เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 882 สำนักมารตอบโต้
บทที่ 882 สำนักมารตอบโต้
บทที่ 882 สำนักมารตอบโต้
“ท่านตา อย่าโกรธเลย!” ฉู่โหยวเจาตื่นตระหนกพยายามไกล่เกลี่ยสถานการณ์ “พี่เขย เจ้าไม่รู้ก็อย่าพูด! ท่านตาได้ดูแลพวกเราพี่น้องอย่างดีตลอดหลายปีที่ผ่านมา!”
ฉินเจิ้งเย้ยหยัน “ใครจะสนว่าคนนอกจะคิดเห็นอย่างไรกับความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับลูกสาว? เรายังคงมีความสัมพันธ์กันทางสายเลือด ไม่เหมือนคนอย่างเจ้า”
ซูอันตอบว่า “ถ้าคิดว่านางเป็นครอบครัวจริง ๆ แล้วทำไมท่านถึงขังนางไว้ในเรือนเหมือนนักโทษ? นี่เป็นวิธีการปฏิบัติต่อคนในครอบครัวของท่านตามปกติเหรอ?”
“เจ้า!” ฉินเจิ้งโกรธมาก “เจ้าไม่รู้จริง ๆ เหรอว่า ทำไมข้าถึงจับชูเหยียนกักบริเวณในเรือน? เป็นเพราะข้ากังวลว่านางจะทำอะไรโง่ ๆ เพื่อเจ้า!”
—
ท่านยั่วยุฉินเจิ้งสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 999…999…999…
—
ซูอันค่อนข้างเจ็บปวดใจเมื่อเห็นคะแนนความโกรธแค้นที่เข้ามา พวกขุนนางอาวุโสทุกคนหัวร้อนง่ายขนาดนี้เหมือนกันหมดหรือเปล่า?
ในตอนนี้ เมื่อสิ่งต่าง ๆ มาถึงจุดนี้แล้ว เขาก็จะไม่ถอยกลับ “หากท่านไม่ยอมปล่อยนาง ข้าจะขอให้ฝ่าบาททรงตัดสินเรื่องนี้เอง!”
“แม้แต่จักรพรรดิก็ไม่สามารถเข้ามาแทรกแซงเรื่องภายในตระกูลฉินได้”
แม้ว่านี่คือสิ่งที่เขาพูด แต่ฉินเจิ้งก็เริ่มลังเล ไอ้สารเลวผู้นี้มอบวิชาวัฏจักรหงส์อมตะ ซึ่งทำให้ซูอันกำลังโดดเด่นในสายพระเนตรของจักรพรรดิ ถ้าซูอันเข้าไปขอให้จักรพรรดิตัดสินเรื่องนี้ เขาอาจจะกลายเป็นตัวตลกของราชสำนัก
เขาระงับความโกรธและกล่าวว่า “ไม่มีเหตุผลที่จะโต้แย้งเรื่องนี้กันเอง ทำไมเราไม่ให้ชูเหยียนมาตอบ? มาดูกันว่านางเต็มใจจะไปกับเจ้าหรือไม่!”
หลังจากลังเลเล็กน้อยซูอันก็พยักหน้า “ดี!”
ซูอันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับคำของอีกฝ่าย เขาไม่สามารถใช้กำลังที่นี่ได้เพราะสัมผัสได้ว่าตาเฒ่าผู้นี้น่าจะอยู่ในระดับปรมาจารย์แน่นอน
เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉินเจิ้ง!
ไม่นานฉู่ชูเหยียนก็ปรากฏตัวขึ้น ซูอันเห็นว่าใบหน้าของนางซีดเซียวไปมาก นางกังวลในเรื่องที่ไม่สามารถหาวิธีช่วยเหลือซูอันได้ ดังนั้นทั้งร่างกายและจิตใจจึงอ่อนล้า
เมื่อนางเห็นซูอัน ดวงตาของนางสว่างขึ้นทันที นางโผเข้าไปในอ้อมแขนของเขา “อาซู เจ้าสบายดีไหม?”
ซูอันลูบหลังที่สั่นเทาของนางและพูดเบา ๆ ว่า “ข้าสบายดี ข้าผ่านมันมาได้แล้ว”
ฉู่โหยวเจารู้สึกว่าดวงตาของนางเบิกกว้าง พี่ใหญ่ของนางเย็นชาราวกับน้ำแข็งเสมอ ทั้งยังเป็นหญิงแกร่งที่แบกกิจการครึ่งหนึ่งของตระกูลฉู่ไว้บนบ่า!
ผู้หญิงที่ดูอ่อนแอจนทำอะไรไม่ถูกคนนี้คือพี่ใหญ่ของนางจริง ๆ หรือ!?
