เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 70 ล็อคคอหญิงสาว(ปลาย)
บทที่ 70 ล็อคคอหญิงสาว(ปลาย)
เขารู้ดีว่าการฝึกฝนของผู้หญิงคนนี้สูงกว่าเขามาก และการเคลื่อนไหวของนางก็เร็วกว่าที่เขาจะตามได้ทัน หากเป็นการสู้อย่างซึ่ง ๆ หน้าเขาไม่มีวัน
ที่จะสู้นางได้แน่นอน โอกาสเดียวของเขาที่จะได้ชัยชนะคือการใช้ประโยชน์จากความแตกต่างทางกายภาพระหว่างชายและหญิงเล่นงานนางและแน่นอนว่าใช้ความสามารถของคีย์บอร์ดช่วยเหลืออีกแรง!
ถ้าพูดกันตามหลักแล้ว การจู่โจมครั้งก่อนจากผู้หญิงคนนี้คงพรากชีวิตเขาไปแล้วแน่นอนหากเขาหยิบเส้นใยสุขสันต์ออกมาใช้ไม่ทัน เขาหวังว่า
ของวิเศษสุดประหลาดชิ้นนี้จะมีอำนาจตามคำอธิบายที่มันบอกไว้เพราะไม่งั้นเขาคงตายแน่นอน ซึ่งโชคดีที่ท้ายที่สุดเขาก็รู้ว่ามันได้ผล แม้เขาจะโดนการโจมตีที่ทำให้ถึงแก่ชีวิตแต่ตอนนี้เขากลับยังมีชีวิตรอดอยู่!
หากไม่มีของวิเศษชิ้นนี้เขาเองก้ไม่กล้าที่จะสู้กลับแบบนี้เหมือนกัน
ในทางกลับกัน หญิงสาวไม่คาดฝันมาก่อนว่าสถานการณ์จะผลิกผลันขนาดนี้ นางใช้ศอกกระแทกไปที่ร่างกายของซูอันครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างสุดแรง
โดยหวังให้กระดูกซี่โครงฝั่งตรงข้ามป่นปี้หรือไม่ก็อวัยวะภายในทั้งหมดแหลกเหลวการโดนล็อคแบบนี้จะได้หยุดลง ทว่าฝ่ายหลังกลับดูเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับการโจมตีของนางเลย
หนำซ้ำกลับล็อคนางแน่นกว่าเดิมแถมต่อมายังใช้ขาของมันเกี่ยวพัน
กับขาของนางและบังคับร่างของทั้งคู่ให้พลิกมาอยู่ในท่านอนหงาย
ซึ่งในเวลาเดียวกันหน้าอกของนางก็ถูกทับไปมาภายใต้แรงกดจากข้อศอก
ของอีกฝ่าย
นางไม่เคยถูกผู้ชายเอาเปรียบมาก่อนเลยในชีวิต นับประสาอะไรที่ถูกจับให้อยู่ในตำแหน่งที่น่าอับอายเช่นนี้ ไม่มีทางที่นางจะรับเรื่องเหลวไหลแบบนี้ได้!
ท่านยั่วยุ เพ่ยเหมียนหมาน สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +999!
ดังนั้น นางจึงตัดสินใจที่จะไม่รั้งรออีกต่อไปและใช้กระบวนท่าสังหารของนางกับเขา
แต่อีกฝ่ายใช้ตำแหน่งที่แปลกประหลาดในการตรึงร่างของนางไว้
ซึ่งทำให้ยากสำหรับนางที่จะโจมตีเขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนต่อมา
นางก็ล้มเลิกความคิดที่จะโจมตีไปก่อนและพยายามใช้ร่างกายที่ยืดหยุ่นของตัวเองเพื่อหนีจากอาณัติของอีกฝ่ายแทน
ในเวลานี้ นางสาบานกับตัวเองว่าถ้าหลุดจากเงื้อมมือของชายคนนี้ได้ นางจะสับเขาออกเป็นหมื่น ๆ ชิ้นและเอาไปให้สุนัขจรจัดกินแน่นอน!
