เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 91 ข้าได้ลองด้วยตัวเองแล้ว!(ต้น)
บทที่ 91 ข้าได้ลองด้วยตัวเองแล้ว!(ต้น)
ซูอัน พูดไม่ออกเมื่อเห็นอาการของ เว่ยสั่ว ไอ้เด็กเวรนี่ช่างเป็นคนที่คบหาไม่ได้จริง ๆ !
จากนั้น ซูอัน หันไปหาต้นเสียง ซึ่งเขาก็ได้เห็นว่าไอ้เจ้าหมูอ้วน ม่านอวี้ กำลังเล่าเรื่องเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ในป่าให้กับชายหนุ่มคนหนึ่งฟังอยู่ ซึ่งแน่นอนว่ารายละเอียดมันค่อนข้างที่จะเกินเลยจากความเป็นจริงไปสักหน่อย
ชายหนุ่มที่ยืนขวางทางอยู่จ้องมองมาที่ ซูอัน ด้วยสายตาเย็นชาและเอ่ยถามว่า “เจ้าคือไอ้สารเลว
ที่ชื่อ ซูอัน?”
“ไม่ใช่ ข้าเป็นบิดาของเจ้าต่างหาก” ซูอัน ตอบกลับทันควัน
ท่านยั่วยุ เย่เฉินเหลียง สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +555!
แน่นอนว่าชายหนุ่มผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก ‘ผู้หนุนหลัง’ ไอ้เจ้าอ้วนที่ถูกเขาสั่งสอนไปในป่า
เย่เฉินเหลียง!
“ดี ดีมาก! กล้ายั่วยุแม้กระทั่งข้าที่ยืนอยู่ต่อหน้าเจ้าตรงนี้!” เย่เฉินเหลียง พูดขึ้นพร้อมกับกำหมัดแน่น เป็นเวลานานแล้วที่ไม่มีใครกล้าพูดล่วงเกินเขาถึงขนาดนี้ โดยเฉพาะจากนักศึกษาจากชั้นเรียนสีเหลืองที่ต่ำที่สุด
ซูอัน ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นพวกที่ดีแต่ปากสินะ ถ้าเจ้ามีความสามารถจริง ทำไมไม่วิ่งเข้ามากัดขาข้าล่ะ?”
ท่านยั่วยุ เย่เฉินเหลียง สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +666!
แววตาของ เย่เฉินเหลียง เปลี่ยนเป็นเดือดดาลถึงขีดสุด แต่ในขณะที่เขาเตรียมจะเคลื่อนไหว ตอนนั้นเองที่เสียงล้อเลียนดังขึ้นไม่ไกลนัก “ในฐานะเพื่อนร่วมชั้น ให้ข้าเตือนเจ้าด้วยความปรารถนาดีว่าบทลงโทษสำหรับผู้ที่เริ่มการวิวาทโดยไม่ได้รับอนุญาตในบริเวณสถาบันคือการถูกไล่ออก!”
ซูอัน หันศีรษะไปดูเจ้าของเสียงทันที ซึ่งผู้พูดไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก เซี่ยซิว ซึ่งเขาได้พบที่ทางเข้าสถาบันในตอนเช้า
เย่เฉินเหลียง พ่นลมหายใจอย่างเย็นชา แม้ว่า เซี่ยซิว จะเป็นคนไร้ความสามารถ แต่เขาก็ยังเป็นลูกชายของเจ้าเมือง เย่เฉินเหลียง ไม่กล้าที่จะล่วงเกินตระกูลเซี่ยแน่นอนดังนั้นในตอนนี้เขาจึงทำได้แค่เพียงระงับความโกรธของเขาเอาไว้และหันกลับมาจ้องเขม็งที่ ซูอัน “ก็ได้ งั้นข้าขอท้าประลองกับเจ้า!”