มู่หรงชิงเหอยังตกใจกับสิ่งที่เห็น ฉู่ชูเหยียนเป็นหนึ่งในต้นแบบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนางมาโดยตลอด พี่ใหญ่ของนางแต่งกายด้วยชุดสีขาวสง่างามอยู่เสมอ และพรสวรรค์ของนางก็ยอดเยี่ยมมาก มู่หรงชิงเหอมองนางเป็นแบบอย่างและบ่มเพาะอย่างหนักด้วยความหวังที่จะเอาชนะฉู่ชูเหยียนเมื่อมีอายุเท่ากัน
อย่างไรก็ตาม ยิ่งเวลาผ่านพ้นไป ช่องว่างของระดับการบ่มเพาะของพวกนางกลับกว้างมากขึ้นเรื่อย ๆ การเพิ่มการบ่มเพาะของคน ๆ หนึ่งควรจะยากขึ้นเมื่อก้าวหน้าขึ้นไม่ใช่หรือ? นางคิดว่าตัวเองกำลังไล่ตามทันเพราะตอนนี้นางก้าวเข้าสู่ระดับห้าแล้ว แต่ทว่าฉู่ชูเหยียนกลับกระโดดไปอยู่ที่ระดับเจ็ด!
ทำไมผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ถึงชอบผู้ชายแบบนี้?
จากนั้นนางจำการต่อสู้ของนางกับเขาก่อนหน้านี้ได้ และรับรู้ว่าซูอันไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ข่าวลือบอก
ว่าแต่ชายคนนั้นจากตระกูลซือตาบอดเหรอ? ทำไมเขาถึงเรียกซูอันว่าขยะ?
แน่นอนว่าเขายังไม่ดีพอถ้าเทียบกับพี่ฉู่
ดวงตาที่ส่องประกายของนางเลื่อนไปที่ฉู่โหยวเจาอย่างรวดเร็ว
ฉินเจิ้งไม่สามารถทนได้อีกต่อไป “เจ้าสองคนหย่ากันแล้ว พวกเจ้าจะทำให้เกิดเรื่องอื้อฉาวต่อหน้าคนนอกงั้นเหรอ!?”
มู่หรงชิงเหอกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ลังเล ข้าไม่ใช่คนนอก…ข้ากำลังจะแต่งงานกับพี่ฉู่ไม่ช้าก็เร็ว!
ฉู่ชูเหยียนหน้าแดง นางค่อย ๆ ผลักซูอันออกไปก่อนจะพูดว่า “ท่านตา เหตุผลที่เราเพิกถอนการสมรสเป็นเพราะอาซูกังวลว่าตระกูลฉู่จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องร้ายไปด้วย นอกจากนี้ ข้อตกลงการแต่งงานไม่ได้มีความหมายกับข้ามากนัก ในสายตาของข้า เขาเป็นสามีของข้าเสมอ!”
ฉินเจิ้งจ้องมองนางอย่างว่างเปล่า ฉากนี้มันคล้ายกับว่าเขาได้เดินทางย้อนเวลากลับไปในอดีต ในตอนนั้นฉินหว่านหรูได้โต้เถียงกับเขาในลักษณะเดียวกัน ในท้ายที่สุดนางได้เลือกฉู่จงเทียนจอมเจ้าชู้ตัวนั้นและหนีไปด้วยกัน!
ฮึ่ม! จริงด้วยที่มีลูกสาวเหมือนมีส้วมตั้งไว้หน้าบ้าน!
เขาสงบลงและพูดว่า “ไม่สำคัญว่าเจ้าคิดอะไร สิ่งสำคัญคือเจ้าสองคนไม่ได้เป็นสามีภรรยากันแล้วและทุกคนก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน การกระทำของเจ้าจะนำความอับอายมาสู่ตระกูลฉู่และตระกูลฉินของเราเท่านั้น”
ฉู่ชูเหยียนเหยียดริมฝีปากอย่างดูถูก นางไม่เห็นด้วยอย่างชัดเจนแต่ไม่ได้ตั้งใจจะโต้เถียงกับตาของนางในเรื่องนี้
ฉินเจิ้งไม่ลืมเหตุผลที่เรียกนางมา “จงตัดสินใจมาว่าเจ้าจะอยู่ในตระกูลฉินหรือปล่อยให้คนพาลผู้นี้พาเจ้าไป?”
ฉู่ชูเหยียนสับสนกับคำถามของเขา ฉู่โหยวเจารีบวิ่งไปหานางเพื่อเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
หลังจากฟังสิ่งที่นางพูดแล้ว ฉู่ชูเหยียนก็ตอบว่า “ท่านตา ขอข้าพูดเป็นการส่วนตัวกับอาซูได้ไหม?”