ท่านยั่วยุ เพ่ยเหมียนหมาน สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +999!
ในขณะเดียวกัน ซูอัน ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับคะแนนความโกรธที่พุ่งขึ้นแม้แต่น้อย เขาจดจ่ออยู่กับการจับผู้หญิงคนนี้อย่างเดียว เขารู้ว่ามันจะเป็นหายนะสำหรับเขาทันทีถ้านางหลุดจากท่าล็อคของเขาออกไปได้
แต่แล้วในแต่ละครั้งที่หญิงสาวคนนี้โจมตีเขาหรือพยามดิ้นรนโดยใช้กำลัง ซูอัน ก็สัมผัสได้ว่าความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
จากการปะทะกันก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนั้นแข็งแกร่งกว่าเขามาก ดังนั้นมันคงเป็นเรื่องยากมากสำหรับเขาที่จะรั้งนางไว้กับที่นาน ๆ ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบก็ตาม แต่ตอนนี้เขากลับยังสามารถล็อคนางไว้ได้อย่างอยู่หมัด
เพ่ยเหมียนหมาน เองก็สังเกตเห็นความผิดปกติเช่นกัน ไม่ว่านาง
จะดิ้นรนและตอบโต้กลับอย่างไร อีกฝ่ายก็ไม่มีท่าทีอ่อนแรงเลย อันที่จริง
นางรู้สึกเหมือนกับว่าแรงของเขามีมากขึ้นทุกครั้งหลังจากที่นางโจมตีเขา
อันที่จริง ผู้เฒ่ามี่ ไม่ได้อธิบายกับ ซูอัน อยู่อย่างหนึ่งเกี่ยวกับ
เคล็ดวิชาวัฏจักรหงส์อมตะ นอกเหนือจากผู้ฝึกมันจะสามารถยกระดับการ
บ่มเพาะของตัวเองได้ด้วยการถูกทุบตีแล้ว ความเสียหายที่ผู้ฝึกได้รับจาก
ฝั่งตรงข้ามยังมีผลต่อเคล็ดวิชานี้อีกต่างหาก ยิ่งผู้ฝึกเข้าใกล้ความตาย
มากเท่าไร ความสามารถในการต่อสู้ของเขาก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
แน่นอน ภายใต้สถานการณ์ปกติ มนุษย์จะอ่อนแอลงตามอาการบาดเจ็บที่เขาได้รับ ส่งผลให้ค่าสถานะของเขาลดลงอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้น
อาการบาดเจ็บปางตายเป็นสภาวะที่อันตรายอย่างยิ่งที่ไม่ควรจะเข้าไปอยู่ เพราะการถูกโจมตีอีกเพียงแค่ครั้งเดียวมันหมายถึงว่าคนผู้นั้น
จะตายลงในทันที ด้วยเหตุผลดังกล่าวอำนาจการเสริมความแข็งแกร่งของ เคล็ดวิชาวัฏจักรหงส์อมตะในสภาวะใกล้ตาย จึงไม่ทรงพลังอย่างที่คิดในทางปฏิบัติ
อย่างไรก็ตาม ซูอัน กลับมีเส้นใยสุขสันต์ที่อนุญาตให้เขาอยู่ในสถานะใกล้ตายโดยไม่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตแถมยังลบล้างผลกระทบ
ที่เกิดจากอาการบาดเจ็บของเขาอีกต่างหาก ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วมันเลยกลายเป็นว่าอำนาจการเสริมความแข็งแกร่งของ เคล็ดวิชาวัฏจักรหงส์อมตะนั้นเหมาะกับเขาอย่างไม่น่าเชื่อ
