เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 886 นำหมาป่าเข้ามาในบ้าน
บทที่ 886 นำหมาป่าเข้ามาในบ้าน
บทที่ 886 นำหมาป่าเข้ามาในบ้าน
“แค่เจ้าไม่เกลียดข้าก็เพียงพอแล้ว” ซูอันกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น ท้ายที่สุด ไม่มีทางที่ตระกูลซ่างจะปล่อยเขาไปหลังจากเปิดเผยความสัมพันธ์ของเขากับเจิ้งตาน
ทว่าความคิดของซ่างเฉี่ยนคิดไปอีกแบบอย่างสิ้นเชิง “พี่ซู ท่านอย่าได้พูดแบบนี้เลย เราเป็นศัตรูกันเพราะเราอยู่คนละฝั่งแค่เท่านั้น ใครชนะหรือแพ้ขึ้นอยู่กับไหวพริบของอีกฝ่าย และตอนนี้เราคือฝ่ายที่พ่ายแพ้เราจะผูกใจเจ็บไม่เลิกราได้อย่างไร? นอกจากนี้ พูดตามตรง ท่านพ่อของข้าเป็นคนหนึ่งที่เข้าไปยุ่งกับท่านก่อน ท่านแค่ตอบโต้เพราะไม่มีทางเลือก”
ซูอันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “แม่นางซ่าง ความใจกว้างของเจ้าทำให้ข้าประหลาดใจจริง ๆ”
“พี่ซูโปรดเข้ามาในฐานะแขกของเรา ข้าจะบอกให้ท่านพ่อรู้” ดวงตาของซ่างเฉี่ยนสว่างขึ้น นางโบกมือให้ใครบางคนที่อยู่ข้างหลังนาง
“พี่สะใภ้โปรดอยู่เป็นเพื่อนพี่ซูที ข้าจะเอาศพของแม่ชียุงไปให้ท่านพ่อ เขาจะต้องพอใจอย่างแน่นอน”
แม้ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะให้พี่สะใภ้หญิงม่ายรับแขกเพศชายซึ่งเป็นคนนอก แต่ตระกูลซ่างขณะนี้อยู่ในภาวะจำกัดอย่างสาหัส พวกเขาไม่มีคนใช้เหลืออยู่มากมายนัก และไม่มีใครเหมาะสมกับงานนี้มากไปกว่าเจิ้งตาน และด้วยความที่นางต้องรีบไปหาพ่อของนางด้วย นางจึงไม่ทันได้พิจารณาถึงความไม่เหมาะสมที่อาจเกิดขึ้น
ซูอันหันกลับมาและเห็นเจิ้งตานยืนอยู่ไม่ไกลเกินไป นางสวมชุดสีขาวไว้ทุกข์เช่นกัน เมื่อเห็นเขา ใบหน้าของนางเปล่งประกายด้วยความสุข
เจิ้งตานนั้นงดงามมากอยู่แล้ว และเสื้อผ้าสีขาวเหมือนหิมะก็ยิ่งเพิ่มความงดงามของนางมากขึ้นไปอีก
“ไม่มีปัญหาเฉี่ยนน้อย ข้าจะดูแลเขาเอง” เจิ้งตานพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้เสียงของนางฟังดูสงบ
“ขอบคุณพี่สะใภ้” ซ่างเฉี่ยนจดจ่อกับการนำศพของแม่ชียุงไปบอกข่าวดีแก่บิดาของนาง
เมื่อนางจากไป เจิ้งตานก็พยักหน้าไปทางซูอัน “นายน้อยซู โปรดตามข้ามา”
ซูอันไม่สามารถกลั้นหัวเราะได้ เขารู้ว่านางกังวลกับการถูกสายตาจ้องมอง รู้สึกเหมือนพวกเขากลับไปที่สถาบันจันทร์กระจ่าง ในตอนนั้น นางเคยแสร้งทำเป็นไม่สนิทกับเขา และพวกเขาใช้สถานะความเป็นอาจารย์และนักศึกษาเพื่อแอบซ่อนความสัมพันธ์ไว้
เจิ้งตานไม่ได้ปิดประตูเมื่อเข้าไปในห้อง ชายและหญิงในห้องเดียวกันในที่มิดชิดรังแต่จะสร้างแต่ข่าวลือที่ไม่พึงประสงค์
