เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 778 บูชายัญ
———-
บทที่ 778 บูชายัญ
เพ่ยเหมียนหมานทำให้เปลวไฟสีดำของนางเผาไหม้อย่างทรงพลังมากขึ้น ส่งผลให้เหล่าวิญญาณร้ายพยายามรักษาระยะห่างในที่สุด
“เราควรออกไปจากที่นี่ก่อนไหม?” เพ่ยเหมียนหมานกล่าว เทาเที่ยยักษ์ที่คอยคุกคามก่อนหน้านี้ได้ตายไปแล้ว ดังนั้นการกลับลงไปน่าจะเป็นทางเลือกที่อันตรายน้อยกว่า
ซูอันขมวดคิ้ว “มิติลับแห่งนี้แปลกประหลาดอย่างถึงที่สุด ข้าคิดว่าการกลับลงไปอาจไม่ง่ายขนาดนั้น”
เพ่ยเหมียนหมานยังคงวิตกกังวล “แต่ข้าไม่สามารถรักษาเปลวไฟสีดำเหล่านี้ให้คงอยู่ได้ตลอดไป! เมื่อพวกมันดับลง เราจะกลายเป็นกองกระดูกสีขาวเช่นเดียวกับเทาเที่ยยักษ์ตัวนั้น”
“ถ้างั้นเราลองเราเดินลงกันไปก่อนก็แล้วกัน หากมีอะไรไม่ชอบมาพากลพวกเราค่อยหาทางแก้ไขอีกที” ซูอันกล่าว
ทั้งสองเดินลงบันไดไปอย่างช้า ๆ
วิญญาณร้ายนับไม่ถ้วนยังคงวนเวียนอยู่รอบตัวพวกเขา ขณะที่ทั้งสองกำลังจะไปถึงขั้นบันไดขั้นแรก เหล่าวิญญาณร้ายก็บินกรูกันเข้ามาขวางทางทันที พวกมันคร่ำครวญโหยหวนไม่หยุดหย่อน
จากนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่เพ่ยเหมียนหมานใช้เปลวไฟสีดำของนางเพื่อไล่ส่วนหนึ่งของพวกมันออกไป พวกมันส่วนอื่นก็จะเข้ามาแทนที่อย่างรวดเร็ว ทำให้พวกเขาไม่มีทางฝ่ากำแพงวิญญาณร้ายเหล่านี้ที่คอยกีดขวางได้
นี่ไม่ใช่แค่เพียงอย่างเดียวของปัญหา ดูเหมือนว่าวิญญาณร้ายสามารถสื่อสารกันได้ พวกมันเปลี่ยนแผนอย่างรวดเร็ว กลุ่มใหญ่เคลื่อนตัวมาล้อมรอบพวกเขาทั้งคู่จากนั้นพวกมันเริ่มบินหมุนเป็นวงรอบพวกเขาเร็วขึ้นเรื่อย ๆ
ยิ่งพวกวิญญาณบินหมุนวนรอบพวกเขาเร็วมากขึ้นเท่าไหร่ กระแสลมกระโชกแรงก็เริ่มบังเกิดขึ้นพัดเปลวไฟสีดำของเพ่ยเหมียนหมานให้กระจัดกระจายไปรอบ ๆ
ใบหน้าของนางซีด “ข้าทนแบบนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว!”
ลมที่รุนแรงนี้ทำให้นางยิ่งต้องใช้พลังมากขึ้นเพื่อรักษาเปลวไฟสีดำเอาไว้
เสียงของซูอันเริ่มจริงจัง “พวกเรารีบกลับขึ้นไปบนศาลานั้นกันก่อน!”
