เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 775 ฉากที่ดูคุ้นตา
———-
บทที่ 775 ฉากที่ดูคุ้นตา
ซูอันขมวดคิ้ว “มีอะไรมาบุกรุกจิตสำนึกของเจ้าหรือเปล่า?”
เขามองไปรอบ ๆ อย่างกังวล แต่ก็ไม่เห็นอะไรเลย “ที่นี่มันแปลกจริง ๆ”
เพ่ยเหมียนหมานส่ายหัว “ข้าไม่คิดอย่างนั้น ข้าไม่รู้สึกถึงอาการวิงเวียนศีรษะซึ่งจะต้องเกิดขึ้นหากถูกบางสิ่งบงการ แต่ข้ากลับรู้สึกเหมือนฉากเหล่านั้นเป็นความทรงจำของข้าเอง…”
ซูอันกำลังจะพูดต่อ แต่สถานการณ์การต่อสู้ระหว่างโครงกระดูกและเทาเที่ยมันสะเทือนเลือนลั่นยิ่งกว่าเดิมจนเขาต้องหันไปมอง เทาเที่ยกรีดร้องและพุ่งเข้าใส่นักรบโครงกระดูกอย่างรุนแรงปานสายฟ้าฟาด
ฟันที่ขาวและแหลมคมของเทาเที่ยดูราวกับว่าพวกมันสามารถขบเคี้ยวกระดูกบนร่างของนักรบผู้นี้ได้อย่างสบาย ๆ
นักรบโครงกระดูกปาโล่ตรงไปยังเทาเที่ยซึ่งพุ่งเข้าใส่มันด้วยความเร็วสูง โล่บินนั้นเร็วเกือบจะพอ ๆ กับที่เทาเที่ยกำลังวิ่งสวนเข้ามา ดังนั้นเทาเที่ยจะหลบเลี่ยงได้อย่างไร?
โล่หมุนตัดผ่ากะโหลกของเทาเที่ยออกเป็นสองส่วน แต่ด้วยแรงพุ่งที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ร่างที่เหลือของเทาเที่ยไถลไปข้างหน้า แต่ในไม่ช้ามันก็หยุดอยู่กับที่ ขาและเท้าของมันก็กระตุก
ในขณะเดียวกัน โล่ที่บินหมุนอยู่กลางอากาศก็มีพฤติกรรมเหมือนบูมเมอแรง มันบินวนกลับจะเข้าไปสู่มือของนักรบโครงกระดูกเช่นเดิม
เขาทั้งสองบนหัวของเทาเที่ยตัวใดตัวหนึ่งสั่นไหวด้วยกระแสไฟฟ้า มันส่งกระแสไฟฟ้าพุ่งไปที่โล่หมุนและกระแทกอย่างเต็มแรง โล่บินสั่นสะท้านก่อนตกลงสู่พื้น มันหยุดหมุนและนิ่งสนิทราวกับว่าการเชื่อมต่อกับเจ้าของมันถูกตัดขาด
เขาของเทาเที่ยตัวอื่น ๆ เริ่มส่งเสียงลั่นเปรี้ยงปร้างด้วยกระแสไฟฟ้า ริ้วแสงสีน้ำเงินทั้งหมดพุ่งไปทางนักรบโครงกระดูก
นักรบโครงกระดูกกวัดแกว่งหอกยาวสร้างเกราะป้องกันเพื่อไม่ให้กระแสไฟฟ้าจากเทาเที่ยทะลุทะลวงด้านหน้าตัวเอง เกราะป้องกันนี้สามารถต้านทานกระแสไฟฟ้าทั้งหมดไว้ได้
จากนั้นนักรบโครงกระดูกก็ถีบตัวเองพุ่งเหินไปข้างหน้า ทิ้งภาพติดตาไว้เพียงเบื้องหลัง มันปรากฏกายขึ้นข้าง ๆ เทาเที่ยตัวที่ใกล้ที่สุดและสับเท้าของสัตว์ร้ายออกทันที เมื่อขาขาดสมดุลเทาเที่ยตัวนั้นจึงล้มลงกับพื้น
นักรบโครงกระดูกไม่ได้ให้โอกาสมันตั้งหลักอีก และโจมตีโดยหมายใจให้พวกมันถึงตาย
หอกยาวจมลงไปในร่างของเทาเที่ย แต่ทว่าเทาเที่ยตัวนั้นยังไม่ยอมแพ้ หางยาวของมันเหวี่ยงฟาดกระแทกเข้ากับแขนของโครงกระดูกอย่างรุนแรง!
