เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 86 พระถัง (ปลาย)
บทที่ 86 พระถัง (ปลาย)
เป็นเพราะความสัมพันธ์ของข้ากับตระกูลฉู่รึเปล่า? ดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้น นางบอกว่านางไม่สนิทกับ ฉู่จงเทียน ถ้าเป็นเช่นนั้น… เป็นไปได้ไหมที่นางหลงเสน่ห์รูปลักษณ์อันหล่อเหลาของข้า?
เจียงลั่วฝู หยิบเอกสารที่นางเพิ่งได้รับและเริ่มพลิกดู ครู่ต่อมา
คิ้วของนางก็เริ่มขมวดเข้าหากันอีกรอบ “พรสวรรค์ระดับติงขั้นต่ำ?
เป็นไปไม่ได้! หืม? เจ้าทำลูกแก้วทดสอบแตกระหว่างการทดสอบ
พรสวรรค์งั้นเหรอ?”
ซูอัน ตระหนักได้ในทันทีว่าสถานการณ์กำลังผิดพลาด อย่างไรก็ตาม เขาปฏิเสธไม่ได้เนื่องจากมีสายตามากมายที่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น การพยายามซ่อนสิ่งที่เกิดขึ้นในสถาบันจากอาจารย์ใหญ่นั้นไม่ใช่เรื่องที่ฉลาด ดังนั้นเขาจึงทำได้แต่เพียงยอมรับเท่านั้น “ลูกแก้วมันอาจจะเสียก็ได้นะท่านอาจารย์ใหญ่…”
“มานี้สิ” เจียงลั่วฝู กวักมือเรียก
ซูอัน เดินขึ้นไปหานางในขณะที่กังวลว่าผู้หญิงคนนี้จะส่งเขาบิน
ไปที่กำแพงอีกรอบรึเปล่า?
“ส่งมือของเจ้ามาให้ข้า” เจียงลั่วฝู เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงออกคำสั่ง
ที่เขาไม่อาจปฏิเสธได้
“ท่านกำลังจะทำอะไร?” แม้จะมีคำถามแต่ ซูอัน ก็ยังยื่นมือให้นาง
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปทำให้ดวงตาของเขาเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อ
เจียงลั่วฝู นั่งตัวตรงก่อนที่จะดึงนิ้วของเขาเข้าไปในปากของนาง!
นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นวะเนี่ย!? เป็นไปได้ไหมว่าผู้บ่มเพาะอันดับ 1
ของสถาบัน อาจารย์ใหญ่สุดสวยผู้โด่งดังได้ยอมจำนนต่อความหล่อเหลาของเขาซึ่งมันมากซะจนทำให้นางทนไม่ไหวที่จะอยากได้ร่างกายของเขาในตอนนี้?
นี่นางคิดจะใช้อำนาจของนางเพื่อเอาเปรียบเขาแบบซึ่ง ๆ หน้าแบบนี้
อย่างนั้นเหรอ?
นี่มันเป็นเรื่องที่น่าตลกสิ้นดี! ข้า ซูอัน ในฐานะลูกผู้ชายจะไม่มีวันก้มหัวให้กับการปกครองแบบเผด็จการเช่นนี้ แม้ว่าจะมาจากหญิงสาวแสนสวยก็ตาม
…
เอ…แต่ว่า…ครั้งนี้ข้าควรยอมให้ครั้งนี้สักครั้งดีไหม? หมายถึงเมื่อดู
จากความกระหายของนางแล้วบางทีข้าควรจะขอให้นางอ่อนโยนกับข้า
ในภายหลัง…
“อ๊าก!”
ความเจ็บปวดอย่างฉับพลันทำให้ ซูอัน ร้องเสียงดัง
“คนอย่างเจ้าทนรับความเจ็บปวดแค่นี้ไม่ได้เลยเหรอไง?” เจียงลั่วฝู ผลักเขาออกไปด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ
ซูอัน สังเกตว่ามีรอยกัดเล็ก ๆ บนนิ้วของเขา และเลือดก็ไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน เจียงลั่วฝู ก็เลียริมฝีปากของนาง เลือดสีแดงเข้มที่เปื้อนริมฝีปากสีเชอร์รี่ของนาง ทำให้ผู้ที่มองยิ่งรู้สึกว่านางมีเสน่ห์
ที่น่าเย้ายวนมากขึ้นกว่าเดิมนับสิบเท่า
“นี่เจ้าเป็นหมาเหรอไง!?” ซูอัน ตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าทนไม่ไหว
ความเป็นจริงกับในความคิดมันแตกต่างกันมากเกินไปจนความผิดหวัง
ของเขาแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ
น่าแปลกที่ เจียงลั่วฝู ไม่ได้อารมณ์เสียกับคำพูดที่ฉุนเฉียวของ ซูอัน ในทางกลับกัน นางมองเขาด้วยสายตาที่ซับซ้อน “พรสวรรค์ของเจ้าอยู่ในระดับเลิศล้ำในตำนานนี่นา”
หัวใจของ ซูอัน เต้นผิดจังหวะ ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงต้องการลิ้มรสเลือดของเขา
เจียงลั่วฝู หลับตาลง ดูเหมือนลังเลระหว่างทางเลือกต่าง ๆ
ผ่านไปเนิ่นนาน นางลืมตาขึ้นพร้อมกับสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วถามว่า
“ใครรู้เรื่องนี้อีก?”
