เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 738 ตื่นเต้นมากกว่าเดิม
บทที่ 738 ตื่นเต้นมากกว่าเดิม
บทที่ 738 ตื่นเต้นมากกว่าเดิม
พสุธาเดียวดายรู้ได้เช่นกันว่าสถานการณ์เลวร้ายสุดขีด เขารีบหลบไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว
ทว่าแม่ชีโลหิตบังเอิญรออยู่ที่นั่นแล้ว ฝ่ามือสีขาวซัดใส่เขาอย่างเงียบงันทว่ารุนแรง!
เกราะพลังธาตุของเขาทนอยู่ได้เพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้นก่อนที่จะแตกเป็นเสี่ยง ๆ
มือขาวซีดพุ่งตรงเข้ามากระแทกที่อกด้านขวาของเขา
พสุธาเดียวดายรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า ร่างกายของเขากระเด็นไปข้างหลังราวกับกระสอบทรายรั่ว กระดูกซี่โครงของเขาหักมากกว่าครึ่ง อวัยวะภายในบาดเจ็บสาหัสอย่างรุนแรง พลังชี่ปั่นป่วนไปหมด ไม่มีทางที่เขาจะสู้ต่อได้อีก
แม่ชีโลหิตดูประหลาดใจ “ร่างกายของผู้บ่มเพาะธาตุดินแข็งแกร่งน่าประทับใจจริง ๆ”
นางแปลกใจอย่างเห็นได้ชัดที่พสุธาเดียวดายเพียงแค่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเท่านั้น ไม่ได้สิ้นลมหายใจในทันที
คนอื่น ๆ ที่เหลือก็ตระหนักได้ว่าเพิ่งเกิดอะไรขึ้น แม่ชีโลหิตได้ใช้ยุงเพื่อสร้างร่างปลอมภายในวงล้อมของกากอยเหล่านั้น ในขณะเดียวกัน ร่างที่แท้จริงของนางได้พุ่งไปหาพสุธาเดียวดายเพื่อซุ่มโจมตี
ผู้หญิงคนนี้มีเล่ห์เหลี่ยมเกินไป และแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีของนาง
ไม่มีใครอยากให้โอกาสนางลองทำอะไรอีก พวกเขารีบรวมพลังกันโจมตีนางพร้อม ๆ กันทันที ไม้เดียวดายกางมือออก ใบไม้สีเขียวแต่คมประหนึ่งในมีดโกนพุ่งเข้าหาแม่ชีโลหิตราวกับห่าฝน
หลังจากพ่นลมหายใจอย่างเย้ยหยัน แม่ชีโลหิตโบกแขนเสื้อเป็นวงกลมดูดใบไม้สีเขียวที่บินเข้าหานางให้เปลี่ยนทิศทางไปด้านข้าง จากนั้นนางกระโจนเข้าหาไม้เดียวดายอย่างดุร้าย
ความเร็วของนางนั้นยิ่งยวดเกินกว่าที่ไม้เดียวดายจะสามารถหลบเลี่ยงได้ทันเวลา
นิ้วของแม่ชีโลหิตที่ยาวและแหลมคมแทงเข้าที่หน้าอกของเขา ดูเหมือนว่านางต้องการจะฉีกหัวใจของเขาออก แต่ทันใดนั้นนางกลับขมวดคิ้ว
จู่ ๆ ไม้เดียวดายก็กลายเป็นท่อนไม้ ในขณะเดียวกันร่างกายที่แท้จริงของเขาได้ถอยห่างออกไปพอสมควรแล้ว ใบหน้าของเขาซึ่งก่อนหน้านี้เปล่งแสงสีเขียวจาง ๆ แต่ตอนนี้ซีดอย่างเหลือเชื่อ การถูกโจมตีเมื่อครู่นี้ทำให้เขาหวาดกลัวอย่างแท้จริง
“เคล็ดวิชาไม้ลวงตา?” แม่ชีโลหิตมีประสบการณ์และความรู้มากมาย ดังนั้นนางจึงเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้น การโจมตีของสายลมเดียวดายก็มาถึง หอกลมความยาวมากกว่าห้าจั้งจำนวนมหาศาลพุ่งเข้ามาหาเป้าหมายของพวกมันด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัว
แม่ชีโลหิตไม่ได้เผชิญหน้ากับมันโดยตรง แต่กลับกลายร่างเป็นฝูงยุงดำเพื่อหลบเลี่ยงการโจมตีนี้ หอกลมมีขนาดใหญ่เกินไป ซึ่งทำให้พวกมันทำอันตรายยุงตัวเล็กได้ยาก
“โทษทีที่ให้เจ้ารอนาน!” ทันใดนั้นสายฟ้าเดียวดายก็พุ่งออกจากซากปรักหักพังของโรงเตี๊ยม เหวี่ยงค้อนของนางขึ้นไปในอากาศ ปล่อยสายฟ้าอันรุนแรงออกมาจำนวนนับไม่ถ้วน ดักทำลายยุงที่กระจัดกระจายอยู่ในบริเวณโดยรอบ
“อ๊า!!” แม่ชีโลหิตกรีดร้อง
แม้ว่านางจะพบกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่า นางก็สามารถหลบเลี่ยงการโจมตีทางกายภาพส่วนใหญ่ได้โดยการแปลงร่างเป็นยุง ตราบใดที่มียุงสักหนึ่งตัวในฝูงหนีรอดไปได้นางก็สามารถมีชีวิตอยู่เพื่อสู้ต่อไปได้อีกวัน
อย่างไรก็ตามสนามสายฟ้าเช่นนี้เป็นศัตรูตามธรรมชาติของนาง!
