เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 85 พระถัง (ต้น)
บทที่ 85 พระถัง (ต้น)
เจ้าหน้าที่กำชับกับซูอัน ว่า “เจ้าควรเข้าไปเองและกลับไปที่ห้องเรียนของเจ้าหลังจากที่เจ้าพบกับอาจารย์ใหญ่เสร็จแล้ว” จากคำพูดของอาจารย์ใหญ่เห็นได้ชัดว่านางไม่อนุญาตให้คนอื่นเข้าไปด้วยนอกจาก ซูอัน เมื่อรู้ว่าหน้าที่ของตัวเองจบแล้ว เจ้าหน้าที่จึงถอยกลับไปหลังจากพูดกับ ซูอัน เสร็จ
ซูอัน ผลักประตูบานใหญ่อันหรูหราเขาไปทันทีซึ่งต่อมาเขาก็ได้เห็นว่าภายในมีโต๊ะทำงานตัวใหญ่ดูเทอะทะอยู่กลางห้อง เขาไม่รู้ว่ามันทำจากไม้ชนิดใด แต่สามารถบอกได้เลยว่าราคาของโต๊ะตัวนี้มันไม่ใช่เล่นๆแน่นอน
สองด้านของห้องมีชั้นวางหนังสือขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยหนังสือมากมายจนแน่นขนัดทุกชั้น ซูอัน พยายามเพ่งอ่านดูชื่อหนังสือมากมายที่วางอยู่บนชั้นวางเหมือนกันแต่เขากลับต้องประหลาดใจเพราะด้วย
ระดับการบ่มเพาะของเขาที่เพิ่มขึ้นมาตอนนี้ การอ่านชื่อหนังจากสันปก
ที่ห่างออกไปเพียงเท่านี้มันควรจะไม่ใช่เรื่องที่เป็นปัญหา แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นว่า ไม่ว่าเขาจะเพ่งมองพวกมันได้ เห็นแค่เพียงตัวหนังสือเบลอ ๆ พร่ามัวไม่ชัดเจนเลยสักเล่ม
“เจ้าคือซูอัน?” เสียงเย็นชาดังขึ้นข้าง ๆ
ซูอัน หันไปมองและเห็นอาจารย์ใหญ่นั่งอยู่บนโซฟาข้าง ๆ
สิ่งแรกที่สายตาของเขาเห็นคือขาที่เรียวยาวและมีเสน่ห์ของนาง ถุงน่องสีดำสะท้อนแสงเป็นมันวาวซึ่งทำให้ชายใดก็ตามที่เห็นเป็นต้องคอแห้ง
ไปทุกคน ต้นขาที่อวบอิ่มของนางจับคู่กับกระโปรงทรงเอของนางยิ่งส่งเสริมความร้อนแรงของนางมากขึ้นไปอีกยังไม่รวมไปถึงเสื้อเชิ้ตรัดรูป
ของนางที่เน้นให้เห็นหน้าอกหน้าใจที่ใหญ่พอ ๆ กับหัวเด็กและใบหน้า
ที่สวยงามและไร้ที่ติของนางถูกเน้นด้วยคอที่เรียวยาวราวกับหงส์และผมของนาง ซึ่งเกล้าทำเป็นมวยผมที่สวยงาม เมื่อรวมเข้ากันทุกอย่างแล้วมันไม่น่าแปลกใจเลยที่นางถูกจัดอยู่ในอันดับ 4 ของ 10 สุดยอดสาวงาม!
“ชอบมองข้าขนาดเลยงั้นเหรอ?” เจียงลั่วฝู ขมวดคิ้วเข้าหากันในขณะที่นางพูดกับ ซูอัน ด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ใช่แล้ว” ซูอันตอบกลับพร้อมกับพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว
“แต่ข้าว่าสายตาของเจ้ามันดูน่ารังเกียจมากไปหน่อยว่าไหม?” ทันทีที่ เจียงลั่วฝู พูดคำเหล่านั้น ซูอัน ก็รู้สึกเหมือนว่าอุณหภูมิในห้องลดลงหลายองศา
ท่านยั่วยุ เจียงลั่วฝู สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +99!
ซูอัน รู้สึกได้ถึงกดดันมหาศาลจนเขาไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ ชายหนุ่มรีบพูดขึ้นอย่างเร่งรีบทันที “sin,cos,tan?”