ซูอัน ก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว “ข้าขอเตือนเอาไว้เลยว่าอย่ามายุ่งกับข้า คนที่รู้เรื่องนี้มีทั้ง ภรรยาของข้า พ่อตาของข้า และแม่ยายของข้า
พวกเขาทุกคนต่างหนุนหลังข้าอยู่ หากเจ้าคิดทำอะไรกับข้าล่ะก็…”
เมื่อเห็นท่าทีของซูอัน เจียงลั่วฝู หัวเราะลั่น ละลายท่าทีเย็นชาที่นางรักษาไว้ทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนหมดสิ้น “เด็กน้อย เจ้ากังวลว่าข้าจะปลิดชีวิตเจ้างั้นเหรอ? โถ ๆ ๆ ดูจากความอดทนที่เจ้าอุตส่าห์ทนให้ชาวบ้านชาวเมืองเขา
ดูถูกมานาน เจ้าคงมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่บางอย่างอยู่ในใจใช่ไหม? คนที่ตั้งใจแน่วแน่เช่นเจ้าข้าเชื่อว่าแม้แต่ภรรยาของตัวเอง เจ้าก็คงไม่บอกความลับนี้ให้ฟังแน่นอนข้าเดาถูกไหม?”
เมื่อเห็นว่า เจียงลั่วฝู แสดงสีหน้ามั่นใจราวกับมองเขาออกจนทะลุ
ปรุโปร่ง ชายหนุ่ม ก็รู้ทันทีว่าต่อให้เขาจะชักแม่น้ำทั้งห้ามามันก็คงไม่ได้ผล ดังนั้นเขาจึงรวบรวมความกล้าและบอกกัยนางไปว่า “ก็ได้ข้ายอมรับว่าข้า
ไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใคร แต่มีคนมากมายที่รู้ว่าข้ามาที่ห้องทำงานของเจ้าวันนี้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับข้า คนในตระกูลฉู่ จะตามล่าเจ้า!”
“พอได้แล้ว พอ!” เจียงลั่วฝู เริ่มปวดหัวกับท่าทีไม่ลดละของ ซูอัน
นางถูขมับด้วยนิ้วโป้งและพูดว่า “ใครบอกว่าข้าจะฆ่าเจ้า?”
“แล้วทำไมเจ้าถึงต้องมาซักไซ้ข้าเรื่องนี้?” ซูอัน ได้แอบเรียก
เส้นใยสุขสันต์ ขึ้นมาโดยคิดว่าเขาจะยอมเสี่ยงชีวิตกับนางหากนางกล้า
ที่จะลงมือ ตราบใดที่เขาใช้ เส้นใยสุขสันต์ ร่วมกับ แท่งพิษ บางทีเขา
อาจจะสามารถเอาชนะนางได้
“ข้าแค่อยากจะเตือนเจ้าว่าตอนนี้เจ้ายังอ่อนแอเกินไป ถ้าคนอื่น ๆ
รู้ว่าแท้จริงแล้วพรสวรรค์ของเจ้าอยู่ในระดับเลิศล้ำ มันจะนำหายนะมาสู่เจ้าอย่างไม่ต้องสงสัย” เจียงลั่วฝู เอ่ยขึ้น
ซูอัน ตกตะลึง “ร้ายแรงขนาดนั้นเลย?”
