เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 915 ต้นแบบของโซ่เกี่ยววิญญาณ
บทที่ 915 ต้นแบบของโซ่เกี่ยววิญญาณ
บทที่ 915 ต้นแบบของโซ่เกี่ยววิญญาณ
“เพิ่งถูกเลื่อนตำแหน่งเหรอ?” องค์หญิงรัชทายาทกะพริบตา “ช่างเป็นบุรุษที่น่าชื่นชมยิ่ง”
“องค์หญิงรัชทายาทชมเกินไปแล้ว” ซูอันเคยเห็นท่าทางเย่อหยิ่งของนาง และพบว่ามันยากที่จะปรับตัวให้เข้ากับด้านที่อ่อนโยนของนางที่แสดงในตอนนี้
องค์หญิงรัชทายาทยิ้มเมื่อได้ยินเขาพูด ด้วยเหตุผลบางอย่าง นางแอบหวังว่าทูตยุทธ์เสื้อแพรคนนี้จะไม่ใช่ชายวัยกลางคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนเฒ่าชรา
ซูอันตกตะลึง ปกติเขาไม่เคยเห็นนางยิ้มมาก่อนเลย แถมการแสดงออกที่ร้ายกาจของนางยังบดบังความงามของนางไปซะเกือบหมด นางดูมีเสน่ห์และงดงามมากจริง ๆ เมื่อยิ้มแย้มอย่างตอนนี้
“หลิงหลง รอยยิ้มของเจ้างดงามจริง ๆ ทำไมข้าไม่เคยเห็นเจ้ายิ้มมาก่อนเลย?” รัชทายาทหยุดพยายามยื่นปากเป่าหัวตัวเอง ดวงตาของเขาเบิกกว้าง แม้ว่าเขาจะโง่เขลา แต่มนุษย์ทุกคนต่างก็ชมชอบความงามโดยธรรมชาติ
องค์หญิงรัชทายาทจ้องมองเขาด้วยความรำคาญ เจ้าไม่รู้จริง ๆ เหรอว่าทำไมข้าถึงไม่เคยยิ้มให้เจ้า?
ในขณะเดียวกัน กระบี่ของชิวฮัวเล่ยก็พุ่งแทงเข้ามาอย่างกะทันหัน องค์หญิงรัชทายาทคนนี้เคยทำงานในหอคณิกาหรืออย่างไร!? พอรู้สึกปลอดภัยขึ้นเล็กน้อยนางกลับหลอกล่อผู้ชายต่อหน้าสามีที่อยู่ข้าง ๆ นาง!
นักฆ่าคนอื่น ๆ รีบเข้ามาสมทบเช่นกันด้วยความตั้งใจที่จะกำจัดรัชทายาท ไม่ว่าจะสูญเสียกำลังคนเท่าไรก็เป็นเรื่องที่ยอมรับได้ตราบเท่าที่บรรลุเป้าหมาย
ซูอันรู้สึกปวดหัว เขาจะยืนเฉย ๆ ปล่อยให้พวกของชิวฮัวเล่ยเล่นงานรัชทายาทภายใต้สายตาผู้คนนับไม่ถ้วนได้อย่างไร? ถ้าจักรพรรดิไม่ประหารเขาก็แปลกแล้ว!
นี่คือเหตุผลที่เขาจำเป็นต้องหยุดชิวฮัวเล่ย เขาพูดผ่านกระแสพลังชี่ “ฮัวเล่ย! เจ้าควรออกไปจากที่นี่ จูเซี่ยฉือซินมาถึงแล้ว พวกเจ้าไม่มีโอกาสอีกแล้ว!”