เจียงลั่วฝู: “???”
ไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ ซูอัน ยังคงถามต่อไปด้วยสีหน้าดึงดันไม่อยาก
จะละทิ้งความคิดในหัวของตัวเองว่า “ข้าขอสาบานอย่างจริงจังว่าข้าหาความดีมิได้?”
**‘ข้าขอสาบานอย่างจริงจังว่าข้าหาความดีมิได้’ ประโยคนี้มาจากนิยายชื่อดัง harry potter**
เจียงลั่วฝู มองไปที่ ซูอัน ราวกับว่านางกำลังดูคนปัญญาอ่อน ไอ้คนคนนี้เป็นคนปกติรึเปล่า?
ในที่สุด เมื่อรู้สึกถึงความกดดันที่ลดลง ซูอัน ก็รีบวิ่งไปเข้าไปหานาง
และถามด้วยสีหน้าตื่นเต้น “พี่สาว ท่านเป็นคนข้ามโลกมาเกิดด้วยใช่ไหม? นับจากนี้ข้าขอสมัครเป็นน้องชายของท่านอย่างเป็นทางการได้รึเปล่าท่านช่วยปกปิดตัวตนของข้าเอาไว้ด้วยจะได้ไหม?”
แต่ก่อนที่เขาจะกระโดดขึ้นไปบนโซฟา เจียงลั่วฝู ยกเท้าของนางขึ้น
เพื่อหยุด ซูอัน
“ข้ามโลกมาเกิดอะไร?” คิ้วของ เจียงลั่วฝู ขมวดแน่น นางไม่เข้าใจเลยว่าไอ้เด็กคนนี้พูดพล่ามเรื่องอะไรกันแน่ แม้ว่านางจะได้ยินข่าวลือว่าบุตรเขยของตระกูลฉู่ เป็นคนไม่เอาไหน แต่นางก็ไม่นึกว่าเขาจะเป็นคนที่มีสติปัญญาไม่สมประกอบได้ขนาดนี้!
ซูอัน รู้สึกประหลาดใจ “เอ๊? ท่านแน่ใจเหรอว่าท่านไม่ใช่คนต่างโลก? แล้วถ้าอย่างนั้นไอ้ชุดคอสเพลย์ที่ท่านใส่อยู่ตอนนี้มันคืออะไร?”
“เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรกัน?” เจียงลั่วฝู รู้สึกสับสนกับเรื่อง
ไร้สาระทั้งหมดที่ ซูอัน พ่นออกมา “เสื้อผ้าชุดนี้ข้าให้ช่างตัดเย็บเลียนแบบมันมาจากเสื้อผ้าที่ข้าเคยเห็นในดินแดนลับที่ข้าเคยไปสำรวจมาก่อนในอดีต
ข้าคิดว่ามันดูน่าสนใจดี ข้าก็เลยออกแบบให้ช่างตัดเย็บมันออกมาให้ข้าใส่ ทำไมเจ้าเคยเห็นมันมาก่อนงั้นเหรอไง?”
“เอ่อ…คือ…คือข้าเคยเห็นชุดแบบนี้ในความฝันมาก่อนน่ะพี่สาว!” แน่นอนว่า ซูอัน ไม่กล้าเปิดเผยที่มาของตัวเองแน่นอน ในเวลาเดียวกัน
เขาสงสัยว่า ‘ดินแดนลับ’ มันคืออะไร แต่น่าเสียดายที่อีกฝ่ายไม่สนใจ
ที่จะอธิบายเรื่องนี้
“ในฝัน?” เจียงลั่วฝู ขมวดคิ้วพร้อมกับครุ่นคิด มันไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่คนเราจะฝันถึงสิ่งแปลก ๆ ที่เกินความเข้าใจของมนุษย์คนอื่น ๆ
เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางเคยได้ยินเรื่องแบบนี้
แต่แล้วในเวลาเดียวกัน ซูอัน ก็สังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่าง
สายตาของเขาเลื่อนต่ำลงโดยไม่รู้ตัว จากตำแหน่งปัจจุบันของพวกเขา
เจียงลั่วฝู ยกเท้าข้างหนึ่งขึ้นเพื่อยับยั้งไม่ให้เขาเดินมาถึงโซฟาซึ่งมันทำให้
เขาสามารถมองเห็นสิ่งที่เขาไม่ควรเห็นได้อย่างชัดเจน
แอ่ก!
