เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 784 นางอาจเป็นย่าของท่าน
———-
บทที่ 784 นางอาจเป็นย่าของท่าน
“เอ๊ะ? ท่านไม่กลัวข้าเหรอ?” เด็กสาวรู้สึกประหลาดใจ ร่างกายของนางกึ่งโปร่งใส และเสียงของนางมีลักษณะที่น่าขนลุกเล็กน้อย
นางคล้ายกับพวกวิญญาณร้ายที่บริเวณบันไดดนตรี แต่การแสดงออกของนางดูสงบกว่ามาก นางไม่ได้ให้ความรู้สึกชั่วร้ายและเต็มไปด้วยความอาฆาต
ซูอันยิ้ม “เจ้าสวยขนาดนี้ทำไมข้าต้องกลัวเจ้าด้วย”
แม้ว่าเด็กสาวที่อยู่ข้างหน้าเขาจะไม่สวยเท่าเพ่ยเหมียนหมานหรือหมี่ลี่ แต่นางก็จัดว่ายังสวยอยู่บ้าง นางมีความอ่อนเยาว์ และชุดที่สวยงามของนางก็ทำให้ซูอันประทับใจ
เพ่ยเหมียนหมานยิ้มเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด
หมี่ลี่กลอกตา ชายคนนี้เปลี่ยนน้ำเสียงได้ไพเราะทุกครั้งที่เห็นผู้หญิง!
น่าเบื่อ!
“ข้าไม่สมควรได้รับคำชมเช่นนี้” เด็กสาวตอบด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
ซูอันพูดต่อไป “ข้าชื่ออาซู และนี่คือเพื่อนของข้า เพ่ยเหมียนหมาน ข้าขอถามเจ้าได้ไหมว่าเจ้าชื่ออะไร?”
“ข้าชื่อเจียง…เจียง…” เด็กสาวขมวดคิ้วกลางประโยค ดูเหมือนไม่แน่ใจเล็กน้อย
“เจ้าชื่อเจียงเจียง?” ซูอันรู้สึกว่าชื่อนี้ค่อนข้างพิเศษ
“ไม่ใช่…” เด็กสาวส่ายหัวและหน้าแดง “มันนานเกินไปแล้ว และข้าลืมชื่อของข้าไปแล้ว ข้าจำได้แค่ว่าแซ่ของข้าคือเจียง…”
หลังจากพูดจบ นางก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา
ซูอันพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง
ลืมชื่อตัวเองไปได้ยังไง เวลาผ่านไปนานแค่ไหน?
หมี่ลี่ถอนหายใจ “ช่างน่าสงสารจริง ๆ”
ทันใดนั้นนางก็รู้สึกเห็นใจเด็กสาวที่น่าสงสารคนนี้ นางเองก็ถูกผนึกไว้ในสุสานมานานกว่าหมื่นปี ถ้าไม่ใช่เพราะนิสัยที่ไม่ยอมอ่อนข้อและความปรารถนาที่จะแก้แค้นจากการถูกทรยศในอดีตของนาง นางอาจลืมชื่อของตัวเองไปแล้วเช่นกัน…
เห็นได้ชัดว่าเด็กสาวคนนี้อายุน้อยกว่านางมากตอนที่ตายลง และเด็กสาวคนนี้ไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างยิ่งใหญ่เหมือนที่หมี่ลี่เคยมี และยิ่งไปกว่านั้น เด็กสาวคนนี้น่าจะตายมานานมากแล้ว มากซะยิ่งกว่าตัวนาง ดังนั้นจึงเป็นที่เข้าใจได้อย่างสมบูรณ์ว่าทำไมเด็กสาวคนนี้ถึงลืมหลายสิ่งหลายอย่างไป
ซูอันพูดเพื่อปลอบโยนเด็กสาว “งั้นข้าจะเรียกเจ้าว่าเจียงเจียงแล้วกัน มันก็ฟังดูไพเราะดี”
“เจียงเจียง?” เด็กสาวชะงักครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มอย่างสดใส “ได้ เรียกข้าว่าเจียงเจียง!”
“ว่าแต่…เจ้าเลี้ยงกุมารทองพวกนี้ไว้เหรอ? ดูเหมือนว่าพวกมันจะเข้ากันได้ดีกับเจ้า” ซูอันมองไปที่กุมารทองที่เท้าของนาง
“ข้าไม่ได้เลี้ยงพวกเขา แต่หลังจากที่ได้ใช้เวลาร่วมกันมานาน เราก็กลายเป็นเพื่อนกันไปแล้ว พวกเขาเป็นเหมือนน้องชายของข้า” เด็กสาวนั่งยอง ๆ แล้วลูบหัวเหล่ากุมารทอง สีหน้าของนางดูอ่อนโยน
ซูอันถามว่า “เจียงเจียง สถานที่แห่งนี้เรียกว่าอะไร?”
“ที่นี่คือเมืองหลวงของราชวงศ์ซาง” ความกลัวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนางเมื่อนางพูดถึงอินซาง “พวกท่านสองคนเป็นชาวซางหรือเปล่า?” นางถามราวกับโยนหินถามทาง
ซูอันส่ายหัว “ไม่ เราไม่ใช่ชาวซาง เราเป็นเพียงนักเดินทางที่หลงทางมายังสถานที่แห่งนี้โดยบังเอิญ”
ชายหนุ่มสังเกตเห็นว่าการแสดงออกของนางเปลี่ยนไปเมื่อนางพูดถึงอินซางดังนั้นจึงกล่าวเสริมต่อ “ตามเวลาของโลกภายนอก อินซางล่มสลายไปนานแล้ว…”
“ล่มสลาย?” เด็กสาวดูตกตะลึงเมื่อได้ยิน แต่มีร่องรอยความสุขที่ชัดเจนในเสียงของนาง
ซูอันพยักหน้ายืนยัน จากนั้นจึงอธิบายคร่าว ๆ เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และชะตากรรมของราชวงศ์ซาง
เพ่ยเหมียนหมานมองเขาด้วยความงุนงง ทำไมนางไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้มาก่อน? ซูอันฝันถึงเรื่องพวกนี้ด้วยหรือไง?