“รอหลังจากฆ่ารัชทายาทและผู้หญิงคนนี้เสร็จแล้วค่อยไปก็ยังไม่สาย และจากนั้นเจ้าก็ไปกับพวกเราด้วย!” ชิวฮัวเล่ยตอบอย่างเฉยเมยเมื่อเห็นเขาปกป้ององค์หญิงรัชทายาทตลอดเวลา
—
ท่านยั่วยุชิวฮัวเล่ยสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +555…+555…+555…
—
ซูอันสามารถเข้าใจได้ว่าทำไมชิวฮัวเล่ยถึงโกรธ ถ้าไม่ใช่เพราะจู่ ๆ เขาก็โผล่เข้ามาทำลายภารกิจของพวกนาง พวกนางคงจะทำสำเร็จไปแล้ว…
แต่จากมุมมองของเขา ไม่มีทางที่ตัวเองจะยืนดูเฉย ๆ โดยไม่ทำอะไรเลยได้! นี่เป็นปัญหาของการอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน มักจะมีเหตุให้ต้องเลือกข้างเสมอ
ในช่วงเวลานี้ ทูตยุทธ์เสื้อแพรและทหารองครักษ์กลุ่มใหม่รีบเข้ามา คนของสำนักมารค่อย ๆ กลายเป็นฝั่งที่เสียเปรียบ
ซูอันเริ่มตื่นตระหนก “ฮัวเล่ย ถ้าเจ้าไม่ไปตอนนี้จะไม่มีโอกาสแล้ว!”
ในตอนแรกเขากังวลว่านักฆ่าจะทำร้ายรัชทายาทและองค์หญิงรัชทายาท แต่ตอนนี้เขาเริ่มกังวลเกี่ยวกับชิวฮัวเล่ยขึ้นมาแทน
ชิวฮัวเล่ยกัดริมฝีปาก นางยังลังเล
เสียงที่เย็นชาแต่ชัดเจนของเจ้าสำนักมารดังมาจากอีกด้านหนึ่ง “ผู้มีเกียรติย่อมปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความสุภาพและเมตตา ผู้ที่ถ่อมตนจะได้รับพรจากสวรรค์!”
เหล่านักฆ่าเมื่อได้ยินประโยคนี้ชะงักไปชั่วครู่จากนั้นพวกเขาเริ่มโจมตีอย่างรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก
“ทุกคน ระวัง! ปกป้ององค์รัชทายาทและองค์หญิงรัชทายาท!”
ซูอันงงงวย เห็นได้ชัดว่าสำนักมารเสียเปรียบอย่างมาก แต่ทำไมคนเหล่านี้ยังคงโจมตีอย่างบ้าคลั่งขนาดนี้? เป็นไปได้ไหมที่สำนักมารไม่สนใจชีวิตของสมาชิก?
เขารีบเตือนชิวฮัวเล่ยว่า “ทำไมเจ้ายังเสี่ยงชีวิตเพื่อเจ้าสำนักของเจ้า ถ้านางไม่สนใจพวกเจ้าแบบนี้!? เจ้าต้องรีบหนีไป ข้าจะช่วยเจ้าเอง!”
ชิวฮัวเล่ยรู้สึกใจอ่อนเมื่อนางได้ยินคำพูดที่แสดงความกังวลของเขา สีหน้าของนางผ่อนคลายลงอย่างมาก “เจ้าเข้าใจผิดแล้ว นี่เป็นคำสั่งถอยที่เราเข้าใจกันดี ทุกคนกำลังจะถอนตัว”
ในที่สุดซูอันก็ตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้น หากประกาศตรง ๆ ว่าสำนักมารกำลังถอย ฝั่งทหารจะมีขวัญกำลังใจเพิ่มขึ้นในทันที ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นการหลบหนีจะกลายเป็นยากลำบากยิ่งขึ้นหลายเท่า
แต่ถ้าแสร้งโจมตีรุนแรงขึ้น ฝั่งทหารองค์รักษ์จะกลายเป็นมุ่งให้ความสนใจกับการรักษาความปลอดภัยของบุคคลสำคัญแทนและปล่อยให้คนของสำนักมารหนีไปได้โดยง่าย
นักฆ่าชุดดำต่างมองหาโอกาสที่จะหลบหนีทีละคน โดยมีกลุ่มคนที่นำโดยชิวฮัวเล่ยรั้งอยู่หลังสุด
จูเซี่ยฉือซินซึ่งกำลังต่อสู้กับเจ้าสำนักมารบนท้องฟ้าโกรธมากเมื่อเห็นภาพนี้ “พวกเจ้าจะไปไหน!? ไม่มีใครไปจากที่นี่ได้!!”