ไม่ว่านักรบโครงกระดูกจะแข็งแกร่งแค่ไหน มันก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบจากการโจมตีอันรุนแรงครั้งนี้ได้ หอกในมือของมันกระเด็นหลุดออกจากมือไป
แม้จะเพลี่ยงพล้ำ แต่มันก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว มันเอื้อมมือข้างหนึ่งไปจับหางที่จู่โจมเข้ามา จากนั้นมันใช้เทาเที่ยตัวนี้เป็นอาวุธใหม่ โครงกระดูกเหวี่ยงร่างใหญ่โตของเทาเที่ยหมุนควงอยู่หลายรอบก่อนจะเขวี้ยงมันออกไปราวกับขว้างจักรให้ลอยไปกระแทกกับเทาเที่ยอีกตัว
เทาเที่ยทั้งสองกรีดร้องคร่ำครวญอย่างน่าสังเวช และสับสนจากการปะทะกันเอง
นักรบโครงกระดูกกระทืบพื้นอย่างรุนแรงจนหอกที่หล่นอยู่ที่พื้นกระดอนขึ้นมาบนอากาศ จากนั้นนักรบโครงกระดูกเตะที่ท้ายหอกส่งมันพุ่งผ่านอากาศเข้าหาเทาเที่ย
หอกพุ่งออกไปด้วยความแม่นยำราวกับจับวาง และมันได้เสียบเทาเที่ยตัวหนึ่งตอกเข้ากับผนังทันที
ซูอันกลืนน้ำลาย นักรบโครงกระดูกตัวนี้ต้องเป็นยอดนักรบเมื่อยังมีชีวิตอยู่ ไม่มีทางอื่นที่จะเป็นคนธรรมดาทั่วไปได้!
เทาเที่ยที่โชคร้ายที่สุดคืออีกตัวที่ถูกคว้าหางไว้ เมื่อคว้าหางได้ นักรบโครงกระดูกจึงเหวี่ยงมันกระแทกพื้นไปมาครั้งแล้วครั้งเล่า
และหลังจากเหวี่ยงฟาดไปกับพื้นมากกว่าสิบครั้ง ร่างกายของเทาเที่ยเต็มไปด้วยบาดแผล กระดูกในร่างของมันทั้งหมดแหลกละเอียดและสิ้นใจตาย
ในที่สุดเทาเที่ยตัวสุดท้ายก็ได้สติ มันพุ่งเข้าหานักรบโครงกระดูกและกระแทกศัตรูคู่แค้นของมันจนกระเด็นลงไปกองกับพื้น
นักรบโครงกระดูกปล่อยหางเทาเที่ยตัวที่ถืออยู่ และหันความสนใจไปที่ตัวที่ยังเหลืออยู่
ซูอันสองจิตใจ เขาควรช่วยเทาเที่ยตัวสุดท้ายนี้ดีหรือไม่?
อันที่จริง สาเหตุที่ชายหนุ่มยังคงดูการต่อสู้นี้ไม่หนีไปไหนเพราะเขาอยากจะหาโอกาสปิดบัญชีทั้งโครงกระดูกและเทาเที่ยพร้อม ๆ กัน เพื่อที่หลังจากนี้เขาจะได้ไม่ต้องกังวลกับการถูกไล่ล่าจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ทว่านักรบโครงกระดูกนั้นแข็งแกร่งเกินไป แม้ว่าเทาเที่ยจะสามารถพุ่งชนจนมันล้มลงได้ แต่มันก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีวันตายได้อีก เขาจึงไม่คิดว่าเทาเที่ยจะมีโอกาสชนะ
การต่อสู้ครั้งนี้มาถึงจุดตัดสินแล้ว เทาเที่ยกระโดดขึ้นคร่อมร่างของนักรบโครงกระดูกได้สำเร็จ จากนั้นมันใช้กรงเล็บที่แหลมคมข่วนไปยังร่างของนักรบโครงกระดูกอย่างต่อเนื่องก่อให้เกิดเสียงขูดที่บาดหู
ร่องลึกและยาวเริ่มปรากฏให้เห็นบนกระดูกที่แข็งแรงของนักรบโครงกระดูก
ในขณะเดียวกันหางที่แหลมคมของเทาเที่ยโบกไปมา และแทงไปที่กะโหลกศีรษะของนักรบโครงกระดูกครั้งแล้วครั้งเล่า นักรบโครงกระดูกซึ่งอยู่ที่พื้นหลบการโจมตีอย่างต่อเนื่อง มันเป็นฉากที่วุ่นวายจริง ๆ
ซูอันลูบคาง ทำไมฉากนี้ดูคุ้น ๆ…?
