เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 764 ในที่สุด
———-
บทที่ 764 ในที่สุด
ซูอันเอาขาแนบกับท้องของเทาเที่ย และเมื่อถึงจังหวะที่เทาเที่ยแทงหางใส่เขาอีกครั้ง เขาฉวยจังหวะนั้นเตะขาของตัวเองขึ้นส่งร่างของเทาเที่ยลอยข้ามหัวไปตกยังกองกระดูกที่อยู่ห่างออกไป
เกิดเสียงดังสนั่นเมื่อเทาเที่ยที่ตกลงไปที่กองกระดูกแรงกระแทกทำให้กระดูกชิ้นโตแหลกละเอียด งูที่ซ่อนตัวอยู่ภายในเลื้อยหนีด้วยความโกลาหล แต่เทาเที่ยก็ใช้กรงเล็บของมันจับเหล่างูโยนเข้าปากของมันอย่างไม่รอช้า
ตาบนไหล่ของมันจ้องเขม็งไปที่มนุษย์ที่อยู่ตรงข้าม มันไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ อีกฝ่ายถึงมีพลังเพิ่มมากขึ้น
ซูอันได้โอกาสที่จะหยิบกระบี่ไท่เอ๋อร์ของตัวเองแล้ว ในเวลาเดียวกัน เขาจ้องไปที่อุ้งเท้าของเทาเที่ยซึ่งดูเหมือนเท้ามนุษย์แต่มีกรงเล็บที่แหลมคมราวกับเสือ
วิธีที่สัตว์ประหลาดเหวี่ยงพวกงูเข้าปากมันเหมือนกับที่มนุษย์ใช้มือในเวลากิน กรงเล็บของมันมีความว่องไวขนาดนี้ นี่ไม่ใช่เรื่องดีเลยแม้แต่น้อย
เทาเที่ยลังเลในช่วงเวลาสั้น ๆ จากนั้นสัญชาตญาณความตะกละของมันกระตุ้นให้มันพุ่งตรงไปที่ซูอันอีกรอบ
ซูอันเตรียมพร้อมแล้ว เขาใช้วิชาร่างก้าวทานตะวันเพื่อหลบหลีกไปด้านข้าง ขณะนี้ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มพูนขึ้นอย่างมากจากผลอำนาจหนุนของวิชาวัฏจักรหงส์อมตะ เมื่อเขาหลบการโจมตีของมันได้สำเร็จเขาเงื้อดาบหวังที่จะฟันลงไปที่หัวของมันทันที
เทาเที่ยสัมผัสได้ถึงอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้น มันรีบบังคับหางของมันฟาดไปที่ซูอันเพื่อตอบโต้
ซูอันเหลือบไปมองเพื่อประเมินความยาวหางของเทาเที่ยอย่างรวดเร็วและพิจารณาว่าการแลกหมัดครั้งนี้ไม่คุ้มค่าอย่างมาก
เขาล้มเลิกความคิดที่จะฟันหัวของมันและเปลี่ยนท่าฟันเป็นการตวัดดาบไปด้านข้างแทน กระบี่ไท่เอ๋อร์นั้นคมอย่างไม่น่าเชื่อ คมดาบฟันเข้าตรงส่วนกลางหางของเทาเที่ยและตัดมันออกได้อย่างง่ายดาย ของเหลวสีเทาอมเขียวซึ่งคือเลือดของเทาเที่ยสาดกระจายไปทั่วบริเวณ ส่งเสียงซ่า ๆ ในทุก ๆ ที่ที่มันตกกระทบ
กรี๊ซซซซ!!
เทาเที่ยกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เห็นได้ชัดว่าการสูญเสียหางไปครึ่งหนึ่งทำให้มันเกิดความทุกข์ทรมานอย่างมาก
เสียงร้องของเทาเที่ยที่เจ็บปวดนี้ทำให้ซูอันปวดหัว เขาชกหมัดซ้ายไปที่หัวของมันอย่างสุดแรง “หุบปากเดี๋ยวนี้โว้ย!!!”