ซูอัน รู้สึกได้ถึงแรงมหาศาลกระแทกหน้าอกของเขาก่อนที่ร่างของเขาจะลอยละลิ่วไปกระแทกกับกำแพงอีกฟากหนึ่งของห้อง
หลังจากถีบอกของซูอันเข้าไปเต็ม ๆ เจียงลั่วฝู ก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียง
เย็นชา “ท่านอ๋องฉู่ ขอความช่วยเหลือจากข้าให้ดูแลเจ้า แต่จากการประเมินสภาพอันน่าสังเวชของเจ้าแล้ว ข้าคิดว่าเจ้าคงอยู่รอดในสถาบัน
ได้ไม่เกิน 2 วันแน่!”
ซูอัน ลุกขึ้นยืนพร้อมกับไอออกมาเป็นเลือด อย่างไรก็ตาม เขากลับต้องประหลาดใจเพราะเขาไม่ได้รับบาดเจ็บมากอย่างที่เขาคิด เห็นได้ชัดว่า
เจียงลั่วฝู จงใจผ่อนแรงเอาไว้ “ 2 วันเนี่ยนะ? ท่านไม่คิดว่าท่านพูดเกินไปหน่อยงั้นเหรอ?”
อาจารย์ใหญ่มองไปที่ ซูอัน ด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเขาลุกขึ้นได้อย่างง่ายดายกว่าที่ควรจะเป็น “ดูเหมือนเจ้าจะไม่ได้อ่อนแอเหมือนข่าวลือ
ที่เขาพูดกัน”
รูม่านตาของ ซูอัน ขยายออกด้วยความประหลาดใจเมื่อได้ยินคำพูดนี้ แต่ก่อนที่เขาจะได้ทันได้แก้ตัวอะไร เจียงลั่วฝู พูดขึ้นแทรกก่อนว่า
“เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล ไม่ว่าเจ้าจะกำลังมองหาชีวิตที่เรียบง่าย หรือพยายามทำตัวเป็นหมาป่าที่หุ้มด้วยหนังแกะ มันก็ไม่สำคัญสำหรับข้า ข้าไม่สนิทกับอ๋องฉู่ถึงขนาดที่จะบอกทุกอย่างให้เขารู้”
ซูอัน เช็ดเลือดที่ริมฝีปากของเขาก่อนจะประสานมือคารวะ “ขอบคุณท่านอาจารย์ใหญ่!”
เจียงลั่วฝู พูดต่อด้วยสีหน้าเรียบเฉย “แต่ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งของเจ้าจะเหนือกว่าที่ข้าคิด แต่มันก็ไม่ได้นับว่าโดดเด่นอะไรในสถาบันของข้า
มีนักศึกษาอีกมากมายที่แข็งแกร่งกว่าเจ้าและพวกเขาส่วนใหญ่ก็ไม่ได้อยู่
ใต้อำนาจของตระกูลฉู่ ดังนั้นข้าแนะนำว่าเจ้าอย่าได้สร้างปัญหาใด ๆ
โดยไม่จำเป็น”
ซูอัน ถามกลับด้วยสีหน้าไม่ยินยอมทันที “ท่านอาจารย์ใหญ่ ข้าดูเหมือนคนประเภทที่ชอบสร้างปัญหานักเหรอไง?”
เจียงลั่วฝู เพิกเฉยต่อคำถามของเขาและพูดต่อว่า “ในบริเวณสถาบันนักศึกษาจะไม่ได้รับอนุญาตให้ทะเลาะวิวาทกัน แต่ถ้าทั้งสองฝ่ายตกลงยินยอมประลองกันอย่างเป็นทางการ การต่อสู้ของทั้งคู่จะได้รับอนุญาตให้เกิดขึ้น
แต่จงจำเอาไว้ว่าไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นรูปแบบไหนทางสถาบันถือว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับทั้งสองฝั่ง ดังนั้นเจ้าควรคิดให้รอบคอบก่อนที่จะยอมรับการประลองจากใคร ๆ ก็ตาม”
“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำท่านอาจารย์ใหญ่” ซูอัน รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาสามารถบอกได้ว่า เจียงลั่วฝู ค่อนข้างใส่ใจเขาอยู่เหมือนกัน