เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 731 เผ่าอสูรโลหิต
บทที่ 731 เผ่าอสูรโลหิต
บทที่ 731 เผ่าอสูรโลหิต
“ข้า…” เพ่ยเหมียนหมานกำลังจะตอบ แต่คำพูดนั้นดูเหมือนจะติดอยู่ในลำคอของนาง นางควรจะพูดอะไร?
ฉู่ชูเหยียนดูเหมือนจะอ่านใจนางได้ “เจ้ามาช่วยอาซูใช่ไหม?” นางถามอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม
เพ่ยเหมียนหมานพยักหน้า รู้สึกผิดเล็กน้อย “เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน และเจ้าไม่ได้อยู่ที่เมืองจันทร์กระจ่างในตอนที่เรื่องเกิดขึ้น ข้าทำอะไรไม่ได้เลย”
ฉู่ชูเหยียนจับมืออีกฝ่าย น้ำเสียงของนางเต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ “เหมียนหมาน ขอบคุณมาก”
อารมณ์ของนางเดี๋ยวก็ใจหายเดี๋ยวก็หดหู่ ไม่มีใครอยู่ใกล้ ๆ ตัวนางที่จะคุยด้วยได้ เมื่อรู้ว่าเพื่อนสนิทของนางคอยช่วยเหลือนางมาตลอด นางก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันที
“ชูเหยียน เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว ข้าแค่ทำในสิ่งที่สมควรทำเท่านั้นเอง” ยิ่งพูดมากเท่าไหร่เพ่ยเหมียนหมานก็ยิ่งรู้สึกอึดอัดมากขึ้นเท่านั้น ข้าทำในสิ่งที่สมควรจริงหรือ? แต่ทำไมข้ารู้สึกผิดเช่นนี้?
ตระกูลฉู่ได้เพิกถอนการสมรสแล้ว ดังนั้นระหว่างซูอันและฉู่ชูเหยียนจึงไม่ใช่สามีและภรรยาอีกต่อไป!
เพ่ยเหมียนหมาน ทำไมเจ้าถึงทำตัวเหมือนถูกจับได้ว่าคบชู้?
นี่มันน่ารำคาญจริง!
ความคิดเหล่านี้ทำให้น้ำเสียงของเพ่ยเหมียนหมานดูเหมือนจะแฝงไปด้วยความหึงหวง น่าเสียดายที่ตอนนี้ดูเหมือนสายไปหน่อยที่จะเปลี่ยนน้ำเสียงของนาง
หัวหน้าผู้บังคับการทูตยุทธ์เสื้อแพรพูดขึ้น “ท่านซ่าง พวกท่านหนีมางั้นเหรอ? ข้าไม่คิดว่าชายผู้ภักดีและอุทิศตนอย่างท่านซ่างจะกล้าทำสิ่งอัปยศเช่นนี้”
น้ำเสียงของเขาเย็นชาพอ ๆ กับรูปร่างหน้าตา ทุกคนสั่นสะท้านเมื่อได้ยิน
ซ่างหงตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ท่านจูเซี่ยฟังก่อน เราไม่ได้หนีมา แต่กลุ่มของเราได้ถูกกองทัพกบฎโจมตี ต่อมาทั้งภูตดำและสำนักมารก็โจมตีเช่นกัน เหล่าคนที่ได้รับหน้าที่เฝ้าดูเราตายไปหมดแล้ว หัวหน้าหวงปลดผนึกของเราเพื่อไม่ให้ตกอยู่ในมือของศัตรู”
“หวงฮุ่ยฮงตายแล้วเหรอ?”จูเซี่ยฉือซินหรี่ตาลง มันยากที่จะบอกได้ว่าตอนนี้เขารู้สึกอย่างไร
“ถูกต้อง” ซ่างหงพูดแล้วไอออกมา ซ่างเฉี่ยนจึงเล่ารายละเอียดต่อถึงสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด
“นักรบเงินสดติ้งรุ่น? ดี! ดีมาก!” จูเซี่ยฉือซินหัวเราะอย่างเย็นชา จากน้ำเสียงของเขา ทุกคนคิดว่าเขาได้ตัดสินใจที่จะล้างแค้นให้กับการตายของหวงฮุ่ยฮง เขาหันไปหาสมาชิกคนอื่น ๆ ของทูตยุทธ์เสื้อแพรและพูดว่า “พวกเจ้าทุกคนได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดหรือไม่? หวงฮุ่ยฮงถูกฆ่าอย่างง่ายดายเพราะเขาไร้ความสามารถ! หากทุกคนต้องการมีชีวิตที่ยืนยาว พวกเจ้าก็ควรบ่มเพาะให้ดีที่สุดทุกวัน บ่มเพาะ…บ่มเพาะ…และบ่มเพาะต่อไป!”