แรงชกจากหมัดของซูอันทำให้เทาเที่ยถอยหลังไปหลายก้าว และกระแทกเข้ากับผนังด้านหลัง มันส่ายศีรษะไปมาขณะที่ยันตัวขึ้นยืนอย่างเวียนหัว
ซูอันสะบัดมือของตัวเอง การออกหมัดเมื่อครู่ทำให้กำปั้นของเขาเจ็บเช่นกัน ชายหนุ่มไม่นึกเลยว่าหัวของมันจะแข็งแบบนี้ ถ้าหากรู้แบบนี้ตั้งแต่แรกเขาคงเลือกที่จะต่อยลำตัวของมันมากกว่า
เขากังวลว่าเพ่ยเหมียนหมานจะไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เมื่อสังเกตเห็นว่าสัตว์ร้ายยังคงเวียนหัว เขาจึงถือโอกาสโจมตีมันด้วยกระบี่ไท่เอ๋อร์อีกครั้ง
แต่ทันใดนั้น แววตาเจ้าเล่ห์ก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเทาเที่ย ระหว่างเขาทั้งสองของมันเกิดกระแสไฟฟ้าสีม่วงรวมตัวเป็นลูกบอลไฟฟ้าและปล่อยมันพุ่งตรงไปยังซูอัน
กระบวนการทั้งหมด ตั้งแต่เสียงแตกของกระแสไฟฟ้าครั้งแรกจนถึงการปล่อยลูกบอลสายฟ้านั้นรวดเร็วจนราวกับว่ามันเกิดขึ้นในทันที
ซูอันไม่หลงเหลือพลังพอจะใช้จ้าววายุอีกแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีทางที่ตัวเองจะหลบเลี่ยงการโจมตีนี้ได้ ลูกบอลไฟฟ้ากระแทกเข้าที่หน้าอกของเขาอย่างแรง ความเจ็บปวดแผ่ซ่านออกมาจากหน้าอกพร้อมกับกลิ่นไหม้
แต่ความเจ็บปวดไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด สิ่งที่น่าวิตกที่สุดคือมันทำให้ร่างกายของชายหนุ่มชาไปหมดจนไม่สามารถขยับกล้ามเนื้อได้แม้แต่น้อย!
นี่เป็นอาการอัมพาตจากการถูกไฟฟ้าช็อต!
ซูอันหน้าซีดด้วยความตื่นตระหนก เขาแน่ใจว่าการสูญเสียการเคลื่อนไหวในช่วงเวลาสำคัญนี้คือหายนะอันใหญ่หลวง! แต่ไม่มีสิ่งใดที่เขาสามารถทำได้ทั้งสิ้นในสถานการณ์นี้
เทาเที่ยอ้าปาก ลิ้นยาวของมันพุ่งตรงไปที่หน้าผากของซูอัน สัตว์ประหลาดตั้งใจจะเจาะกะโหลกของซูอันให้ทะลุในคราวเดียว
ซูอันรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าขนทั่วร่างกายของตัวเองลุกชัน ขณะที่เขาดูลิ้นของมันพุ่งเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ ชายหนุ่มรู้ว่าเขาอยู่ห่างจากความตายเพียงคืบเดียว
ลิ้นที่พุ่งเข้ามาเร็วเกินไป และซูอันก็เป็นอัมพาตอยู่ ไม่มีทางที่เขาจะสามารถรับมือกับมันได้เลย
ลิ้นของเทาเที่ยหยุดค้างก่อนจะถึงหน้าหน้าผากของซูอันเพียงหนึ่งข้อนิ้ว
ทั้งซูอันและเทาเที่ยต่างตกตะลึง เทาเที่ยชักลิ้นของมันกลับแล้วแลบลิ้นออกไปอีกครั้ง แต่ลิ้นของมันก็หยุดห่างจากหน้าผากของซูอันหนึ่งข้อนิ้วมือเช่นเดิม
ในที่สุดซูอันก็ตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้น เขาได้ตัดลิ้นของมันออกก่อนหน้านี้ตอนที่มันแทงเพ่ยเหมียนหมาน เทาเที่ยคุ้นเคยกับความยาวของลิ้นตามปกติของมันเอง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้มันเข้าใจโดยสัญชาตญาณว่ามันอยู่ใกล้พอที่จะแทงหัวของคู่ต่อสู้ได้ แต่แท้จริงแล้วมันลืมไปว่าลิ้นของมันได้ถูกตัดขาดจนสั้นลงมากในก่อนหน้านี้