“มันจะไม่อันตรายไปกว่านี้เหรอ?” เพ่ยเหมียนหมานถามด้วยความกังวล
ซูอันส่ายหัว “บ่อยครั้ง มีเพียงเส้นบาง ๆ เท่านั้นที่แยกระหว่างชีวิตและความตาย ใครจะไปรู้ ทางออกของมิติลับนี้อาจถูกซ่อนไว้ที่นั่น”
พวกเขายังไม่ได้เดินสำรวจจนทั่ว ดังนั้นทั้งสองจึงยังไม่รู้แน่ชัดว่ามีทางออกอื่นอีกหรือไม่ ท้ายที่สุดก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเดินหน้าต่อไป
เพ่ยเหมียนหมานเดินตามชายหนุ่มขึ้นบันไดไปที่ศาลา
หากมองจากมุมสูง ศาลาถูกสร้างมีลักษณะเป็นวงกลม นอกจากหม้อทองแดงขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงกลางแล้ว นอกนั้นก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ
ซูอันรีบตรวจดูว่ามีทางออกซ่อนอยู่หรือไม่ แต่ไม่พบอะไรเลย…
เสียงกรีดร้องและคร่ำครวญดังขึ้นเรื่อย ๆ วิญญาณร้ายดูเหมือนจะตระหนักว่าพวกเขาทั้งสองไม่มีทางออกอื่นอีก เสียงหัวเราะที่แปลกประหลาดและน่าสะพรึงกลัวดังก้องอยู่ในอากาศ
“อาซูตอนนี้เราจะทำยังไงกันดี? ข้าทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว!” เพ่ยเหมียนหมานร้องไห้ น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ลมกระโชกทำให้เปลวไฟของนางอ่อนแรงลงเรื่อย ๆ และมันทำให้นางเหน็ดเหนื่อยจนแทบจะเป็นลม นางไม่แน่ใจว่านางจะทนอยู่ได้อีกนานแค่ไหน
ซูอันขมวดคิ้ว เขากำลังจะตอบ แต่เสียงของหมี่ลี่ดังขึ้นก่อน “ทำไมถึงมีวิญญาณมากขนาดนี้?”
ซูอันรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง “พี่หญิงใหญ่ ในที่สุดท่านก็ตื่นสักที!”
หมี่ลี่สูดอากาศเย็น “เจ้านี่มันนักสร้างปัญหาแท้ ๆ! ดูสิว่ามีวิญญาณพยาบาทมากแค่ไหน เจ้าจะถูกกินถ้าข้าออกมาช้ากว่านี้!”
“ข้ารู้ว่าพี่หญิงใหญ่ยังคงห่วงใยข้าอยู่” ซูอันพูดพลางหัวเราะคิกคัก “ท่านเองก็เป็นวิญญาณเช่นกัน ท่านช่วยคุยกับพวกมันหน่อยจะได้ไหม ช่วยบอกว่าเราอยู่ฝ่ายเดียวกันจะได้หรือเปล่า?”
หมี่ลี่พูดไม่ออกชั่วขณะ
—
ท่านยั่วยุหมี่ลี่สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 233!
—
“เจ้าคิดว่าข้าเป็นตัวอะไร!?”
“เอ่อ…ก็ข้าคิดว่าพวกท่านดูคล้ายกัน ดังนั้นอาจมีบางสิ่งที่เหมือนกัน…”
“ฮึ่ม! วิญญาณเหล่านี้เหลือแต่สัญชาตญาณ พวกมันไม่มีแม้แต่ความคิดเป็นของตัวเอง เจ้าเอาพวกมันมาจะเปรียบเทียบกับข้าได้ยังไง!?”
เมื่อได้ยินความโกรธในน้ำเสียงของนาง ซูอันก็รู้ว่าเขาพลาดและเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว “อะแฮ่ม…พี่หญิงใหญ่ ท่านมีข้อเสนอแนะอะไรไหมว่าเราควรทำอะไรต่อไป?”
“แน่นอนว่าข้าต้องมี” หมี่ลี่กล่าวอย่างภาคภูมิใจ “ข้าคิดว่านี่คือแท่นบูชาของอินซาง”
“แท่นบูชา?” ซูอันมองไปรอบ ๆ ตัว มันไม่เหมือนแท่นบูชาอย่างที่เขาจินตนาการไว้อย่างที่เขาคาดไว้ แต่นั่นก็ไม่สำคัญในตอนนี้ “แท่นบูชาเกี่ยวอะไรกับสถานการณ์ของเราในตอนนี้ด้วย?
