เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 918 พระจันทร์เสี้ยว
บทที่ 918 พระจันทร์เสี้ยว
บทที่ 918 พระจันทร์เสี้ยว
นักฆ่าหญิงไม่กล้าลังเล กระบี่บินของนางพุ่งออกไปเป็นแนวโค้งเข้าหาจูเซี่ยฉือซิน หมายมั่นว่าจะหยุดเขาให้ทันก่อนที่จะอัญเชิญพระราชโองการสำเร็จ
น่าเสียดายจูเซี่ยฉือซินไม่ใช่ผู้บ่มเพาะระดับปลายแถว ไม่มีทางที่เขาจะหยุดอัญเชิญได้ง่าย ๆ
เมื่อกระบี่บินมาถึงเขา ฝ่ามือยักษ์สีทองก็พุ่งออกจากพระราชโองการรับมันเอาไว้
กระบี่บินที่เคยสามารถเจาะฝ่ามือเพลิงของจูเซี่ยฉือซินได้ก่อนหน้านี้ ถูกหยุดทันทีเมื่อเผชิญกับฝ่ามือสีทองและเริ่มสั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง
ฝ่ามือสีทองเคลื่อนไปต่อโดยไม่หยุด กระบี่บินค่อย ๆ แตกสลายไปทีละน้อยอย่างช้า ๆ และฝ่ามือเคลื่อนเข้าใกล้เกือบถึงตัวหญิงสาว
จูเซี่ยฉือซินยังคงจ้องมองนาง ความเสียหายของกระบี่บินน่าจะส่งผลให้นางบาดเจ็บ แต่ทำไมผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนยังอยู่เป็นสุขดีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น?
เป็นไปได้ไหมว่ากระบี่บินไม่ใช่อาวุธที่แท้จริงของนาง?
หัวใจของหญิงสาวเต้นแรงและสีหน้าของนางก็เคร่งเครียด ทันใดนั้นนางโบกแขนและดวงจันทร์เสี้ยวอีกดวงลอยอยู่เบื้องหลัง
“ห้ะ? ทำไมถึงมีดวงจันทร์ปรากฏอีกดวง?” หลายคนในวังตะวันออกขยี้ตา
พระจันทร์เสี้ยวนั้นฉายแสงเจิดจ้าและเย็นเยียบอยู่เบื้องหลังหญิงสาว แม้ว่านางจะสวมชุดสีดำทั้งหมด แต่ขณะนี้นางกลับคล้ายเทพธิดาแห่งดวงจันทร์
ภายใต้แสงจันทร์เสี้ยวที่สวยงาม ทุกคนตกใจในทันใดเมื่อพบว่าพวกเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ไม่…พวกเขาเคลื่อนไหวได้ แต่ช้ามาก ช้ากว่าหอยทากด้วยซ้ำ
จูเซี่ยฉือซินประหลาดใจ เขารู้ดีว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น นางเป็นผู้บ่มเพาะธาตุแสงที่สามารถหยุดเวลาได้!
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่การหยุดเวลาที่แท้จริง แต่นางชะลอการเคลื่อนไหวของศัตรูทั้งหมดภายในอาณาเขตที่กำหนด ซึ่งทำให้รู้สึกราวกับว่าเวลาถูกหยุดไว้
มีผู้บ่มเพาะธาตุแสงไม่กี่คนที่เขารู้จักและผู้ที่อยู่ในระดับเดียวกับนางนั้นหายากยิ่งกว่า จู่ ๆ เขาก็นึกถึงคนคนหนึ่ง
แม้ว่านางจะใช้กระบี่บินเป็นอาวุธ แต่ตอนนี้นางถูกบังคับให้ต้องใช้กงล้อพระจันทร์เสี้ยวซึ่งเป็นอาวุธประจำกายที่แท้จริง เขาน่าจะเดาตัวตนของนางได้ตั้งนานแล้ว!
นี่คือเจ้าสำนักมาร อวิ้นเจียนเยว่!
ฝ่ามือสีทองดูเหมือนจะได้รับผลกระทบจากแสงจันทร์และค่อย ๆ ช้าลง
น่าเสียดายที่หญิงสาวไม่มีเวลาชื่นชมยินดี แม้ว่าฝ่ามือสีทองขนาดใหญ่จะเคลื่อนที่ช้าลง แต่ก็ยังคงเคลื่อนเข้าใกล้นางมากขึ้นเรื่อย ๆ
ฝ่ามือเกือบจะถึงตัวนางแล้วแม้ว่ามันจะช้าลงจนเหมือนฝีเท้าของหอยทากก็ตาม
นางกัดฟันโบกมือ พลังรูปลักษณ์เสี้ยวจันทร์โค้งที่สว่างสดใสออกจากฝ่ามือเข้าสกัดกั้นฝ่ามือทองคำจนเกิดการระเบิดครั้งใหญ่!
