เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 917 การโจมตีถูกจังหวะ
บทที่ 917 การโจมตีถูกจังหวะ
บทที่ 917 การโจมตีถูกจังหวะ
ซูอันจำได้ว่าหญิงสาวเจ้าสำนักมารได้ใช้พลังส่งชิวฮัวเล่ยไปทางทิศตะวันออก ดังนั้นชายหนุ่มจึงรีบรุดไปทางนั้นเช่นกันโดยหวังว่ามันจะเป็นการดีที่สุดหากตอนนี้นางหนีรอดออกจากพระราชวังไปแล้ว…
ทว่าไม่นานนัก เขาก็ได้ยินเสียงการเข่นฆ่าดังมาจากบริเวณใกล้เคียง ดังนั้นจึงรีบมุ่งหน้าไปอย่างรวดเร็ว
ภายในสวนหินเขาสังเกตเห็นกลุ่มทหารรายล้อมบุคคลที่สวมชุดดำหลายคน ซึ่งกำลังพยายามปกป้องสหายคนหนึ่ง
“ชิวฮัวเล่ย!” ซูอันจำนางได้ทันที
เขาประเมินสถานการณ์ด้วยสีหน้ามืดมน นี่ไม่ใช่ทหารธรรมดาแต่เป็นผู้ที่ได้รับการบ่มเพาะมาอย่างดีซึ่งนำโดยชายชุดเกราะสีทอง น่าจะเป็นกองพลซ้ายแม่ทัพเฉิงซยง เขาเป็นผู้บ่มเพาะระดับแปด
กลุ่มนักฆ่าเสียเปรียบด้านจำนวนอยู่แต่แรกแล้ว ดังนั้นตอนนี้เมื่อเผชิญกับเฉิงซยงผู้บ่มเพาะระดับแปด กลุ่มของชิวฮัวเล่ยจึงยิ่งเสียหายหนัก ถ้าไม่ใช่เพราะกลุ่มของนางมีผู้บ่มเพาะที่เคยสู้กับอาจารย์ของรัชทายาทอย่างสูสีก่อนหน้านี้ พวกนางคงตายกันทุกคนไปนานแล้ว
น่าเสียดายที่ผู้บ่มเพาะสำนักมารที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มของนางได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้ที่วังตะวันออก เขาจึงไม่ใช่คู่มือของเฉิงซยงซึ่งอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อม
นักฆ่าส่วนใหญ่ถูกฆ่าไม่ก็ถูกคร่ากุมไว้แล้ว ผู้บ่มเพาะสำนักมารที่เหลือรีบผลักชิวฮัวเล่ย “รีบออกไปจากที่นี่!”
ดวงตาของชิวฮัวเล่ยเต็มไปด้วยน้ำตา แต่นางรู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะแสดงอารมณ์
นางกัดฟันหนีอย่างหัวซุกหัวซุน นางไม่ต้องการให้การเสียสละของสหายร่วมสำนักไร้ประโยชน์ อย่างไรก็ตาม เสียงหัวเราะอันชั่วร้ายของเฉิงซยงก็ตามนางมา “เจ้าคิดจะหนีไปไหน?”
ฝ่ามือของเฉิงซยงกระแทกเข้าที่หน้าอกของผู้บ่มเพาะสำนักมารคนสุดท้าย ผู้บ่มเพาะสำนักมารชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะทรุดตัวลง และก่อนที่เขาจะทันได้ลุกขึ้นอีกครั้งกระบี่ของทหารราชองครักษ์คนหนึ่งได้พาดเข้าที่คอของเขาแล้ว
เฉิงซยงไม่ได้หยุดเลย เขาติดตามชิวฮัวเล่ยไปในทันทีโดยมั่นใจว่าเขาจะตามนางทันภายในสามลมหายใจ ชิวฮัวเล่ยอยู่ในระดับที่หกเท่านั้น ความแตกต่างระดับการบ่มเพาะระหว่างพวกเขามีมากเกินไป
ชิวฮัวเล่ยรู้ว่าศัตรูกำลังเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว นางเริ่มรู้สึกสิ้นหวัง ความขมขื่นเล็กน้อยผุดขึ้นในหัวใจของนาง “เจ้าโง่คนนั่นเสี่ยงชีวิตปกป้ององค์หญิงรัชทายาท แต่ตอนนี้ข้าจะตายอยู่แล้วยังไม่เห็นหน้าเขาเลย!”
นางตัดพ้อทั้งที่ในใจเข้าใจดี สมาชิกสำนักได้แยกย้ายกันหลบหนีไปทุกทิศทุกทาง เพื่อที่จะไม่ถูกล้อมจับหลังจากออกจากวังตะวันออก กลุ่มของพวกนางโชคไม่ดีที่บังเอิญเจอแม่ทัพกองพลซ้ายเข้า
แม้แต่นางเองก็คาดเดาความโชคร้ายของตัวเองไม่ได้ แล้วซูอันจะรู้ได้อย่างไร?
ด้วยขนาดของวัง มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะหานางเจอ แม้ว่าจะต้องการช่วยนางก็ตาม
นางจับมีดสั้นที่เอวด้วยสีหน้ามุ่งมั่น ทุกคนในภารกิจนี้ตกลงที่จะแสร้งทำเป็นคนของราชันลมปราณ หากถูกจับได้ ทุกคนที่ได้รับเลือกให้เข้าร่วมภารกิจนี้ไม่มีใครกลัวความตาย
แต่ถึงอย่างนั้น นางก็รู้ว่าตัวนางไม่สามารถถูกจับตัวไปได้แบบเป็น ๆ แม้ว่าคนอื่นจะถูกจับก็ตาม ประการแรก นางมีสถานะพิเศษภายในสำนัก และประการที่สอง นางเป็นหญิงงาม เมื่อถูกจับได้ นางจะต้องถูกข่มเหงแน่นอน
นางได้ตัดสินใจที่จะพลีชีพในระหว่างภารกิจนี้ สหายของนางต่างเสียสละตัวเองเพื่ออุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ นางจะแตกต่างกันได้อย่างไร?