เจียงลั่วฝู กลอกตา “ตลอดเวลาที่ผ่านมา พรสวรรค์ระดับเลิศล้ำนั้น
เป็นเพียงแค่ตำนานไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน ดังนั้นหากจู่ ๆ มีผู้บ่มเพาะที่มีพรสวรรค์ระดับเลิศล้ำปรากฏตัวขึ้นอำนาจต่าง ๆ ก็จะต้องพยายามชิงตัวเจ้าไปอยู่ฝั่งของตัวเองเพื่อยกระดับขั้วอำนาจของตัวเองให้สูงขึ้น ซึ่งพวก
ที่ไม่สามารถดึงเจ้าไปอยู่ด้วยได้ก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อทำลายเจ้าให้หายไป
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเขาไม่สามารถยอมให้อำนาจของคู่แข่งเหนือล้ำ
ไปกว่าของตัวเองได้ นอกจากนี้ ยังมีข่าวลืออีกว่าเลือดของมนุษย์ที่มีพรสวรรค์ระดับเลิศล้ำนั้นสามารถนำมาใช้เพื่อ…”
ใบหน้าของ เจียงลั่วฝู แดงเล็กน้อยเมื่อพูดถึงจุดนี้นางหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดตัดประโยคว่า “ไม่ว่าในกรณีใด จนกว่าเจ้าจะแข็งแกร่งพอที่
จะปกป้องตัวเองได้ มันจะเป็นการดีที่สุดสำหรับเจ้าที่จะปกปิดเรื่องนี้ไว้”
ซูอัน กลืนน้ำลายดังเอื้อก ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าการมีพรสวรรค์ที่มากเกินไปมันกลับทำให้เขาเป็นอันตรายยิ่งกว่าการเป็นลูกเขยตระกูลฉู่ซะอีก!
“พูดอีกอย่างคือ ตอนนี้ข้าเป็นเหมือน พระถังซัมจั๋ง งั้นเหรอ?” (มาจากเรื่องไซอิ๋ว ถังซัมจั๋ง คือหลวงจีนผู้ซึ่งมีภารกิจต้องไปอัญเชิญพระไตรปิฎก มาจากชมพูทวีป ซึ่งมีคำเล่าลือในหมู่ปีศาจว่าหากปีศาจตนไหนได้กินเนื้อ
พระถังซัมจั๋ง ปีศาจตนนั้นจะเป็นอมตะทันที)
“ถังซัมจั๋ง? เจ้าหมายถึงอะไรข้าไม่เข้าใจ?” เจียงลั่วฝู งงงวย
ซูอัน เปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว “แต่ก่อนหน้านั้น ที่ประตูโรงเรียน
มีคนอย่างน้อยก็หลายสิบโหลที่เห็นการทดสอบพรสวรรค์ของข้า มันจะเกิดอะไรขึ้นหากคนเหล่านั้นกระจายข่าวออกไป?”
เจียงลั่วฝู ส่ายหัวและตอบว่า “ไม่จำเป็นต้องกังวล พรสวรรค์ระดับเลิศล้ำนั้นเป็นเพียงตำนานสำหรับผู้คนทั้งหลายดังนั้นไม่มีทางที่คนเหล่านั้นจะคิดว่าลูกเขยไร้ความสามารถของตระกูลฉู่จะเป็นอัจฉริยะแน่นอน แต่เพื่อความปลอดภัยเดี๋ยวข้าเองก็จะช่วยลบบันทึกที่เกี่ยวข้องกับเจ้าออกไปให้หมดด้วยเช่นกัน แต่ตัวเจ้าเองช่วงนี้ก็ต้องทำทุกอย่างให้ไม่เป็นจุดเด่นไปด้วย รอเวลาไปอีกสักหน่อยผู้คนก็จะลืมเรื่องทั้งหมดไปเอง”
ซูอัน พยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง “ขอบคุณท่านอาจารย์ใหญ่”
ครู่ต่อมา เขาถามอย่างลังเลว่า “อาจารย์ใหญ่ ทำไมท่านถึงปฏิบัติต่อข้า
ดีนัก?”
เจียงลั่วฝู ยิ้มและตอบกลับว่า “ในฐานะอาจารย์ใหญ่
ของสถาบันจันทร์กระจ่าง มันเป็นความรับผิดชอบของข้าอยู่แล้วที่จะต้องปกป้องนักศึกษาทุกคนของข้า”
“แค่นั้น?” ซูอัน หรี่ตาด้วยความสงสัย
“ไอ้เด็กเหลือขอ เจ้ายังจะหวังอะไรอีก!?” เจียงลั่วฝู จ้องกลับด้วยสายตาหงุดหงิดเต็มทน “เจ้าคิดว่าที่ข้าทำไปเพราะข้าหลงเสน่ห์ของเจ้าเหรอไง!”
“ข้าคิดว่าเหตุผลนั้นน่าเชื่อถือกว่ามาก” ซูอัน บอกกับเธอพร้อม
พยักหน้ารัว ๆ
เจียงลั่วฝู จ้องที่ ซูอัน เป็นเวลานานก่อนที่จะเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย
“มันคงเป็นปาฏิหาริย์จริง ๆ ที่ทำเจ้าสามารถมีชีวิตอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้…”