เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 700 นักรบเงินสด
บทที่ 700 นักรบเงินสด
บทที่ 700 นักรบเงินสด
หลังจากวิ่งด้วยความเร็วถึงขีดสุดเป็นระยะเวลาหนึ่ง หวงฮุ่ยฮงก็หันกลับมาและถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นว่าไม่มีใครไล่ตามพวกเขา ทว่า ทันทีที่เขาผ่อนคลาย เขาก็ทนต่อการตรากตรำไม่ไหวแล้วและร่วงลงจากที่นั่งคนขับรถม้า
ซูอันรีบปีนออกจากรถไปคว้าบังเหียนเพื่อหยุดรถม้า เขามองไปที่หวงฮุ่ยฮงซึ่งนอนอยู่บนพื้นใกล้ ๆ และกล่าวว่า “ข้าไม่เข้าใจวิธีที่ท่านคิดจริง ๆ ท่านปล่อยให้คนจากสำนักมารจับตัวข้าไปก็ได้แล้วรวบรวมผู้บ่มเพาะไปช่วยข้าทีหลัง นั่นจะดีกว่ามากเมื่อเทียบกับสภาพที่น่าสมเพชของท่านในตอนนี้”
พูดตามตรง ปล่อยให้ชิวฮัวเล่ยหรือเหมียนหมานใหญ่พาตัวเขาไปก็ไม่ใช่ทางเลือกที่แย่ มันย่อมดีกว่าการพยายามเอาชีวิตรอดในที่รกร้างกับหวงฮุ่ยฮง เขารู้ว่าในป่าลึกแบบนี้มันย่อมมีสัตว์ร้ายหรืออันตรายหลายอย่างซุกซ่อนอยู่ทั่วทุกมุม กลุ่มของพวกเขาถูกปิดผนึกพลังชี่เอาไว้ และผู้บ่มเพาะเพียงคนเดียวที่ใช้พลังชี่ได้ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส
มันคงเป็นเรื่องน่าเศร้าเกินไปหากพวกเขากลายเป็นอาหารเย็นสำหรับสัตว์ร้ายบางตัว
หวงฮุ่ยฮงมองมาที่เขาโดยไม่พูดอะไร
ซูอันเยาะเย้ยเมื่อเขาเห็นการแสดงออกของอีกฝ่าย “ทูตยุทธ์เสื้อแพรอย่างท่านทำตัวเก่งกาจทะนงตัวว่าเป็นตัวแทนขององค์จักรพรรดิ แต่ดูท่านตอนนี้สิ! หมดแรงข้าวต้ม! แถมทูตยุทธ์เสื้อแพรคนอื่น ๆ ก็ถูกกำจัดจนหมดสิ้น ถ้าข้าเป็นท่านข้าคงอายจนแทบอยากมุดรูหนีไปให้พ้น ๆ”
ดวงตาของหวงฮุ่ยฮงเบิกกว้าง
—
ท่านยั่วยุหวงฮุ่ยฮงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 611!
—
ซูอันเริ่มสงสัย “ยังมีบางอย่างรบกวนจิตใจข้า ในเมื่อองค์จักรพรรดิทรงห่วงแหนวิชาวัฏจักรหงส์อมตะของข้ามาก ทำไมพระองค์ไม่ส่งผู้บ่มเพาะระดับสูงมาเลย? ในบรรดาทูตยุทธ์เสื้อแพร มีเพียงท่านคนเดียวที่อยู่ในระดับที่หก ในขณะที่คนอื่น ๆ อยู่ในระดับที่ห้าเท่านั้น จริงอยู่ที่ว่าพวกท่านสามารถรวมตัวกันใช้ค่ายกลผสานพลังได้ แต่ใครจะโง่สู้กับพวกท่านตรง ๆ? ที่ผ่านมาพวกท่านไม่ได้ถูกซุ่มโจมตีง่าย ๆ หรอกเหรอ?”