ฉินเจิ้งขมวดคิ้ว เขาโบกมือไล่นาง
ฉู่ชูเหยียนพาซูอันออกมาและเข้าไปในห้องของนาง
ซูอันถอนหายใจ “ข้ารู้ว่าเจ้าจะเลือกอะไร แม้ว่าเจ้าจะไม่พูดอะไรก็ตาม เจ้าเป็นคนที่ใส่ใจในหน้าที่อย่างมาก เจ้าจะละทิ้งตระกูลฉินได้อย่างไร?”
ฉู่ชูเหยียนแสดงสีหน้ารู้สึกผิด “ข้าขอโทษอาซู ท่านตาและแม่ของข้าได้ตัดขาดความสัมพันธ์ในฐานะพ่อลูก และแม้ว่าแม่ของข้าไม่เคยพูดอะไรเลย ข้าก็รู้ว่านางรู้สึกเสียใจกับการเลือกของนางเสมอ เนื่องจากนิสัยดื้อรั้นของพวกเขาทำให้ไม่มีใครยอมถอย ดังนั้นบทสรุปจึงขึ้นอยู่กับคนรุ่นใหม่อย่างเราที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์ของพวกเขา โหยวเจาอยู่ภายใต้การดูแลของท่านตามาหลายปีแล้ว และนั่นก็ค่อย ๆ เยียวยาความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองตระกูล ถ้าข้าจากไปตอนนี้ ความพยายามทั้งหมดของเราจะสูญเปล่าและจะไม่มีโอกาสที่จะแก้ไขความสัมพันธ์ของท่านตาและแม่ของข้าอีก นอกจากนี้ จะเกิดอะไรขึ้นกับโหยวเจาที่ยังอยู่ในตระกูลฉิน?”
ซูอันถอนหายใจ “เจ้าคิดถึงคนอื่นอยู่เสมอ แต่ไม่เคยคิดถึงความสุขของตัวเองเลย เจ้าเป็นคนที่เสียสละเพื่อตระกูลเสมอ…”
ฉู่ชูเหยียนยิ้ม “ถ้าไม่ใช่เพราะการเสียสละเหล่านี้ ข้าจะพบเจ้าได้อย่างไร?”
ด้วยความงามและการบ่มเพาะของนาง นางสามารถเลือกผู้ชายที่โดดเด่นของตระกูลที่ยิ่งใหญ่อื่น ๆ ได้ แต่เพื่อประโยชน์ของตระกูลฉู่ นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหาเจ้าบ่าวจากท้องถนนและในที่สุดก็พบซูอัน
นางเต็มใจที่จะเสียสละความสุขตลอดชีวิต ทิ้งความหวังที่จะได้พบคู่รักที่สมบูรณ์แบบสำหรับตัวเอง
ซูอันไม่คิดมาก่อนว่าตัวนางที่ปกติเย็นชาจะระบายความในใจทุกอย่างออกมาแบบนี้ เขาอุ้มนางขึ้นมาในท่าเจ้าหญิงและก้มลงจูบ
ฉู่ชูเหยียนรู้สึกเขินอาย “พวกเขายังรอคำตอบจากเราอยู่”
“ปล่อยให้พวกเขารอไปสิ” ซูอันเย้ยหยันและจูบนางต่อไป
ฉู่ชูเหยียนยอมจำนน นางให้ความสำคัญกับตระกูลเป็นอย่างมากจนบกพร่องต่อคนรักไปหลายส่วน นางรู้ว่าตัวเองทำให้ซูอันต้องทนทุกข์และผิดหวัง ดังนั้นตอนนี้นางจึงปล่อยให้เขาทำตามที่พอใจ
…
ในขณะที่พวกเขาทั้งสองกำลังพัวพันกันอย่างหลงใหล ในที่พักอื่นในเมืองหลวง สมาชิกของสำนักมารกำลังรายงานต่อหญิงสาวคนหนึ่ง “บุตรีสวรรค์ ผู้อาวุโสติ้งถูกทูตยุทธ์เสื้อแพรสังหารและเรือนตระกูลติ้งถูกส่งมอบให้แก่ขุนนางผู้หนึ่ง”
หญิงสาวพ่นลมหายใจ “ในเมื่อทูตยุทธ์เสื้อแพรกล้าแตะต้องคนของเราเช่นนี้ พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามาเช่นกัน! ฆ่าเจ้าของเรือนตระกูลติ้งคนใหม่เพื่อเป็นการเตือน เราไม่ใช่คนที่ใครจะมายั่วยุได้ง่าย ๆ!”