เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 742 การมาถึงด้วยความหึงหวง
บทที่ 742 การมาถึงด้วยความหึงหวง
บทที่ 742 การมาถึงด้วยความหึงหวง
ความโกรธเดือดพล่านอยู่ภายในใจของแม่ชียุง
เด็กทั้งสองคนนี้มีการบ่มเพาะที่อ่อนแอกว่านางมาก แต่ดูเหมือนว่าทุกคนจะมีความสามารถพิเศษและคอยขัดขวางนางตลอดเวลาและป้องกันไม่ให้นางทำสำเร็จตามที่วางแผนไว้
หลายครั้งที่นางคิดที่จะหันกลับไปจัดการกับชิวฮัวเล่ย แต่ซูอันกลับไม่ปล่อยให้นางทำเช่นนั้น
เขาต่อสู้อย่างดุเดือด เต็มใจรับบาดแผลเพื่อสร้างโอกาสให้ตัวเอง ซึ่งทำให้นางปวดเศียรเวียนเกล้ามาก
จากระดับการบ่มเพาะของเขา ตอนแรกนางเชื่อว่ามันจะไม่สร้างความแตกต่างมากนักแม้ว่านางจะถูกเขาโจมตีสักสองสามครั้ง อย่างไรก็ตามสัญชาตญาณของนางเองกลับบอกว่าอันตรายได้คืบคลานเข้ามาหา เตือนนางว่านางไม่ควรยอมให้ซูอันโจมตีนางได้สำเร็จอย่างเด็ดขาด
แม้ว่าระดับการบ่มเพาะของนางจะสูง แต่นางก็สร้างศัตรูไว้มากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมา การถูกตามล่าจากศัตรูมาหลายปีทำให้นางอ่อนไหวต่ออันตรายอย่างยิ่ง
แม้ว่านางจะไม่เข้าใจว่าลางสังหรณ์หรือสัญชาตญาณนี้บังเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่นางก็ไม่เคยสงสัยในสัญชาตญาณของตัวเอง และผ่านพ้นเหตุการณ์คับขันมาได้จนถึงทุกวันนี้
ไอ้เด็กนี่ยังสามารถยืนหยัดได้แม้จะได้รับบาดเจ็บสาหัส…!
แถมรูปแบบการต่อสู้โดยไม่คำนึงถึงอาการบาดเจ็บของตนเองเพียงเพื่อพยายามแลกหมัดกับอีกฝ่าย มันไม่ใช่ทางเลือกที่สมเหตุสมผลเลยหากเป็นในความคิดของคนปกติ ทั้งหมดนี้เมื่อรวมกับความเร็วและพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันของมัน ความมั่นใจของมันต้องเกิดจากวิชาวัฏจักรหงส์อมตะแน่นอน
มันคู่ควรกับการเป็นวิชาลับในตำนานจริง ๆ!
เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้ว แม่ชียุงก็ยิ่งต้องการวิชาวัฏจักรหงส์อมตะมากขึ้นไปอีก นางต้องจัดการกับซูอันก่อน เมื่อเปรียบกับวิชาวัฏจักรหงส์อมตะแล้วโคมจักรพรรดินีย่อมไม่สำคัญเทียบเท่า
ตอนนี้ซูอันยังคงถูกกดดันอย่างหนักแม้จะได้รับความช่วยเหลือจากแสงของโคมจักรพรรดินี
ร่างของเขาถูกฟาดหลายครั้งติดต่อกันอย่างรวดเร็วด้วยแส้หางม้า
แม้เส้นใยของแส้หางม้าจะดูนุ่มนวลและพริ้วไหว แต่หากใครลองโดนมันฟาดแล้วจะรู้ได้ว่าพวกมันทุกเส้นนั้นไม่ต่างจากลวดเหล็กแหลมคม! สามารถฉีกเนื้อผู้คนได้อย่างง่ายดาย
ถ้าไม่ใช่เพราะความพิเศษของร่างกายซูอัน เขาคงถูกหั่นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปแล้ว
“เจ้าสารเลวน้อย ข้าชื่นชมเจ้าที่ยืนหยัดอยู่ได้ยาวนานด้วยระดับการบ่มเพาะเพียงห้าระดับ อย่างไรก็ตาม…การละเล่นนี้ควรจบได้แล้ว!” แม่ชียุงหยั่งเล็บลงไปที่พื้นดินก่อนจะขุดมวลดินมหึมาขึ้นมา
ก้อนดินขนาดใหญ่ปิดกั้นแสงจากโคมของชิวฮัวเล่ยได้อย่างสมบูรณ์
ชิวฮัวเล่ยตกตะลึง ยุงประหลาดตัวนี้ไม่ใช่ผู้บ่มเพาะธาตุดิน ทำไมนางถึงสามารถควบคุมพื้นดินได้?
หลังจากครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว ในที่สุดนางก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อครู่นี้แม่ชียุงมักจะเคลื่อนไหวไปมาในบริเวณเดียวกันซึ่งเหมือนกำลังยุ่งอยู่กับการโจมตีซูอันแต่แท้จริงแล้วนางคงใช้การเคลื่อนไหวของนางเพื่อทำอะไรสักอย่างกับพื้นดินที่อยู่ใต้เท้าในระหว่างนั้นด้วย
สิ่งนี้นับได้ว่าเป็นการคำนวนที่น่ากลัว อีกฝ่ายต้องคำนวนเป็นอย่างดีว่าต้องใช้แรงหรือมวลดินแค่ไหนเวลายกขึ้นมา ดินจะยังคงเกาะตัวเป็นแผ่นเดียวโดยที่ไม่แตกออกและปิดกั้นแสงโคมได้เช่นนี้
ชิวฮัวเล่ยไม่มีเวลาชื่นชมกลยุทธ์ของแม่ชียุง สิ่งเดียวที่นางคิดคือกังวลเรื่องความปลอดภัยของซูอัน “อาซู!”
ตอนนี้แม่ชียุงไม่ถูกจำกัดด้วยแสงจากโคมแล้ว ความเร็วของแม่ชียุงจึงเพิ่มขึ้นหลายเท่าในทันใด นางเอื้อมมือไปที่ไหล่ของซูอัน
ซูอันตกใจตะโกนอย่างบ้าคลั่ง “แกมองอะไร!?”
“ข้ากำลังมองแกไง ไอ้โง่!” แม่ชียุงตอบ นางเสียสมาธิไปในเสี้ยววินาที
ซูอันใช้จ้าววายุทันทีเพื่อเคลื่อนที่ถอยไปในระยะไกล
แม่ชียุงไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น
—
ท่านยั่วยุแม่ชียุงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 251!
—
แม้จะโกรธ แต่นางก็รู้สึกชื่นชมอย่างไม่เต็มใจ แม้จะมีระดับการบ่มเพาะที่ค่อนข้างธรรมดา แต่ปฏิกิริยาในการต่อสู้และทักษะของซูอันนั้นยอดเยี่ยมหรือเหนือกว่าผู้บ่มเพาะที่มีชื่อเสียงบางคนด้วยซ้ำ
นางรู้สึกว่ายิ่งจำเป็นต้องฆ่าเขา ในระดับที่ห้า เด็กคนนี้ยังเก่งกาจขนาดนี้ จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเขาบ่มเพาะจนถึงระดับสูงสุดแล้ว?