ไม่มีทางที่ซูอันจะปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือ ในขณะที่เทาเที่ยฟุ้งซ่าน เขาเรียกนกกระจิบร้อยเสียงและเริ่มโจมตีจิตวิญญาณของสัตว์ประหลาดตัวนี้
แต่เนื่องจากขีดจำกัดด้านระดับการบ่มเพาะของเขา อำนาจของนกกระจิบร้อยเสียงจึงมีประสิทธิภาพในการป้องกันมากกว่าการโจมตี และถ้ายิ่งใช้กับผู้บ่มเพาะที่ระดับสูงกว่า มันก็จะยิ่งได้ผลน้อยลง
แต่ทว่าเทาเที่ยเป็นสัตว์ประหลาดที่มีสติปัญญาที่ยังไม่ได้พัฒนาอย่างแท้จริง ดังนั้นมันจึงไม่รู้จักวิธีปกป้องจิตวิญญาณของมันเองและทำให้จิตวิญญาณของมันอ่อนแอมากต่อการถูกโจมตี
แน่นอนว่าในขณะที่นกกระจิบร้อยเสียงของซูอันกรีดร้องส่งคลื่นเสียงที่มองไม่เห็นแผ่ออกไป ร่างกายของเทาเที่ยสั่นเทิ้มและดวงตาของมันเปลี่ยนเป็นว่างเปล่า แม้แต่ลิ้นของมันซึ่งยื่นแข็งออกมาจากปากราวกับหอกก็ยังอ่อนยวบตกลงที่พื้น
ซูอันซึ่งเฉียดตายอย่างหวุดหวิด เมื่อครู่เขารู้สึกว่าเลือดในร่างของเขาสูบฉีด อาการอัมพาตค่อย ๆ ลดลง เขาเริ่มฟื้นความสามารถในการเคลื่อนไหวและไม่คิดลังเลแม้แต่วินาทีเดียว เขาจับกระบี่ไท่เอ๋อร์แล้วแทงเข้าที่ด้านข้างลำตัวของเทาเที่ย
ชายหนุ่มนึกถึงความเจ็บปวดที่เขาเคยประสบเมื่อชกหัวเทาเที่ยซึ่งทำให้เขาได้รู้ว่าหัวของสัตว์ประหลาดตัวนี้แข็งเกินไป คราวนี้จึงเลือกเป้าหมายที่ต่างไปจากเดิม แทนที่จะตีหัวของมัน แต่ซูอันกลับเลือกแทงกระบี่ยาวไปที่ตาบนไหล่ของมัน!
สัตว์ประหลาดตัวนี้มีรูปร่างประหลาดมาก ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ว่าไอ้ส่วนหัวที่เขาเห็นนั้นมันคือส่วนหัวจริง ๆ ของมันหรือไม่ เช่นเดียวกับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ โดยทั่วไปแล้ว ดวงตาน่าจะเป็นส่วนที่อยู่ไม่ห่างจากส่วนหัวมากนัก
กรี๊ซซซซซซซซซซ!!!!
กระบี่แทงเข้าตาของมันและจมเข้าไปลึกเกือบถึงด้ามจับ จากนั้นเทาเที่ยก็กรีดร้องออกมาอย่างน่าสังเวช
ทั้งร่างของมันแข็งทื่อไปชั่วครู่ก่อนจะล้มลงกับพื้น
ซูอันดึงกระบี่กลับออกมา ของเหลวน่าขนลุกไหลออกมาจากดวงตาของมัน กัดกร่อนพื้นโดยรอบจนเป็นสีดำ
“ขอบคุณสวรรค์ที่ประทานกระบี่ไท่เอ๋อร์ให้เป็นสมบัติวิเศษ! หากเป็นกระบี่ธรรมดาทั่วไปคงถูกเลือดของมันหลอมละลายไปแล้ว” ซูอันดึงกระบี่ของเขาออกมา เขาไม่มีเวลาตรวจดูศพของเทาเที่ย และรีบไปดูอาการของเพ่ยเหมียนหมาน
เพ่ยเหมียนหมานเฝ้าดูการต่อสู้ตลอดเวลาด้วยหัวใจที่เต้นแรงจนแทบจะกระดอนออกจากหน้าอกของนาง เมื่อนางเห็นว่าซูอันสังหารเทาเที่ยได้สำเร็จ นางถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่นางผ่อนคลายลง เรี่ยวแรงทั้งหมดก็หายไป นางก็ทรุดตัวลงกับพื้น
ซูอันรีบวิ่งมาประคองนางทันที “เหมียนหมาน!”
เพ่ยเหมียนหมานพยายามลืมตา รอยยิ้มผุดขึ้นที่ริมฝีปากของนาง “อาซู เจ้ายอดเยี่ยมจริง ๆ เจ้าฆ่าสัตว์ร้ายนั่นได้!”