นางพาซูอันไปทางด้านหลังประตูที่ไม่มีใครมองเห็น นางไม่สามารถระงับอารมณ์ได้อีกต่อไป และโผเข้าไปในอ้อมแขนของเขา “อาซู เจ้าไม่เป็นอะไรจริง ๆ เหรอ?” เสียงของนางเต็มไปด้วยความเป็นห่วง
แม้ว่าเขาจะบอกนางซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าเขามีวิธีแก้ไขปัญหาของเขา แต่อีกฝ่ายคือจักรพรรดิผู้บ่มเพาะอันดับหนึ่งของโลก นางไม่เชื่อว่าเขาจะผ่านพ้นวิกฤตไปได้อย่างปลอดภัย ไม่ว่านางจะเชื่อใจเขามากแค่ไหนก็ตาม
“ใช่ ข้าสบายดี ข้าจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว” ชายหนุ่มสัมผัสได้ว่าร่างกายของนางสั่นเทา เขารู้ว่านางมีความกังวลอย่างมากมาโดยตลอด
ในช่วงเวลาสั้น ๆ เสื้อผ้าของเขาก็เปียกโชกไปด้วยน้ำตา เจิ้งตานเป็นผู้บ่มเพาะธาตุน้ำอย่างแท้จริง…หรือว่าตัวนางทำจากน้ำหรืออะไรทำนองนั้น?
ทั้งสองได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกัน
“ทำไมเจ้าถึงสวมเสื้อผ้าเหล่านี้ด้วย? เจ้ายังไว้ทุกข์ให้ซ่างเชียนอยู่เหรอ?” ซูอันกล่าวด้วยความรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย
เจิ้งตานหัวเราะคิกคัก “ข้าไม่ต้องการที่จะสวมใส่มัน แต่…ข้ากลัวว่าจะถูกสาปแช่งหากไม่ทำตามธรรมเนียมประเพณี…”
ซูอันรู้สึกอบอุ่นในใจ “ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการจะพูดอะไร เจ้ากังวลว่าวันนี้ข้าจะต้องตาย เจ้าเลยสวมมันไว้ทุกข์ให้ข้า”
“แต่โชคดีที่เจ้าไม่เป็นอะไร” เจิ้งตานช่วยเขาจัดเสื้อผ้าให้เรียบ นางรู้สึกเขินเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเสื้อผ้าของเขาเปียกโชกไปด้วยน้ำตาของนาง
ซูอันรู้สึกประทับใจกับการแสดงความรักของนางและก้มลงจูบนาง
เจิ้งตานครวญคราง นางโอบแขนรอบคอของเขาและดึงเขาเข้ามาอย่างกระตือรือร้น นางต่างจากฉู่ชูเหยียนที่ขี้อาย พวกเขาเคยแอบมีความสัมพันธ์มาหลายครั้งในสถาบันจันทร์กระจ่าง ดังนั้นนางจึงคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี
ซูอันถูกฉู่โหยวเจาขัดจังหวะในขณะที่เขาอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลฉินจนไม่สามารถปลดปล่อยตัวเองได้อย่างเต็มที่ ในเวลานี้เมื่อมีเจิ้งตานแม่ม่ายที่งดงามอยู่ตรงหน้าเขา มันยิ่งทำให้ซูอันรู้สึกตื่นตัวมากขึ้นกว่าเดิม
ทว่าไม่นานมีเสียงกระแอมเบา ๆ และตามมาด้วยเสียงของซ่างเฉี่ยน “นายน้อยซู พ่อของข้าขอเชิญท่านเข้าร่วมสนทนา”
เจิ้งตานสะดุ้งอย่างหวาดกลัวและผลักเขาออกไปอย่างรวดเร็ว
ซูอันค่อนข้างขัดเขินเช่นกัน แต่นิสัยที่ไร้ยางอายของเขาทำให้เขาฟื้นความสงบได้อย่างรวดเร็ว เขาเดินออกไปและพูดว่า “ข้าอยากพบกับผู้อาวุโสซ่างเช่นกัน หืม? แม่นางซ่าง ทำไมหน้าเจ้าแดงเช่นนี้?”