ซูอัน กลอกตา “ข้าดูเหมือนคนรับใช้ตระกูลเจ้าเหรอไงที่ต้องตอบรับคำขอของเจ้าทุกเมื่อที่เจ้าต้องการ? มันคงเป็นเรื่องที่น่าตลกเกินไปหากข้าจะรับคำท้าบ้าบอของเจ้าตามที่เจ้าหวัง! ข้าปฏิเสธ!”
เย่เฉินเหลียง โกรธจนแทบหัวระเบิด “เจ้าไม่กล้าแม้แต่จะยอมรับคำท้าของข้างั้นเหรอ? นี่เจ้ากล้าเรียกตัวเองว่าลูกผู้ชายได้ยังไง!?”
ท่านยั่วยุ เย่เฉินเหลียง สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +777!
ตอนนั้นเองที่ เซี่ยซิว พูดขึ้นจากด้านข้าง “การประลองจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทั้งสองฝ่ายตกลงใจด้วยกันทั้งคู่ เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้กดดันอีกฝ่ายให้ยอมรับการต่อสู้ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม”
ซูอัน เข้าใจว่าตอนนี้ เซี่ยซิว กำลังพยายามอธิบายรายละเอียดกฎของสถาบันแบบอ้อม ๆ ให้เขาฟังอยู่
แววตาของเย่เฉินเหลียงเต็มไปด้วยความเดือดดาล เขาจ้องไปที่ เซี่ยซิว อย่างเย็นชาและพูดว่า “นายน้อยเซี่ย ข้าเชื่อว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับท่าน!”
เซี่ยซิว หัวเราะเบา ๆ แทนคำตอบ “ถึงแม้ว่าเรื่องขัดแย้งของพวกเจ้าจะไม่เกี่ยวอะไรกับข้า แต่ในฐานะรุ่นพี่ มันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอที่ข้าจะให้คำแนะนำเรื่องเกี่ยวกับกฎของสถาบันกับรุ่นน้องที่เพิ่งเข้ามาใหม่?”
เย่เฉินเหลียง เดือดดาลหนักยิ่งกว่าเดิม แต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถทำอะไรกับ เซี่ยซิว ได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงหันความสนใจกลับไปที่ ซูอัน อีกรอบ “ทุกคนต่างพูดกันว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่ ตามืดตามัวแต่งงานกับขยะ ซึ่งก่อนหน้านี้ข้ายังคงไม่เชื่อเท่าไหร่เพราะมันเป็นเพียงแค่ข่าวลือเท่านั้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าข่าวลือมันน่าจะเป็นจริง แท้จริงแล้วเจ้ามันก็แค่ไอ้ขยะที่เก่งแต่ปากเท่านั้น!”
ในเวลานี้ ผู้คนมากมายเริ่มมามุงดูกันเป็นจำนวนมากแล้ว ในตอนแรก ทุกคนคิดว่าเย่เฉินเหลียงกำลังกลั่นแกล้งนักศึกษาระดับล่างอีกครั้ง และยิ่งด้วยรูปร่างหน้าตาอันหล่อเหลาของ ซูอัน ผู้คนทั้งหลายก็ยิ่งรู้สึกเห็นใจ ซูอัน มากไปกันใหญ่
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ทุกคนได้ยินว่าชายหนุ่มผู้ที่กำลังถูก เย่เฉินเหลียง รังแกอยู่นั้นคือ ซูอัน บุตรเขยขยะของตระกูลฉู่ ท่าทีของทุกคนก็เปลี่ยนไปทันที สายตาของพวกผู้ชายแปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชัง
และความริษยาในขณะที่แววตาของเหล่าหญิงสาวนั้นเปลี่ยนเป็นเย็นชาและรังเกียจ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างดูถูกชายผู้นี้ที่ไม่มีอะไรดีเลยนอกจากความหล่อเหลา
ซูอัน รู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่จู่ ๆ คะแนนความโกรธแค้นหลั่งไหลเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง ดูเหมือนว่าภรรยาของข้าจะค่อนข้างดังทีเดียว แค่เพียงตัวตนของเขาถูกเปิดเผยเท่านั้น บรรดานักศึกษาชายทั้งหมดต่างเทคะแนนให้เขาแทบจะพร้อม ๆ กันอย่างบ้าคลั่งจนเพิ่มขึ้นมาอีกหลายพันคะแนน “แหม ๆ ข้าก็แปลกใจอยู่ในตอนแรกว่าทำไมเจ้าถึงต้องทำเรื่องให้ใหญ่โตขนาดนี้ ที่แท้มันกลับกลายเป็นว่าเจ้าเองก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ชื่นชมภรรยาของข้านี่เอง ตอนนี้ข้าไม่น่าแปลกใจแล้วที่เจ้าแสดงความเป็นปฏิปักษ์ต่อข้านัก” ซูอัน มองไปที่
เย่เฉินเหลียง ด้วยรอยยิ้มที่พอใจบนใบหน้าของเขา เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงสิบอันดับสุดยอดสาวงามที่ เว่ยสั่ว กล่าวถึงก่อนหน้านี้ ถ้าข้าจีบพวกนางติดทั้งหมด ผู้ชายทุกคนในสถาบันคงให้คะแนนข้าแบบไม่รู้จบแน่ ๆ เลยใช่ไหม?
