ซูอันรู้สึกราวกับว่าหัวใจของตัวเองแทบหยุดเต้น และร่างกายของเขาก็ยืดตรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว
แต่ในขณะนั้นเอง ผู้บ่มเพาะธาตุดินจากกลุ่มแปดเดียวดายได้ปรากฏตัวขึ้นบังร่างของนาง เขาประทับฝ่ามือลงไปที่พื้นดินอย่างรุนแรง และจากนั้นมวลดินมากมายก่อตัวขึ้นเป็นกำแพงดินขึ้นมาในชั่วพริบตา
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่ากำแพงดินนี้จะหนา แต่ลูกธนูก็ยังพุ่งทะลุผ่านเข้ามาได้
เมื่อต้องเผชิญกับพลังของลูกธนูนี้ กำแพงดินก็ไม่ต่างจากกระดาษเช่นกัน
ผู้บ่มเพาะธาตุดินได้คาดการณ์ไว้แล้ว และเรียกเกราะม่านพลังธาตุดินซึ่งมีแสงสีน้ำตาลอมเหลืองออกมาทันที
ลูกธนูชนกับเข้ากับเกราะอย่างรุนแรงแต่มันไม่หยุดลง มันหมุนคล้ายกับสว่าน ส่งเสียงแหลมเสียดหูเมื่อมันเริ่มพยายามเจาะให้ทะลวงเกราะม่านพลัง
ในเวลาไม่นาน เกราะม่านพลังธาตุดินก็พังทลายแตกออกเป็นชิ้น ๆ
อย่างไรก็ตาม พลังของลูกธนูถูกบั่นทอนไปมากเช่นกัน ผู้บ่มเพาะธาตุดินจึงสามารถจับมันด้วยฝ่ามือของเขาได้
ถึงกระนั้น แรงของลูกธนูยังคงกระแทกมือของเขา โดยหยุดห่างจากหน้าอกของเขาเพียงเล็กน้อย มันง่ายที่จะจินตนาการว่าลูกธนูนี้น่ากลัวเพียงใดเมื่อได้เห็นภาพนี้
ซ่างหงถอนหายใจ “ดูเหมือนว่าชิวฮัวเล่ยจะไม่ใช่สมาชิกธรรมดาของสำนักมาร แม้แต่หนึ่งในแปดเดียวดายก็เต็มใจที่จะก้าวเข้ามาบังลูกธนูนั้นให้นาง”
ซูอันยิ้มและพูดว่า “ข้าคิดว่าเป็นเพราะแม่นางชิวสวยมากจนผู้ชายอดไม่ได้ที่จะปกป้องนาง แม้จะไม่ใช่สมาชิกหญิงของแปดเดียวดายก็ตาม”
ซ่างหงมองเขาอย่างแปลกใจ
เด็กคนนี้มักจะมองสิ่งต่าง ๆ แปลกแตกต่างจากคนอื่นเสมอ…แต่ข้าเดาว่าเขาไม่ได้คิดผิดไปซะทั้งหมด
ซ่างเชียนพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา “มีเพียงคนอย่างเจ้าเท่านั้นที่จะแสดงความคิดเห็นต่ำ ๆ เช่นนี้ หัวของเจ้าคงเต็มไปด้วยเรื่องอุจาดตลอดทั้งวัน!”
ซูอันกลอกตา “เจ้าพูดราวกับว่าเจ้าไม่ใช่ แล้วใครกันที่รีบออกมาทักทายชิวฮัวเล่ยเป็นคนแรก?
ใบหน้าของซ่างเชียนร้อนขึ้น เขารู้สึกผิดเล็กน้อย เขาอาจจะพยายามช่วยชีวิตชิวฮัวเล่ยเช่นกันถ้ามีโอกาส
แปดเดียวดายกังวลว่าหัวหน้าภูตดำจะยิงธนูอีกลูก ทุกคนจึงรีบโจมตีเขา อย่างไรก็ตาม ภูตดำที่เหลืออยู่ได้รีบถอยกลับไปคุ้มครองผู้นำกลุ่มของพวกเขาแล้ว
หัวหน้าภูตดำดึงลูกธนูอีกอันและเตรียมโจมตีอีกครั้ง สมาชิกของสำนักมารเริ่มประหม่าและมาล้อมรอบตัวชิวฮัวเล่ย
นางถูกมองว่าเป็นบุตรีสวรรค์ มีฐานะเป็นอันดับสองรองจากเจ้าสำนัก! พวกเขาทั้งหมดจะต้องพบกับจุดจบอันน่าสยดสยองหากมีอะไรเกิดขึ้นกับนาง
แต่โดยไม่คาดคิด ผู้นำกลุ่มภูตดำเลือกที่จะไม่เล็งไปที่ชิวฮัวเล่ย แต่เปลี่ยนเป้าหมายแทน โดยยิงลูกธนูตรงไปที่รถม้าที่พวกซูอันกำลังนั่งอยู่!