ขณะที่ฟังการเล่าเรื่องของเขา บางครั้งเด็กสาวก็ตกใจและประหลาดใจ หลังจากที่ซูอันสรุปเรื่องราว เด็กสาวก็แสดงความขอบคุณต่อเขาก่อนจะพูดว่า “กลายเป็นว่าหนึ่งหมื่นปีได้ผ่านไปแล้ว…”
นางยังคงจมดิ่งในอารมณ์อยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ จู่ ๆ ก็มีความคิดอื่นเกิดขึ้นกับนาง “แล้วอนารยชนตะวันออกล่ะ?”
ซูอันตอบว่า “อนารยชนตะวันออกก็ถูกกำจัดเช่นกัน แต่พวกเขาถูกทำลายหลังจากอินซางล่มสลาย”
“พวกเขาก็ตายหมดแล้วเช่นกัน…” เด็กสาวจมอยู่กับห้วงความคิดของตัวเองจากนั้นก็ถอนหายใจอีกครั้งและพูดว่า “ข้ารู้อยู่ในใจว่านี่คือผลลัพธ์ที่น่าจะเป็นไปได้ ไม่มีแคว้นใดหรืออาณาจักรใดดำรงอยู่ได้ตลอดไป”
“เจียงเจียง เจ้าเป็นอนารยชนตะวันออกเหรอ?” ซูอันถาม
เด็กสาวพยักหน้า “ใช่ ข้าเป็นลูกสาวของหัวหน้าเผ่าอนารยชนตะวันออก”
“งั้นเจ้าก็เป็นองค์หญิง! เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกเสียใจมากเกินไป แม้ว่าชาวอนารยชนตะวันออกจะถูกกวาดล้าง แต่สายเลือดของพวกเขายังคงดำเนินต่อไป โดยพวกเขาได้หลอมรวมเข้ากับตระกูลอื่น ๆ ของที่ราบลุ่มภาคกลางและกลายเป็นต้นกำเนิดของชาวจีน ตัวอย่างเช่น บรรพบุรุษของอาณาจักรฉินซึ่งต่อมาได้ทำลายราชวงศ์โจว พวกเขาถูกลือกันว่ามีสายเลือดของอนารยชนตะวันออกเช่นกัน”
เขาแอบหันเหลือบไปมองหมี่ลี่ด้วยหางตาและพูดติดตลกว่า “พี่หญิงใหญ่ นี่หมายความว่าเด็กสาวตัวน้อยคนนี้อาจเป็นยายของท่านจริง ๆ ฮ่า ๆ”
หมี่ลี่ไม่รู้สึกขบขัน
ใบหน้าของนางกลายเป็นสีแดง เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับว่าเด็กสาวคนนี้เป็นบรรพบุรุษของนางจริง ๆ
“ฮึ่ม! แม้ว่าราชวงศ์ฉินจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับอนารยชนตะวันออก และแม้ว่าข้าจะเป็นจักรพรรดินีแห่งอาณาจักรฉิน แต่แท้จริงแล้วข้าเป็นองค์หญิงแห่งแคว้นฉู่ นางไม่ใช่บรรพบุรุษอะไรของข้าทั้งนั้น!”
ซูอันไม่ตอบ เพียงแต่หัวเราะ
หมี่ลี่รู้สึกหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิมเมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของซูอัน นางอยากจะทุบเขาซักทีจริง ๆ
—
ท่านยั่วยุหมี่ลี่สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 55…55…55…
—
เด็กสาวผู้ซึ่งกำลังหลั่งน้ำตา ทันใดนั้นใบหน้าเปลี่ยนเป็นมีรอยยิ้ม อารมณ์ของนางดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด “ขอบคุณพี่ชาย”
“พี่ชาย?” ซูอันมีสีหน้าแปลก ๆ เด็กสาวคนนี้อายุมากพอที่จะเป็นย่าทวดของบรรพบุรุษเขา…
ข้าจะเป็นพี่ชายของนางได้ยังไง??
ดูเหมือนว่านางยังเห็นตัวเองเป็นเด็กสาววัยรุ่น
ตอนนี้ชายหนุ่มอยากรู้จักนางมากขึ้นแล้ว ซูอันจึงรู้สึกราวกับว่าก้อนหินก้อนใหญ่ถูกยกออกจากอกของเขา
ก่อนหน้านี้เขากังวลจริง ๆ ว่านางจะเป็นตัวประหลาดที่น่ากลัวอีกตัวที่ซ่อนอยู่ของมิติลับแห่งนี้ “ใช่ เจียงเจียง เจ้ามาที่นี่ได้ยังไง? เจ้ารู้วิธีที่จะออกไปจากที่นี่หรือเปล่า?”
“ข้าถูกจับตัวมาระหว่างการรบครั้งก่อนของอินซางและอนารยชนตะวันออก ข้าถูกพามาที่นี่ในฐานะนักโทษ” ใบหน้าของนางดูหม่นหมองลงอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่านี่เป็นความทรงจำที่เจ็บปวดสำหรับนาง “สำหรับทางออก ข้าทำได้แค่เดา ข้าไม่แน่ใจ”
“บอกข้าที!” ซูอันพูดอย่างตื่นเต้น เพ่ยเหมียนหมานก็ดูมีความสุขเช่นกัน เห็นได้ชัดว่านางก็ไม่ต้องการอยู่ที่นี่อีกต่อไป