สิ่งหนึ่งที่นางเสียใจคือนางจะไม่ได้เจอหน้าชายคนนั้นอีกก่อนที่นางจะตาย…
ทว่าในขณะที่กำลังสิ้นหวังนั้นเอง ดาบที่ลุกโชดช่วงไปด้วยเปลวไฟยาวหลายจั้งฟาดฟันลงมา ใบหน้าของนางซีดเผือด พระราชวังเต็มไปด้วยผู้บ่มเพาะเก่งกาจมากมายเกินไป นางอาจไม่สามารถตายได้ง่าย ๆ อย่างที่นางต้องการ
แต่แล้วน่าแปลกที่ดาบเพลิงนั้นไม่ได้โจมตีนาง แต่กลับฟันเข้าหาเฉิงซยงที่ไล่ตามมาแทน!
เฉิงซยงตื่นตระหนกยกแขนขึ้นป้องกันตัวเอง กำไลเหล็กรอบแขนของเขาหมุนอย่างรวดเร็วส่งเสียงบาดแก้วหูเมื่อปะทะกับกระบี่เพลิง
ตู้ม!
เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น ร่างของเฉิงซยงถูกแรงปะทะกดดันจนกระเด็นถอยกลับเหยียบก้อนหินใหญ่จนแตกเป็นเศษเล็กเศษน้อย เฉิงซยงโบกมือปัดฝุ่นควันที่ฟุ้งกระจาย ไม่มีนักฆ่าให้เห็นแล้ว
ขณะเดียวกัน จู่ ๆ อำนาจกดดันอันน่าสะพรึงกลัวก็แผ่ขยายออกจากฝั่งวังตะวันออก เฉิงซยงหันควับไปทางวังตะวันออกด้วยสีหน้าตกตะลึง “แม้แต่องค์จักรพรรดิก็ยังทรงมีส่วนร่วมด้วย! ผู้ใดกันที่ควรค่าพอให้พระองค์ลงมือด้วยตนเองเช่นนี้?”
ในวังตะวันออก จูเซี่ยฉือซินพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อหยุดนักฆ่าที่พยายามหลบหนี แต่น่าเสียดายที่การโจมตีทั้งหมดของเขาถูกป้องกันได้อย่างง่ายดายโดยกระบี่บินของนักฆ่าหญิงผมยาว
กระบี่บินนี้บินไปรอบ ๆ หญิงสาวอย่างอิสระ ยับยั้งโซ่ตรวนวิญญาณของเขาได้อย่างสมบูรณ์ทุกครั้ง
จูเซี่ยฉือซินขมวดคิ้ว เขาพยายามเค้นสมองหาว่ามีผู้บ่มเพาะหญิงคนใดบ้างที่ใช้กระบี่บินแบบนี้และอยู่ในระดับปราชญ์ด้วย น่าเสียดายที่ไม่ว่าจะนึกอย่างไรก็นึกไม่ออก มีตัวเลือกที่เป็นไปได้สองสามคน แต่ไม่มีคนใดที่เหมือนกับผู้หญิงที่กำลังเผชิญหน้าอยู่
หลังจากปะทะกันไปหลายสิบกระบวนท่า หญิงสาวยิ้มและพูดว่า “ข้าจะไม่เล่นกับเจ้าแล้ว”
ดูเหมือนว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นในบริเวณใกล้เคียง นางต้องไปช่วยชิวฮัวเล่ย
แต่ทันทีที่นางจะจากไป จูเซี่ยฉือซินก็พุ่งเข้ามาขวางทางของนาง
หญิงสาวขมวดคิ้ว “ทำไมเจ้าดื้อด้านขนาดนี้? เจ้าก็รู้ว่าตัวเจ้าเองไม่สามารถหยุดข้าได้ หากเราสู้กันต่อไปมันมีแต่รากฐานการบ่มเพาะของเจ้าจะเสียหาย ซึ่งเจ้าจะต้องใช้เวลาหลายสิบปีกว่าจะฟื้นตัว”
จูเซี่ยฉือซินถอนหายใจ “ปฏิเสธไม่ได้ว่าระดับการบ่มเพาะของเจ้านั้นสูงกว่าข้า และข้าแทบไม่เคยเห็นใครในระดับเดียวกับเจ้าเลย น่าเสียดายที่ถึงแม้ข้าจะหยุดเจ้าไม่ได้ แต่อย่าลืมว่านี่คือพระราชวัง! เจ้าเชื่อจริง ๆ เหรอว่าองค์จักรพรรดิจะไม่สามารถหยุดยั้งเจ้าได้?”
หญิงสาวหัวเราะ “ไม่ต้องมาขู่ ข้ารู้ว่าตอนนี้จักรพรรดิของเจ้า…ไม่สามารถปรากฏตัวได้!”
“เจ้าแน่ใจเหรอ?” จู่ ๆ พระราชโองการสีทองปรากฏขึ้นในมือของจูเซี่ยฉือซิน เขาคลี่มันออกอย่างรวดเร็วและเริ่มท่อง “โอรสสวรรค์มีราชโองการ…”
หญิงสาวตื่นตัว นางรู้ว่าทูตยุทธ์เสื้อแพรสามารถเป็นผู้แทนจักรพรรดิได้ แต่นี่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อย ทำไมจูเซี่ยฉือซินถึงกับต้องอัญเชิญโองการของจักรพรรดิตอนนี้?