ทั้งสองกลิ้งตัวพัวพันกันไปทั่วห้องอยู่พักใหญ่จนในที่สุด ซูอัน ก็สามารถเอาชนะและพลิกมาเป็นฝ่ายเหนือกว่าด้านกำลังได้
เนื่องจากคอของนางถูกรัดแน่น เพ่ยเหมียนหมาน พบว่าการหายใจ
ของนางลำบากขึ้นเรื่อย ๆ นางพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะข่วนมือของซูอัน แต่มันก็ไม่เป็นผล ราวกับว่านางกำลังต่อสู้กับสัตว์ประหลาดที่ไม่รู้จักความตายและความเจ็บปวด
เพ่ยเหมียนหมานสัมผัสได้ถึงความตายที่กำลังมาเยือน ซึ่งนางจะไม่ยอมให้เรื่องมันจบแบบนี้แน่ ๆ แววตาของนางเปลี่ยนเป็นมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าทันที พร้อมกับที่ประกายไฟสีดำก่อตัวขึ้นอย่างไม่เด่นชัดบนปลายนิ้วของนาง
ก่อนหน้านี้นางไม่กล้าใช้ความสามารถด้านธาตุของนางเพราะกลัวว่าความผันผวนของพลังธาตุจะทำให้ผู้บ่มเพาะของตระกูลฉู่รู้ตัว และแน่นอนว่าเมื่อถึงเวลานั้นตัวตนของนางจะถูกเปิดเผยแน่ซึ่งมันจะส่งผลให้แผนของนางที่วางเอาไว้มาอย่างยาวนานต้องพังทลายลงทั้งหมด
แต่เมื่อต้องเผชิญกับความตายที่ใกล้เข้ามา นางไม่สนใจอะไร
อีกต่อไปแล้ว
ขณะที่นางกำลังจะลงมือ เสียงของชายฝั่งตรงข้ามก็เอ่ยขึ้นใกล้หูของนาง “เพ่ยเหมียนหมาน ข้าคิดว่าเราสามารถร่วมมือกันได้”
ในความเป็นจริง ซูอัน สามารถใช้ แท่งพิษ จบชีวิตของนางได้
อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุผลบางอย่าง เมื่อเขาคิดถึงรูปร่าง
อันน่าดึงดูดใจของนางที่ห้องโถงบรรพบุรุษ ดวงตาของที่สามารถขโมยวิญญาณชายหนุ่มแทบทุกคนบนโลกของนาง และรอยยิ้มที่ไม่อาจหยั่งรู้
บนใบหน้าที่งดงามนั้น เขาก็พบว่าตัวเองไม่สามารถที่จะสังหารผู้หญิง
ที่ดูเย้ายวนแบบนี้ได้ลง
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแทบทุกคนในโลกถึงบอกว่าโลกนี้ลำเอียง
กับคนหน้าตาดี
เพ่ยเหมียนหมาน ตกใจเมื่อได้ยินคำพูดนี้ อีกฝ่ายรู้ได้อย่างไร
ว่านางเป็นใคร?! ยิ่งไปกว่านั้น นางยังพบว่าเสียงนั้นคุ้นเคย
อย่างน่าแปลกประหลาดอีกต่างหาก “เจ้าเป็นใครกันแน่?”
นางสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคลายแขนที่รัดคอของนาง หลังจากลังเล
อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจสลายประกายไฟสีดำที่นางเรียกออกมา
“เจ้าเกือบทำให้ข้าตายในห้องโถงบรรพบุรุษเมื่อเช้านี้ เจ้าลืมข้า
เร็วเกินไปรึเปล่า?” ซูอัน เอ่ยขึ้น
เพ่ยเหมียนหมาน เบิกตากว้างพร้อมกับเข้าใจแล้วว่าชายฝั่งตรงข้าม
เป็นใคร “หะ? นี่เจ้าคือสามีขยะของ ฉู่ชูเหยียน อย่างนั้นเหรอ… เอ๊ะ เดี๋ยวนะ ข้าจำไม่ได้แล้วว่าเจ้าชื่ออะไร เจ้าช่วยบอกข้าอีกรอบได้ไหม?”
ซูอัน: “…”