หมี่ลี่ตอบว่า “ในอินซางการถวายบูชายัญถือเป็นเรื่องใหญ่ ตั้งแต่เกิดจนตาย การศึกสงคราม เกษตรกรรม…พิธีบูชายัญเกิดขึ้นเสมอในโอกาสสำคัญทุกประเภท เมื่อถวายเครื่องบูชาแล้ว ผู้คนจะขอให้สวรรค์นำทาง ทุกครั้งที่มีการถวายบูชายัญสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการถวาย เนื่องจากที่นี่คือแท่นบูชา การถวายเครื่องบูชาน่าจะช่วยเจ้าให้พ้นจากภัยพิบัติครั้งนี้ได้”
“ถวายเครื่องบูชา?” ผู้คนในโลกสมัยใหม่ค่อนข้างรู้จักพิธีบูชายัญแบบผิวเผิน แค่การเผาเครื่องหอมและพวกเงินกงเต็กนั้นก็ถือว่าเป็นที่สุดของการถวายเครื่องบูชาแล้ว ดังนั้นเขาจะรู้ได้ยังไงว่าต้องถวายอะไรให้สวรรค์พอใจได้?
หมี่ลี่กล่าว “โดยปกติมักจะเป็นการสังเวยสัตว์ แต่ในกรณีของอินซางของบูชาที่ยอดเยี่ยมที่สุดคือชีวิตมนุษย์ ชาวเมืองอินซางเชื่อว่าการถวายเนื้อและเลือดของมนุษย์นั้นเป็นสิ่งที่สวรรค์ชื่นชอบมากที่สุด และจะทำให้การอธิษฐานได้รับผลตอบรับโดยง่าย”
ซูอันคิดถึงภาพเหตุการณ์ตั้งแต่เขาเข้ามาในมิติลับนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ก่อนหน้านี้มีโครงกระดูกสีขาวมากมาย เมื่อยังมีชีวิตอยู่คนเหล่านั้นคงถูกใช้เป็นเครื่องบูชายัญ
“ข้าใช้กระดูกเทาเที่ยเป็นเครื่องสังเวยได้ไหม?” ซูอันถามด้วยความสงสัย
“ชาวอินซางมักจะปรุงเครื่องบูชาในหม้อทองแดง สำหรับพวกเขาหม้อทองแดงนี้มีจุดประสงค์เพื่อทำอาหาร เจ้าจะเอากระดูกสัตว์ที่ถูกวิญญาณร้ายแทะกินแล้วมาปรุงเป็นอาหารอะไรในหม้อนี้ได้?”
ซูอันเต็มไปด้วยความเสียดาย “แล้วตอนนี้ข้าจะหาเครื่องบูชาได้จากที่ไหนอีก???”
“มันจะไปยากอะไร?” เสียงของหมี่ลี่เย็นชา “นังหนูอกภูเขาไฟของเจ้าเป็นเครื่องบูชาที่สมบูรณ์แบบที่สุดแล้วไม่ใช่หรือไง? ซ้ำยังเป็นการบูชาด้วยมนุษย์ซึ่งยอดเยี่ยมที่สุด นางสวยและหน้าอกใหญ่ ข้าเชื่อว่าสวรรค์จะยินดีอย่างยิ่งกับการบูชายัญในครั้งนี้
“ด้วยความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างเจ้ากับนาง ไม่มีเหตุผลใดที่นางจะระวังตัวต่อเจ้า ดังนั้นมันง่ายมากสำหรับที่จะฆ่านาง…”
ซูอันไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เขาเพิ่งได้ยิน
พี่หญิงใหญ่เกลียดเพ่ยเหมียนหมานมากขนาดนี้เลยงั้นเหรอ? นางแนะนำให้ใช้เหมียนหมานใหญ่เป็นเครื่องสังเวยแถมลงรายละเอียดให้ด้วย! เจ้าแค่อิจฉาที่หน้าอกของนางใหญ่กว่าเจ้าหรือเปล่า!?
หมี่ลี่ร้อนใจ “เจ้าควรคิดให้รอบคอบ ไม่เช่นนั้นเจ้าจะต้องตายไปพร้อมกับนาง! ข้าจะไม่สนใจเลยถ้ามันเป็นความตายของเจ้าแค่คนเดียว แต่อย่าลากข้าลงไปกับเจ้าด้วย ถ้าเจ้าทำไม่ได้ ข้าจะช่วยเจ้าเอง!”
“ไม่มีทาง!” ซูอันปฏิเสธทันที จิตใจของเขาปั่นป่วนกังวลว่าหมี่ลี่อาจลองทำอะไรซักอย่างขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวเขาราวกับสายฟ้าฟาด “อันที่จริงข้ามีข้อเสนอ!”