เจิ้งตานและสาว ๆ คนอื่น ๆ ตกตะลึง ผู้ชายคนนี้ช่างไร้หัวใจเหลือเกิน! เป็นไปได้ไหมที่ทูตยุทธ์เสื้อแพรทั้งหมดจะเป็นแบบนี้?
“รับทราบท่านผู้บัญชาการ!” เหล่าสมาชิกทูตยุทธ์เสื้อแพรต่างมีระเบียบวินัยอย่างยิ่ง และไม่มีเสียงอื่นใดนอกจากคำตอบนี้
จูเซี่ยฉือซินพยักหน้าอย่างพึงพอใจแล้วหันไปมองเพ่ยเหมียนหมาน “เจ้าคือหญิงสาวจากตระกูลเพ่ยที่เกิดจากนางสนมใช่หรือไม่?”
เพ่ยเหมียนหมานรู้สึกแย่ แต่นางก็ระวังไม่ให้มันแสดงออกมาแล้วตอบกลับ “ใช่ ผู้น้อยคือเพ่ยเหมียนหมาน”
“ดูเหมือนว่าเจ้าต้องการช่วยซูอัน เจ้ากำลังพยายามปล้นนักโทษงั้นหรือไร?” จูเซี่ยฉือซินมองนางอย่างเย็นชา
เพ่ยเหมียนหมานที่อยู่ภายใต้การจ้องมองที่เยือกเย็นของเขารู้สึกราวกับว่ากำลังถูกโยนลงในธารน้ำแข็ง นางไม่สามารถรวบรวมแม้แต่ความคิดเพียงเล็กน้อยในการต่อต้าน แม้แต่จะหาคำตอบที่เหมาะสมก็ดูเหมือนจะเกินความสามารถของนาง
ข้าง ๆ นาง ฉู่ชูเหยียนก็พูดขึ้นทันที “ท่านจูเซี่ย นางเป็นเพื่อนของข้า การที่นางอยู่ที่นี่ตอนนี้เป็นเพราะนางต้องการปกป้องซูอันหลังจากรู้ว่าเขามีคนปองร้ายมากมายก็เท่านั้น”
จูเซี่ยฉือซินไม่มีความคิดเห็นเพิ่มเติม สักพักเขาก็หันไปมองทางอื่น
เพ่ยเหมียนหมานรู้สึกตัวเบาขึ้นมาก ตอนนี้นางไม่ได้ถูกจ้องมองอีกต่อไป
ประสบการณ์นี้ทำให้นางหวาดกลัว มีข่าวลือมากมายว่าการบ่มเพาะของจูเซี่ยฉือซินนั้นลึกล้ำและไม่สามารถคาดเดาได้ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะน่าเกรงขามมากกว่าข่าวลือเหล่านั้น
จูเซี่ยฉือซินมองซ่างเฉี่ยน “แล้วคุณหนูซ่างล่ะ? เจ้ามีความตั้งใจที่จะชิงตัวพ่อและพี่ชายของเจ้าหรือไม่?”
ตอนนี้ซ่างเฉี่ยนถูกกดดันเช่นเดียวกับที่เพ่ยเหมียนหมานเพิ่งเผชิญ ซ่างหงจึงรีบพูดขึ้นแทนนาง “ลูกสาวข้าได้ข่าวมาว่ามีคนหมายชีวิตเรา ดังนั้นด้วยความกังวลใจต่อความปลอดภัยของซ่างผู้นี้นางจึงมาช่วยคุ้มกัน นางไม่มีความตั้งใจที่จะชิงตัวนักโทษอย่างแน่นอน”
จูเซี่ยฉือซินพ่นลมหายใจ “เฮอะ ท่านซ่างพูดเช่นนี้ งั้นก็แปลว่าคุณหนูซ่างไม่ไว้วางใจว่าราชสำนักของเรากับอีแค่การปกป้องนักโทษกลุ่มหนึ่งงั้นหรือ?”
ซ่างเฉี่ยนสาปแช่งเขาในใจ ถุย! แล้วตอนนี้พวกเจ้าไม่ได้ล้มเหลวในการปกป้องนักโทษหรือไง?
แต่แน่นอนว่านางไม่มีทางที่จะพูดออกมาดัง ๆ “แน่นอนว่าข้าไว้วางใจราชสำนัก แต่ข้าก็ยังเป็นห่วงครอบครัวของข้า นี่เป็นเหตุผลที่ข้ามาที่นี่”
“เนื่องจากเจ้าอ้างว่าเป็นเพียงความรู้สึกของความกตัญญู ข้าจะไม่ถามไถ่อีกต่อไป” จูเซี่ยฉือซินมองซ่างหงอย่างเย็นชา “ท่านซ่างจะตามเรามาอย่างเชื่อฟังหรือจะเลือกต่อต้านเรา”
ใบหน้าของซ่างหงซีด เขาประสานมือคารวะทันทีและพูดว่า “ข้าไม่กล้าสร้างปัญหาให้กับหัวหน้าผู้บัญชาการ ข้าจะปล่อยให้ตัวเองถูกคร่ากุมอย่างสันติ แต่ก่อนหน้านั้นโปรดช่วยล้างแค้นให้ลูกชายของข้าด้วย!”