“หุบปาก! ขยะอย่างเจ้าไม่คู่ควรเรียกแม่นางฉู่ว่าภรรยา!” เย่เฉินเหลียง แหกปากเสียงดังด้วยสีหน้าเดือดดาล อันที่จริงเขารู้ตัวเองดีอยู่เสมอว่าตัวเขาไม่มีค่าพอกับคุณหนูตระกูลใหญ่เช่น ฉู่ชูเหยียน ดังนั้นที่ผ่านมาเขาจึงทำได้แต่เฝ้ามองอย่างห่างๆมาตลอด แต่ใครจะไปคิดว่าจู่ ๆ เทพธิดาในฝันของตัวเองจะตกไปอยู่ในมือของชายไร้ค่าเช่นนี้ มันไม่มีทางที่เขาจะทนได้ไหวกับเรื่องบ้าบอแบบนี้
ดังนั้น เมื่อเขาได้ยินจาก ม่านอวี้ ว่าคู่กรณีที่ขโมยหินพลังชี่ไปทั้งหมดคือไอ้สารเลวคนนี้ เขาจึงคิดว่ามันเป็นโอกาสอันดีที่จะกำราบชายผู้นี้ลงต่อหน้าทุกคนในสถาบัน ด้วยวิธีนี้ ฉู่ชูเหยียน จะได้รู้ว่าไอ้คนไร้ค่าพรรค์นี้มันไม่คู่ควรกับนางอย่างน้อย ๆ มันก็ต้องเป็นเขาที่คู่ควรกว่า!
ซูอัน ถอนหายใจยาว “ข้าไม่คู่ควรเรียกภรรยาของตัวเองว่าภรรยา? นี่สมองเจ้ามีปัญหารึเปล่าหรือว่าเจ้ากำลังจะบอกว่าคนแปลกหน้าอย่างเจ้าสมควรมาเป็นสามีของนางแทนข้า?”เย่เฉินเหลียง สูดหายใจเข้าลึก พร้อมกับสังเกตเห็นว่าสายตาของผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ตอนนี้เริ่มจับจ้องมาที่เขาแทน เขาจึงจำเป็นต้องสงบใจลงและตอบว่า “เรื่องนั้นข้าไม่ขอเถียงกับเจ้า แม่นางฉู่เป็นเทพธิดาในใจของพวกเราทุกคนข้าคงไม่กล้าที่จะฝันไกลครอบครองนางแน่นอน แต่ตัวเจ้าซึ่งเป็นคนที่นางเลือกแท้ ๆ กลับทำตัวขี้ขลาดที่ไม่กล้าแม้แต่จะสู้กับข้าแบบนี้ ข้าคิดว่าเจ้าควรจะรู้จักที่ของตัวเองแล้วออกไปจากชีวิตนางซะให้ไกลที่สุดอย่าให้นางต้องแปดเปื้อนกับเจ้ามากไปกว่านี้!”