พลังชี่ของทุกคนในรถม้าถูกผนึกไว้ทำให้พวกเขาไม่แตกต่างจากคนทั่วไป ด้วยพลังของลูกธนูพิเศษนี้ พวกเขาไม่มีทางรอดอย่างแน่นอน
ภูตดำได้รับคำสั่งมาสองอย่าง คือพวกเขาจะต้องจับเป็นซูอันถ้าทำได้ แต่ถ้าไม่ พวกเขาจะต้องไม่ปล่อยให้ซูอันตกไปอยู่ในมือของคนอื่น
ก่อนหน้านี้พวกเขายังคงได้เปรียบ ซึ่งหลังจากจบเรื่องมันคงไม่ใช่เรื่องยากในการที่พวกเขาจะเค้นเอาเคล็ดวิชาวัฏจักรหงส์อมตะจากซูอัน น่าเสียดายที่ตอนนี้สหายของพวกเขาสองสามคนเสียชีวิต และความได้เปรียบจึงตกไปเป็นของสำนักมาร ดูเหมือนว่าไม่น่าเป็นไปได้ที่พวกเขาจะสามารถจับเป็นซูอันได้แม้ว่าพวกเขาจะต่อสู้อย่างเต็มที่ และเนื่องจากจับตัวซูอันไม่ได้ พวกเขาก็จะลบชื่อซูอันออกจากโลกใบนี้แทน
ชิวฮัวเล่ยหน้าซีดเมื่อเห็นลูกธนูพุ่งไปทางรถม้า นางต้องการช่วยซูอันแต่นางอยู่ไกลเกินไป และอาการบาดเจ็บสาหัสของนางก็ทำให้นางไม่มีแรงมากพอ
ดวงตาของซูอันหรี่ลง เขาคว้าตัวเจิ้งตานโดยไม่สนใจว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะถูกเปิดเผยในตอนนี้
แต่แล้วจู่ ๆ หวงฮุ่ยฮงก็ระเบิดพลังออกมา โซ่เกี่ยววิญญาณของเขาพุ่งออกไปด้านนอกเพื่อสกัดลูกธนูแล้วพันรอบมันแทบจะในทันที
ความจริงที่ว่าสายตาของเขาดีพอที่จะทำให้มองเห็นลูกธนูที่เคลื่อนที่เร็วด้วยความแม่นยำเช่นนี้ช่างน่าประทับใจจริง ๆ
ทว่าพลังของลูกธนูนั้นไม่ได้ถูกหักล้างง่าย ๆ ด้วยเสียงแหลมบาดหู โซ่เกี่ยววิญญาณก็แหลกเป็นชิ้น ๆ
เศษโซ่พุ่งเข้าใส่ร่างของหวงฮุ่ยฮงราวกับถูกรถพุ่งชน เลือดไหลทะลักจากปากของเขาก่อนจะล้มกลิ้งลงไปที่พื้น เขาทำได้เพียงมองดูอย่างช่วยไม่ได้ขณะที่ลูกธนูพุ่งไปที่รถม้า
แต่ทันใดนั้น จู่ ๆ กลับมีเปลวไฟสีดำโหมกระหน่ำก่อเป็นกำแพงไฟอยู่ด้านหน้ารถม้าและขวางกั้นลูกธนูไว้
ลูกธนูยังคงมีพลังดุร้าย หมุนควงสว่านด้วยอัตราที่สูงจนแทบจะเป็นไปไม่ได้เพื่อพยายามเจาะทะลุกำแพงเพลิง อย่างไรก็ตาม เปลวไฟสีดำก็มีความพิเศษอย่างชัดเจน มันห่อหุ้มลูกธนูไว้เป็นชั้น ๆ จึงทำให้ลูกธนูค่อย ๆ ละลาย
“นี่เป็นเปลวไฟชนิดไหนกัน? ทำไมมันรุนแรงแบบนี้!?” ดวงตาของทุกคนในสนามรบเบิกกว้างด้วยความตกใจ โดยเฉพาะผู้บ่มเพาะธาตุไฟจากสำนักมาร เขารู้ว่าไฟที่เขาใช้นั้นไม่มีทางทำให้ลูกธนูละลายได้ ระดับของเปลวไฟนี้สูงกว่าเปลวไฟของเขาอย่างเห็นได้ชัด!
จากนั้นร่างที่สวยงามลอยลงมาแตะที่ข้างรถม้า ชุดรัดรูปเน้นรูปร่างที่มีเสน่ห์ของนางให้เด่นชัดกว่าปกติ
สายตาทุกคู่อดไม่ได้ที่จะหยุดที่หน้าอกของนาง