มันคือการโจมตีกินบริเวณกว้างอันรุนแรงและสามารถแผดเผายุงได้ไม่ว่าจะมีมากเพียงใด
กลิ่นไหม้กระจายไปทั่วอากาศ ยุงจำนวนมากเกรียมไปในทันที ซูอันกลืนน้ำลายในขณะที่เขาเห็นเหตุการณ์ ทำไมภาพนี้ทำให้ข้านึกถึงเครื่องดักยุงโดยหลอดรังสี UV?
แม่ชีโลหิตไม่กล้าที่จะอยู่ในร่างยุงอีกต่อไป และเปลี่ยนกลับเป็นร่างมนุษย์อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม นางกลับสูญเสียความมั่นใจที่มีก่อนหน้านี้ไปมากพอควร ใบหน้าของนางถูกปกคลุมไปด้วยรอยไหม้เกรียมสีดำ เส้นผมจำนวนมากถูกไหม้กลายเป็นชี้ฟูและเสื้อผ้าของนางก็ขาดรุ่งริ่งราวกับขอทาน
“นังบ้ากล้ามโต ข้าจะฆ่าแก!” แม่ชีโลหิตจ้องมองอย่างเคืองแค้นที่สายฟ้าเดียวดายเป็นเวลานาน
สายฟ้าเดียวดายโกรธมากเมื่อนางได้ยินศัตรูพูดกับนางในลักษณะนี้ รูปลักษณ์ของนางเป็นสิ่งหนึ่งที่นางอ่อนไหวมากที่สุด นางสาปแช่งเสียงดัง “ข้าก็จะระเบิดแกให้ตายด้วยสายฟ้าของข้า!”
ค้อนซึ่งยังคงอยู่กลางอากาศ เริ่มหมุนเร็วขึ้น และสายฟ้าที่หนาขึ้นก็เริ่มโค้งเข้าหาแม่ชีโลหิต
แม่ชีโลหิตกางแขนออก ชุดเต๋าของนางโบกสะบัดอยู่ข้างหลัง นางหายใจเข้าลึกก่อนจะอ้าปากกว้าง ส่งคลื่นพลังเสียงออกเป็นระลอกจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
สายฟ้าที่พุ่งเข้าหานางจากเบื้องบน ถูกคลื่นพลังเสียงเบี่ยงเบนไปและทั่วบริเวณก็เต็มไปด้วยเสียงหึ่ง ๆ ที่ดังเกินทน
นี่คือเสียงฝูงยุงที่ทุกคนคุ้นเคย อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เสียงของมันถูกขยายจนดังขึ้นหลายเท่า
ทุกคนต่างเอามือปิดหู หลายคนถึงกับล้มลงกับพื้นและเริ่มกลิ้งไปมาด้วยความเจ็บปวด
ซูอันพบว่ามันยากที่จะอดทน ระดับการบ่มเพาะของเขานั้นต่ำที่สุดในบรรดาผู้คนทั้งหมด ยากมากที่จะป้องกันตัวเองจากการโจมตีด้วยคลื่นเสียงแบบนี้
ชิวฮัวเล่ยสังเกตเห็นและจับมือเขาเอาไว้ นางส่งคลื่นพลังที่อ่อนโยนผ่านมือของนางเพื่อช่วยเสริมการป้องกันของเขาจากเสียงอันตรายนี้
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ของนางเองก็ย่ำแย่เช่นกัน คิ้วสวยของนางขมวดแน่น ใบหน้างดงามของนางบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด
แม่ชีโลหิตยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าเจ็บปวดของคนรอบข้าง นางเริ่มเดินไปหาซูอันและชิวฮัวเล่ย
นางไม่ได้ใช้กระบวนท่านี้ในตอนเริ่มต้นเพราะทักษะนี้ใช้พลังงานมาก นางไม่สามารถใช้มันอย่างประมาทได้
ที่สำคัญคือทักษะนี้ยังเปรียบเสมือนเป็นการแจ้งเตือนศัตรูกลุ่มอื่นของนางที่อยู่ห่างไกลได้ทราบถึงการมีตัวตนของนางได้อย่างง่ายดาย