หวงฮุ่ยฮงหันใบหน้าของเขาไปด้านข้าง เขาไม่อยากจะฟังคำพูดที่ตอกย้ำความรู้สึกอีกต่อไป
ซ่างหงกระแอมขัด เขาไม่อยากให้ซูอันล่วงเกินหวงฮุ่ยฮงมากไปกว่านี้ เขาตอบคำถามล่าสุดของซูอันเพื่อเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ข้าคิดว่าครั้งนี้องค์จักรพรรดิประมาทเกินไป แม้เราจะมีปรมาจารย์และผู้บ่มเพาะระดับเก้าร่วมทางด้วย รวมถึงกองทหารราชองครักษ์และทูตยุทธ์เสื้อแพรที่สามารถอัญเชิญพระราชโองการได้ ซึ่งน่าจะเพียงพอแล้วสำหรับรับมือกับสถานการณ์ส่วนใหญ่ แต่พระองค์คงไม่คิดว่ามูลค่าที่ต้องจ่ายให้กับความยั่วยวนในวิชาวัฏจักรหงส์อมตะจะยิ่งใหญ่ขนาดนี้”
มีสิ่งหนึ่งที่เขาไม่ได้พูดถึง ขั้วอำนาจต่าง ๆ อาจจะไม่ได้เคลื่อนไหวเพื่อให้ได้มาซึ่งวิชาวัฏจักรหงส์อมตะ แต่เหตุผลที่พวกเขาเคลื่อนไหวนั้นเป็นเพราะไม่ต้องการให้จักรพรรดิได้รับชีวิตนิรันดร์
ซูอันกลอกตา “ท่านพูดราวกับว่าทุกคนมุ่งเป้ามาที่ข้า แต่อย่าลืมสิว่ามีนักฆ่าที่ตามล่าพวกท่านด้วย! ฟังนะ ข้าพนันได้เลยว่าไอ้คนที่โผล่มาใหม่ตอนนี้น่ะ ของพวกท่าน!”
ซ่างหงตัวแข็งและรีบมองตามสายตาของซูอัน ร่างหนึ่งค่อย ๆ โผล่ออกมาจากส่วนลึกของป่า อีกฝ่ายถือกระบี่พาดบ่าเข้ามาด้วยท่าทางเกียจคร้าน ท่าทางเดินของเขาบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าน่าจะเป็นคนที่ไม่ชอบอยู่ในกฎเกณฑ์และรักอิสระ
“นักรบเงินสด? ติ้งรุ่น ทำไมถึงอยู่ที่นี่?” ซ่างหงเริ่มจริงจังเมื่อเห็นใบหน้าของผู้มาใหม่
“นักรบเงินสด?” ซูอันตกตะลึง ทำไมชื่อนี้ถึงฟังดูคุ้นเคย?
ซ่างหงกล่าวอย่างจริงจังว่า “เขาเป็นนักฆ่าที่มีชื่อเสียงอย่างมากในโลกใต้ดิน เพื่อเงินเขาฆ่าได้แม้กระทั่งเพื่อนและครอบครัวของตัวเอง ทุกคนเรียกเขาว่า ‘นักรบเงินสด’ เพราะเขาเรียกเก็บเงินมากกว่านักฆ่าคนอื่นและบางทีก็ขึ้นค่าจ้างอย่างไร้เหตุผล อย่างไรก็ตาม เขามีระดับการบ่มเพาะที่สูงมาก และทุกภารกิจที่เขารับทำ เขาไม่เคยพลาดเลยสักครั้งไม่ว่ามันจะยากแค่ไหนก็ตาม ดังนั้นทุกคนยินดีที่จะจ่ายค่าจ้างที่สูงขึ้นตามที่เขาเรียกร้อง”
ชายคนนั้นแทงปลายกระบี่ของตัวเองลงไปที่พื้นและปรบมืออย่างเกียจคร้าน “ข้าไม่คิดว่าท่านซ่างจะรู้จักผู้น้อยดีขนาดนี้! ข้าเริ่มสงสัยว่าท่านทำงานในกรมยุติธรรมหรือเปล่า?”
ซ่างเชียนเคยได้ยินเกี่ยวกับชายคนนี้มาก่อนเช่นกัน เขาจึงอดไม่ได้ที่จะถอยกลับและตัวสั่นเล็กน้อย
ซูอันขมวดคิ้วเมื่อสังเกตเห็นเช่นกันว่าซ่างเชียนทำตัวแปลก ๆ หากซ่างเชียนที่หยิ่งผยองกลัวจนตัวลีบขนาดนี้ ชายคนนี้น่าจะเป็นตัวปัญหามากที่สุด
ซ่างหงถามว่า “ด้วยความเคารพ ข้าสงสัยว่าเจ้ามาเพื่อฆ่าใคร? ซูอันหรือข้ากับลูกชาย?”