ความคิดของนางแล่นไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่ได้ทำให้การโจมตีของนางช้าลง
ด้วยการสะบัดมือของนาง เส้นใยจากแส้หางม้ายืดยาวออกอีกครั้ง นางได้เห็นทักษะการเคลื่อนไหวในพริบตาของเขาแล้ว ดังนั้นไม่มีทางที่นางจะพลาดอีกครั้ง
ซูอันใช้จ้าววายุอีกครั้งหนึ่ง แต่มันราวกับว่าคู่ต่อสู้ของเขาคาดการณ์ไว้แล้วว่าเขาจะหลบไปในทิศทางใด เส้นใยจากแส้หางม้าหมุนรอบตัวเขาในชั่วพริบตา ปลายเส้นใยของมันซึ่งดูไม่ต่างจากฟางพุ่งไปที่ใบหน้าของซูอัน
แม่ชียุงเบื่อกับกลเม็ดอันไร้สิ้นสุดของซูอัน นางตัดสินใจดูดเลือดส่วนหนึ่งของเขา และทำให้อีกฝ่ายพิการไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ให้จบเรื่องไป
นางมีความมั่นใจในความสามารถของนางที่จะยั้งมือไว้ทัน นางสามารถทำให้เขาพิการได้โดยไม่ต้องพรากชีวิตของเขา
ทางด้านของซูอัน เมื่อเขาเห็นปลายเส้นใยจากแส้หางม้าพุ่งมาที่หน้าของตัวเอง
เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงภาพซากแห้งเหี่ยวของน้ำแข็งเดียวดายซึ่งมันทำให้เขาตื่นตระหนก แม้เขาจะชอบที่ชิวฮัวเล่ยดูดเขาก่อนหน้านี้ แต่ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้แม่ชียุงบ้านี่ทำกับเขาแบบนั้น!
ขณะที่เขากำลังจะหยิบไพ่ลับใบสุดท้ายออกมา เปลวไฟสีดำพุ่งผ่านอากาศเข้ามาเผาไหม้แส้หางม้าจนลุกเป็นไฟ
เปลวไฟสีดำเหล่านั้นแปลกประหลาดอย่างยิ่ง มันลุกลามไปตามเส้นใยมุ่งหน้าไปยังแม่ชียุงด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
“อา!!”
แม่ชียุงส่งเสียงร้องอันน่าสยดสยอง นางรีบดึงแส้หางม้าของนางออกอย่างรวดเร็วและพยายามดับไฟอย่างบ้าคลั่ง
จากการบ่มเพาะของนาง ไม่มีทางที่นางจะได้รับบาดเจ็บจากเปลวเพลิงนี้ แต่มันคนละเรื่องกับแส้หางม้าของนาง
ก่อนหน้านี้เส้นใยบางส่วนถูกเผาไปพอสมควรแล้วขณะที่พวกเขาอยู่ที่โรงเตี๊ยม มาตอนนี้ครึ่งหนึ่งถูกไฟสีดำแปลก ๆ นี้เผาไป โดยรวมแล้วขณะนี้แส้หางม้าของนางเหลือเส้นใยอยู่แค่เพียงหนึ่งในสี่เท่านั้นเอง!
นางโวยวายด้วยความโกรธ “แสดงตัวออกมา!”
แต่แล้วเมื่อได้เห็นร่างเจ้าของเปลวเพลิงปริศนา แม่ชียุงตัวแข็งแทบจะในทันทีโดยไม่รู้ตัว
ใหญ่มาก! ดวงตาของนางมองลงไปที่หน้าอกของตัวเอง และนางก็จมอยู่กับความรู้สึกต่ำต้อยอย่างแรง
“เหมียนหมานใหญ่!” ซูอันดีใจมากที่ได้เห็นร่างที่มีเสน่ห์ของผู้มาใหม่
เพ่ยเหมียนหมานเองก็ดูไม่มีความสุขเลย นางมองดูชิวฮัวเล่ยวิ่งไปทางซูอันด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล
จากนั้นก็ยิ้มเยาะกล่าวว่า “ตลอดทางมาที่นี่ข้ากังวลเกี่ยวกับเจ้าตลอดเวลา แต่ดูเหมือนว่าเจ้ากำลังเพลิดเพลินกับหญิงงาม ความเป็นห่วงของข้าช่างเสียเปล่าจริง ๆ!”