เขารู้อยู่เต็มอกว่าสถานการณ์ของเขาในตอนนี้ไม่ได้ดีอะไรมากนัก เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ถึงแม้เขาจะอยู่ในสภาพดีเยี่ยม เขาก็ไม่อาจจะต่อต้านการจับกุมของอีกฝ่ายได้แน่
“ซ่างเชียน? เกิดอะไรขึ้นกับเขา?” จูเซี่ยฉือซินรู้สึกประหลาดใจ เขานึกขึ้นได้ว่าไม่เห็นซ่างเชียนอยู่ในกลุ่มด้วย
ซ่างหงมองดูซากศพที่แห้งเหี่ยวอยู่บนพื้นอย่างเศร้าโศก “ลูกชายของข้าถูกโจมตีและเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจ น่าเสียดายที่ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครคือฆาตกร”
ในเวลานี้จูเซี่ยฉือซินสังเกตเห็นศพในพุ่มไม้ ตาของเขาหรี่ลงแล้วกระโดดลงจากหลังม้า เขานั่งยอง ๆ ข้างศพและตรวจสอบ น้ำเสียงของเขาเข้มขึ้น “เป็นฝีมือของเผ่าอสูรโลหิต”
“อสูรโลหิต?” ซ่างหงตกตะลึงชั่วขณะ แต่ก็ประมวลผลอีกครั้งอย่างรวดเร็ว “พวกมันทั้งหมดหายไปหลังจากพ่ายแพ้เมื่อหลายศตวรรษก่อนไม่ใช่เหรอ?”
จูเซี่ยฉือซินตรวจสอบบาดแผลที่คอของศพและพูดด้วยเสียงต่ำว่า “ดูเหมือนว่าจักรพรรดิอสูรจะไม่ยอมแพ้แต่โดยดี และต้องการรุกรานดินแดนของเราอีกครั้ง”
ผู้หญิงทุกคนแสดงสีหน้าตกตะลึง พวกนางทั้งหมดเป็นนักศึกษาระดับหัวกะทิจากสถาบันจันทร์กระจ่าง ดังนั้นจึงรู้ดีถึงประวัติศาสตร์เบื้องหลังในสงครามระหว่างมนุษย์กับชนต่างเผ่า
ที่จริงแล้วสิ่งที่เรียกว่าชนต่างเผ่าเหล่านี้คือเผ่าพันธุ์อสูร
ในสายตาของคนทั่วไป ปีศาจ ภูต ภูตดำ สัตว์เดรัจฉาน และแม้แต่มังกรต่างก็รู้จักกันดีว่าเป็นชนต่างเผ่า
อย่างไรก็ตาม ผู้บ่มเพาะของตระกูลระดับสูงต่างรู้ว่าเผ่าพันธุ์อสูรไม่เหมือนกับเผ่าอื่น ๆ อสูรเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีอำนาจมากที่สุด และเผ่าพันธุ์อื่น ๆ ทั้งหมดได้ติดตามจักรพรรดิอสูร
ในโลกนี้ สัตว์ พืช และสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ มีโอกาสบ่มเพาะและกลายเป็นอสูร แม้แต่สิ่งไม่มีชีวิต หากได้รับโอกาสก็สามารถบ่มเพาะให้เป็นอสูรและแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้
แน่นอนว่าการที่พวกมันไม่ได้เป็นอสูรโดยกำเนิดจึงเป็นเรื่องยากที่จะประสบความสำเร็จ
มีอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งถือว่าเป็นอสูรโดยกำเนิด พวกมันไม่จำเป็นต้องบ่มเพาะเพื่อที่จะกลายเป็นอสูร และเพียงพลังภายในสายเลือดของพวกมันอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้พวกมันกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ตั้งแต่แรกเกิด
อสูรโลหิตนั้นมีลักษณะเฉพาะตัว พวกมันสามารถอยู่รอดได้ตามธรรมชาติโดยการดูดเลือดของสิ่งมีชีวิตอื่น รูปแบบดั้งเดิมของพวกมันมีความหลากหลาย ตั้งแต่ค้างคาว ปลิง ยุง ปลา และอื่น ๆ แม้แต่อสูรระดับสูงในเผ่าพันธุ์อสูรอื่น ๆ ก็ยังกลัวพวกมัน