ริมฝีปากของชายผู้มาใหม่เผยรอยยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวราวหิมะที่ไม่เข้ากับรูปลักษณ์ภายนอกของเขาเลย “มีคนเอาเงินก้อนหนึ่งมาแลกชีวิตเจ้าและลูกชายของเจ้า แต่…”
เขาหยุดและมองไปที่ซูอัน “ข้าค่อนข้างสนใจไอ้เด็กนี่เหมือนกัน ข้าจะคุยกับเขาหลังจากเสร็จจากเจ้าทั้งสอง งานคราวนี้ต่อให้ข้าไม่เรียกค่าจ้างเพิ่มก็น่าจะคุ้มแล้ว”
ใบหน้าของซูอันมืดลง คุยกับข้าเนี่ยนะ? ได้โปรดสวรรค์อย่าให้ไอ้นี่มันเป็นพวกชอบไม้ป่าเดียวกันเลย…
ซ่างหงดูเหมือนจะคาดการณ์ไว้หมดแล้ว “ใครกันที่อยากให้เราตาย?” เขาถาม สีหน้ายังคงสงบ
ติ้งรุ่นส่ายหัว “ข้าเพิ่งยกย่องท่านซ่างที่รู้จักข้าเมื่อวินาทีที่แล้ว ทำไมตอนนี้ถึงมาถามคำถามแบบเด็ก ๆ? ท่านควรจะรู้กฎเกณฑ์ในสายงานของข้า ข้าจะเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับนายจ้างได้ยังไง?”
ซ่างหงพูดอย่างเฉยเมยว่า “ข้าจะให้เงินพิเศษแก่เจ้า”
ติ้งรุ่นจ้องมองเขาอย่างเงียบ ๆ
ซูอันเกือบจะระเบิดหัวเราะออกมา เขาไม่คิดว่าซ่างหงที่จริงจังจะเก่งเรื่องตลกฝืดแบบนี้
“ท่านกำลังทำให้ข้าลำบากใจ” ติ้งรุ่นเดินวนเป็นวงกลมพลางเกาหัวไปด้วย เห็นได้ชัดว่าเขามีความขัดแย้งภายในใจบางอย่าง
ต่อมาไม่นาน เขาถามว่า “ท่านบอกว่าจะให้เงินพิเศษ พิเศษมากแค่ไหนกัน?”
เจิ้งตานเบือนหน้าไปยิ้ม ชายคนนี้สมชื่อนักรบเงินสดจริง ๆ
ซ่างหงตอบกลับ “หนึ่งหมื่นตำลึง ขอแค่ชื่อ”
ติ้งรุ่นดูค่อนข้างไม่ประทับใจ
เขาพ่นลมหายใจและพูดว่า “ท่านทำให้ข้าเสียเวลาคิดนานกับแค่หมื่นตำลึงเนี่ยนะ? หากไม่ใช่ท่านซ่างเป็นคนมีอารมณ์ขันที่ร้ายกาจมันก็ต้องเป็นเพราะท่านใช้ชีวิตอย่างตงฉินอย่างสุดกู่ ทำงานเป็นถึงตำแหน่งผู้ตรวจการแล้ว แต่กลับจ่ายได้เพียงหมื่นตำลึงเมื่อชีวิตตกอยู่ในอันตราย!”
ซ่างหงเงียบไป เขาเป็นลูกเจี๊ยบหัดเดินอย่างแท้จริงเมื่อพูดถึงการติดสินบน หมื่นตำลึงเป็นขีดจำกัดของเขาแล้ว
ซ่างเชียนรีบพูดขึ้น “ข้ามีเงิน! ถ้าสักแสนตำลึงล่ะ?”
“หนึ่งแสน…” ติ้งรุ่นพยักหน้า “ต่ำไปหน่อย ข้าว่ามันยังไม่เพียงพอสำหรับชื่อ แต่เจ้าสองคนค่อนข้างน่าสนใจ คนหนึ่งเถรตรงและซื่อสัตย์ อีกคนดูเหมือนค่อนข้างเจ้าเล่ห์คดโกง เจ้าสองคนเป็นคู่หูตลกเหรอ?”
ซ่างหงไม่มีอะไรจะตอบ…
ซ่างเชียนรีบกล่าวว่า “ด้วยความเคารพ โปรดบอกเราว่าใครคือคนที่ต้องการให้เราตาย?”
“เงินอยู่ที่ไหน?” ติ้งรุ่นหยิบกระบี่ขึ้นมาและจ้องมองซ่างเชียนราวกับเห็นแกะตัวอ้วน