ชายหนุ่มยังลังเลว่าเขาควรจะลงมือหรือไม่ อย่างไรก็ตาม นักรบโครงกระดูกนั้นก็สามารถฟื้นตัวได้แม้ว่ากระโหลกศีรษะของมันจะถูกตัดออก ดังนั้นเขาจึงไม่รู้จริง ๆ ว่าเขาควรทำอย่างไรถึงจะปราบมันได้
ในท้ายที่สุด ซูอันก็ตัดสินใจปล่อยให้การต่อสู้ระหว่างสองตัวประหลาดดำเนินต่อไปก่อน ทั้งสองเป็นศัตรูตัวฉกาจของกันและกัน แต่ละฝ่ายต้องรู้จุดอ่อนของอีกฝ่ายอย่างแน่นอน
ทันใดนั้นนักรบโครงกระดูกก็เอาขาของมันแนบท้องของเทาเที่ยแล้วเตะขาขึ้นอย่างรุนแรงส่งร่างของเทาเที่ยลอยข้ามหัวมันไปกระแทกเข้ากับกำแพงที่อยู่ใกล้เคียง เศษซากของมันกระจัดกระจายไปทุกที่
นักรบโครงกระดูกรีบยันตัวลุกขึ้นก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่เทาเที่ย ซึ่งในขณะเดียวกัน เทาเที่ยอ้าปากปล่อยลิ้นที่แข็งแกร่งพุ่งไปที่กะโหลกศีรษะของนักรบโครงกระดูก
นักรบโครงกระดูกเตรียมพร้อมรออยู่แล้ว มันหลบไปด้านข้างแล้วเอื้อมมือทั้งสองไปจับลิ้นที่ออกมาจากปากของเทาเที่ย ก่อนที่จะกระชากอย่างรุนแรงแยกลิ้นออกจนเป็นสองซีกอย่างน่าสยดสยอง
เทาเที่ยกรีดร้องด้วยความทุกข์ทรมาน เลือดและของเหลวมากมายพุ่งออกจากปากของมัน มันเดินเซไปด้านข้างและทรุดตัวลง
การถูกฉีกลิ้นนี้ดูเหมือนจะเป็นความรู้สึกเจ็บปวดที่ร้ายกาจ แม้กระทั่งกับสิ่งมีชีวิตที่หยาบกระด้างเช่นเทาเที่ย
ซูอันไม่สามารถซ่อนความผิดหวังของเขาได้ ข้ารู้ว่าเจ้าไม่สามารถเอาชนะโครงกระดูกนั่นได้ แต่เจ้าก็ไม่ควรไร้ประโยชน์ขนาดนี้ไม่ใช่เหรอ?
ก่อนหน้านี้เจ้าเก่งกับข้าสุด ๆ ไปเลย แต่ตอนนี้แค่โครงกระดูกตัวเดียวกลับสังหารพวกเจ้าได้ทั้งฝูงเนี่ยนะ?
ไม่น่าแปลกใจเลยที่นักรบโครงกระดูกผู้นี้รับหน้าที่เป็นผู้คุ้มกันสถานที่แห่งนี้ ในอดีตเขาต้องเป็นนักรบที่เก่งกาจอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามซูอันยังคงเงียบ เขามองไปที่เพ่ยเหมียนหมาน “ข้ารู้จุดอ่อนของมันแล้วว่าคืออะไร”
เพ่ยเหมียนหมานไม่ได้โง่เช่นกัน นางยังคิดออกว่าเขาคิดอะไรจากการดูการต่อสู้ “หัว!”
เทาเที่ยมักจะพยายามโจมตีหัวของโครงกระดูก ต้องมีเหตุผลสำหรับเรื่องนี้อย่างแน่นอน!
ซูอันแค่ฟันส่วนกะโหลกแยกออกจากส่วนร่างกายของมันเท่านั้น แต่ไม่ได้ทุบมันจนแตก นี่เป็นเหตุผลที่ชายหนุ่มเข้าใจผิดว่ามันเป็นอมตะ
และเทาเที่ยที่ถูกทุบซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ยังคงมีชีวิตอยู่ มันเดินโซเซและพยายามหนีตามสัญชาตญาณโดยสูญเสียความตั้งใจที่จะต่อสู้ไปแล้ว