ซ่างเฉี่ยนมองเขาด้วยความขัดใจ นางอ้าปากพูดแล้วหยุด สุดท้ายนางไม่ได้พูดถึงอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น “อาจเป็นเพราะข้ารีบวิ่งมาที่นี่” นางกล่าว
เห็นได้ชัดว่าคำพูดของนางเป็นการปกปิดความจริง ด้วยระดับการบ่มเพาะของนาง นางจะไม่เสียเหงื่อแม้ว่าจะวิ่งด้วยความเร็วเต็มที่ นี่นางเห็นทั้งหมดเลยหรือเปล่า?
ดูเหมือนจะไม่น่าเป็นไปได้ ถ้านางเห็นอะไรบางอย่าง นางจะไม่เอาเรื่องกับเขาในทันทีหรือ? เขากำลังยุ่งอยู่กับพี่สะใภ้ของนางเลยนะ?
เมื่อมาถึงห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์ตระกูลซ่าง ซ่างหงอยู่ที่นั่นแล้วกล่าวทักทายเขา “เจ้าเป็นผู้มีพระคุณของเราจริง ๆ ผู้เฒ่าคนนี้ขอคารวะ”
ซูอันตกตะลึงกับท่าทีของอีกฝ่าย เขารีบวิ่งไปพยุงซ่างหง เขาจะกล้าปล่อยให้อีกฝ่ายคำนับเขาได้อย่างไร? “ผู้อาวุโสซ่าง! ท่านไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้”
ซ่างหงถอนหายใจ “ลูกชายของข้าตายเพราะแม่ชียุง ระดับการบ่มเพาะของนางสูงเกินไป พวกเราไม่สามารถแม้แต่จะหวังว่าจะหยุดนางได้ มีหลายคนที่ต้องการให้นางตาย แต่พวกเขาทั้งหมดกลับล้มตายซะเองอย่างเปล่าประโยชน์ ข้าไม่ได้หวังแล้วว่าจะชำระแค้นแทนลูกชายได้ในชีวิตนี้ ใครจะไปรู้ว่าสุดท้ายนางต้องมาตายด้วยน้ำมือเจ้า เจ้าจะเป็นอะไรได้อีกถ้าไม่ใช่ผู้มีพระคุณของเรา”
“ระดับการบ่มเพาะของแม่ชียุงนั้นเหนือกว่าข้ามาก” ซูอันตอบ “ที่ข้าฆ่านางได้เพราะโชคช่วยเท่านั้น”
ซ่างหงไม่ได้ถามเขาถึงวิธีที่เขาฆ่าแม่ชียุง “นี่คือสิ่งที่สวรรค์ได้กำหนดไว้ ในเมื่อเจ้าไม่เต็มใจที่จะได้รับการเคารพจากข้า เฉี่ยนเอ๋อร์จงคำนับแทนบิดาและพี่ชายของเจ้า”
ซ่างเฉี่ยนกัดริมฝีปากใบหน้าของนางแดงก่ำ นางเคยเต็มใจที่จะโค้งคารวะให้กับชายผู้นี้มาก่อน แต่หลังจากสิ่งที่นางเพิ่งเห็น การคารวะนั้นยากขึ้นมาก
ถึงกระนั้นนางก็ยังเป็นลูกสาวที่เชื่อฟัง นางรู้ว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ลำบากสำหรับพ่อของนาง และคงจะดีที่สุดถ้านางไม่บอกความจริงกับเขา
นางถอนหายใจ ข้าจะต้องเก็บความจริงนี้ไว้แค่คนเดียว
นางหันไปคารวะซูอัน “ผู้มีพระคุณของเรา…”
ซูอันรีบช่วยนางลุกขึ้นยืน “ได้โปรด ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้! ข้าไม่ได้นำศพของแม่ชียุงมาที่นี่เพื่อให้พวกท่านตอบแทนด้วยบุญคุณ เราเดินทางมาเมืองหลวงด้วยกันและต่อสู้เคียงข้างกัน เราจึงนับได้ว่าเป็นเป็นเพื่อนกัน นี่คือเหตุผลที่ข้านำศพของแม่ชียุงมาให้พวกท่าน ข้าจะรู้สึกอึดอัดหากพวกท่านทำเช่นนี้”
ซ่างเฉี่ยนกะพริบตา ผู้ชายคนนี้ไม่ได้แย่อย่างที่นางคิดไว้