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นางพยายามซ่อนตัวอยู่ในเงามืดและเลือกที่จะซุ่มโจมตีเป้าหมายของนางอย่างเงียบ ๆ แม่ชียุงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่ทำให้คนอื่นรู้ถึงการดำรงอยู่ของนาง ไม่เช่นนั้น หากนางยั่วยุใครบางคนที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงมันย่อมจะเป็นหายนะในท้ายที่สุด
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้นางไม่สนใจเรื่องทั้งหมดแล้ว แม้ว่าคนจากสำนักมารจะไม่ได้แข็งแกร่งเป็นพิเศษ แต่พวกเขาก็มีทักษะเฉพาะตัว และค่อนข้างยากที่นางจะจัดการกับพวกเขาทั้งหมด
นางไม่ต้องการให้การต่อสู้ยืดเยื้อต่อไป เพราะไม่เช่นนั้นอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นได้ มันจะเป็นการดีกว่าที่จะจับทั้งสองคนในตอนนี้ และออกจากที่นี่โดยเร็ว
แม่ชีโลหิตเข้ามาใกล้ รอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้าของนางทำให้ซูอันรู้ว่าเขาไม่สามารถปล่อยให้สิ่งต่าง ๆ ดำเนินต่อไปอย่างนี้
ชายหนุ่มรู้ว่าถ้าเขาตกไปอยู่ในมือของขั้วอำนาจอื่น เขาก็ยังมีโอกาสหลบหนี แต่ถ้าผู้หญิงคนนี้จับตัวเขาได้ อีกไม่นานเขาก็จะกลายเป็นศพที่แห้งเหี่ยว
มีอะไรที่เขาจะสามารถทำได้หรือไม่?
เขากวาดตามองไปรอบ ๆ เมื่อเห็นแปดเดียวดายกำหูด้วยความเจ็บปวด ก็เกิดความคิดกระทันหัน “แกมองอะไร?”
แม่ชีโลหิตตะลึง อ้าปากตอบไปทันที “ข้ากำลังมองแกอยู่ไง ไอ้โง่!”
ขณะที่นางตอบ การโจมตีด้วยคลื่นเสียงของนางก็ถูกขัดจังหวะ ปลดปล่อยพวกเขาที่เหลือจากการทรมาน
แม่ชีโลหิตขมวดคิ้ว นางไม่เข้าใจว่าทำไมนางถึงตอบคำถามดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม การจำกัดการเคลื่อนไหวของคนเหล่านี้ยังคงเป็นความสำคัญสูงสุด ดังนั้นนางจึงเปิดปากเตรียมที่จะใช้ทักษะเดิมอีกครั้ง แต่ทันทีที่นางปล่อยคลื่นเสียง คำถามเดิมก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“แกมองอะไร?”
“ข้ากำลังมองแกอยู่ไง ไอ้โง่!” แม่ชีโลหิตตอบอีกครั้ง
—
ท่านยั่วยุแม่ชีโลหิตสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 444!
—
นางอึ้งจนเหมือนเป็นใบ้ไปชั่วขณะ ครั้งแรกอาจเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ครั้งที่สองนี่หมายความว่ายังไง?
ทันใดนั้นนางก็มองไปที่ซูอัน “เจ้ามาจากเผ่ามังกรงั้นเหรอ!?”
นางรู้จักทักษะวิญญาณประกาศิตของเผ่ามังกร
“รู้แล้วแบบนี้ก็ดี ถอยไปซะ!” ซูอันยืดอก เขาพยายามเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้โดยอาศัยชื่อเสียงที่น่าเกรงขามของเผ่ามังกร
ทว่าสิ่งสุดท้ายที่เขาคาดหวังคือดวงตาของแม่ชีโลหิตเป็นประกายด้วยความตื่นเต้นอย่างกะทันหัน “ข้าไม่เคยมีโอกาสได้กินแก่นแท้โลหิตของมังกร วันนี้ข้าเจอกับอาหารอันโอชะจริง ๆ!”
จากนั้นนางกระโจนใส่เขา