พูดจบจูเซี่ยฉือซินซัดฝ่าลงไปเบื้องล่าง ฝ่ามือยักษ์ที่ลุกโพลงไปด้วยเปลวไฟพุ่งลงมาจากฟากฟ้าและทับลงบนกลุ่มนักฆ่าที่กำลังถอนตัว อำนาจของมือยักษ์นั้นไม่ใช่สิ่งที่ผู้บ่มเพาะทั่วไปสามารถต้านทานได้ นักฆ่าหลายคนถูกบดขยี้เป็นเถ้าถ่านทันที
แต่นักฆ่าที่เหลือรอดไม่ได้ตื่นตระหนกเลย ทุกคนยังคงถอนตัวออกไปอย่างเป็นระเบียบ…
เสียงของหญิงสาวเจ้าสำนักมารดังขึ้นอีกครั้ง “คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า!”
ลำแสงสีดำชั่วร้ายจู่ ๆ พุ่งออกจากกำแพงวัง ซูอันรู้ว่ามันเป็นกระบี่บินที่เกือบจะคร่าชีวิตเขาไปก่อนหน้านี้!
กระบี่สุกใสเปล่งปลั่ง มันสั้นกว่ากระบี่ธรรมดาเล็กน้อย และดูเล็กลงยิ่งกว่าเดิมเมื่ออยู่ต่อหน้าฝ่ามือไฟขนาดยักษ์ที่ลุกโชติช่วง
แต่กระบี่บินเล่มเล็กเล่มนี้กลับแทงทะลุผ่านฝ่ามือเพลิงสร้างรูโหว่ขนาดใหญ่ขึ้นที่กลางฝ่ามือนั้น จากนั้นรูนั้นก็ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เกือบจะเหมือนกับว่ามันถูกทำลายโดยกฎธรรมชาติประเภทหนึ่ง จากนั้นฝ่ามือเพลิงจึงหายไปอย่างสมบูรณ์
จูเซี่ยฉือซิน “???”
ซูอันตอนนี้รู้สึกดีขึ้นมาก เขาไม่คิดว่าจูเซี่ยฉือซินจะได้รับประสบการณ์แบบเดียวกันจากไอ้กระบี่บินนั่น!
จูเซี่ยฉือซินขมวดคิ้วมองไปที่เจ้าสำนักมาร “นี่เจ้าอยู่ในระดับปรมาจารย์หรือเปล่า?”
หญิงสาวพูดอย่างเฉยเมยว่า “เจ้าจะรู้เองหากสู้กับข้าต่อไปไม่ใช่หรือไง? การหยั่งเชิงถามแบบนี้มันไม่เหมาะกับภาพลักษณ์ของผู้บัญชาการทูตยุทธ์เสื้อแพรสักเท่าไรนะว่าไหม?”
ดวงตาของจูเซี่ยฉือซินหรี่ลงด้วยเจตนาฆ่าที่เพิ่มพูน แขนเสื้อของเขาโป่งออก จากนั้นสายโซ่สีดำสนิทพุ่งออกเข้าใส่เจ้าสำนักมาร!
ซูอันตกตะลึง “โซ่เกี่ยววิญญาณ!”
เขาเคยเห็นลูกน้องของหวงฮุ่ยฮงใช้โซ่เกี่ยววิญญาณเหล่านี้ มันสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้มากมายด้วยการประสานพลังร่วมกัน นอกจากนี้ โซ่เกี่ยววิญญาณยังสามารถบั่นทอนการไหลเวียนพลังชี่ของเป้าหมาย มันถือว่าเป็นอาวุธที่ทรงพลังยิ่ง
ดูเหมือนว่าเหตุผลที่โซ่เกี่ยววิญญาณกลายเป็นอาวุธมาตรฐานสำหรับทูตยุทธ์เสื้อแพรส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับจูเซี่ยฉือซิน เขาสร้างอาวุธที่เหมาะสมสำหรับผู้ใต้บังคับบัญชาตัวเองโดยใช้อาวุธของเขาเป็นต้นแบบ สมแล้วที่เป็นผู้บ่มเพาะระดับปรมาจารย์ที่ทรงพลัง!
ซูอันสังเกตเห็นได้อย่างรวดเร็วว่าโซ่เกี่ยววิญญาณในมือของจูเซี่ยฉือซินแตกต่างจากที่เขาเคยเห็นมาก่อนเล็กน้อย ปลายโซ่สีดำสนิทนี้มีใบมีดรูปเคียวสีเงิน มันดูเหมือนอาวุธของยมฑูตไม่มีผิด!
นี่คือต้นแบบของโซ่เกี่ยววิญญาณ โซ่ตรวนวิญญาณ!