หลายคนในวังตะวันออกหูอื้อเพราะเสียงของการปะทะนี้ใช้เวลานานกว่าจะฟื้นคืนการได้ยิน ถึงอย่างนั้นเสียงวิ้งในหัวยังดังอยู่ เลือดสด ๆ ไหลออกจากหูของพวกเขา
ค่ายกลป้องกันที่ปกป้องวังตะวันออกถูกคลื่นปะทะกวาดจนพังราบในทันที
พระราชวังตะวันออกยังไม่ได้รับความเสียหายใด ๆ ก่อนหน้านี้แม้ว่าจะมีการต่อสู้ที่หนักหน่วงเกิดขึ้นซึ่งแสดงให้เห็นว่าค่ายกลป้องกันนั้นแข็งแกร่งเพียงใด
ทว่าต่อให้ค่ายกลป้องกันจะแข็งแกร่งแต่ทุกสิ่งย่อมมีขีดจำกัด มันไม่มีทางทนต่อคลื่นปะทะอันทรงพลังที่เกิดจากอำนาจของผู้บ่มเพาะที่อยู่เหนือระดับปรมาจารย์ได้
จูเซี่ยฉือซินกระอักเลือดออกคำโต เขาได้ปกป้องคนในวังตะวันออกไม่ให้ตายจากคลื่นปะทะ แต่ตัวเองกลับได้รับบาดเจ็บสาหัส
เมื่อถึงเวลาที่ฝ่ามือสีทองค่อย ๆ เลือนหายไป หญิงสาวก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ใบหน้าของจักรพรรดิค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นบนท้องฟ้าเหนือพระราชวังตะวันออกและพูดช้า ๆ ว่า “นางได้รับบาดเจ็บสาหัส และไปได้ไม่ไกล จูเซี่ยฉือซิน เจ้าต้องจับนางให้ได้!”
จูเซี่ยฉือซินคุกเข่าลงทันที “กระหม่อมจะทำตามคำสั่งแห่งโอรสสวรรค์! จักรพรรดิจงทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น ๆ ปี!” เขาพูดด้วยความเคารพอย่างยิ่ง
คนอื่น ๆ ในวังตะวันออกก็คุกเข่าลงเช่นกัน สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความเกรงกลัว เป็นที่รู้กันทั่วไปว่าองค์จักรพรรดิเป็นผู้บ่มเพาะอันดับหนึ่ง แต่มีเพียงไม่กี่คนที่เคยเห็นจักรพรรดิเข้าร่วมการต่อสู้ด้วยตาของตัวเอง
หญิงสาวผู้นี้แข็งแกร่งอย่างน่ากลัว แต่นางก็ยังไม่ใช่คู่มือของจักรพรรดิ
จูเซี่ยฉือซินพาแม่ทัพกองพลขวาและอาจารย์ของรัชทายาทไปยังที่ปลอดภัย จากนั้นจึงนำลูกน้องไปตามหาอวิ้นเจียนเยว่
แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บในขณะที่ปกป้องทุกคนในวังตะวันออกจากคลื่นปะทะแต่อาการบาดเจ็บของเขาก็ไม่มีอะไรเทียบได้กับอาการบาดเจ็บของอวิ้นเจียนเยว่
เขาคิดว่าถ้านางบังเอิญเจอทหารเข้าสักคนคงไม่อาจจะหลบหนีได้ด้วยซ้ำ
…
ในขณะเดียวกัน ชิวฮัวเล่ยที่เพิ่งเห็นดาบที่ลุกโชนด้วยเปลวไฟฟันผ่านไป ก่อนที่นางจะทันได้ทำอะไรต่อจู่ ๆ มีคนผู้หนึ่งดึงนางไปด้านข้าง
ขณะที่นางกำลังจะตอบโต้อย่างตื่นตระหนก เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นข้าง ๆ หู “ข้าเอง”
มือของชิวฮัวเล่ยหยุดลงครึ่งทาง “อาซู!” นางอุทานออกมาด้วยความดีใจ
นางคิดว่าเขาสนใจแต่องค์หญิงรัชทายาทเท่านั้น ดูเหมือนว่าเขาจะห่วงใยนางเช่นกัน
“ชู่ว!” ซูอันทำท่าทางให้นางเงียบ เฉิงซยงผู้บ่มเพาะระดับแปดยังคงไล่ตามพวกเขาอยู่
เขาจงใจใช้ทักษะดาบอัคคี ซึ่งเป็นทักษะที่เขาไม่เคยใช้มาก่อนเพื่อซ่อนตัวตนไว้เป็นความลับ
นี่เป็นข้อดีของการได้เรียนรู้ทักษะที่หลากหลาย!
ข้าต้องจำให้ขึ้นใจว่าทักษะไหนใช้สำหรับตัวตนนี้ มันจะเป็นปัญหาถ้าข้าถูกจับได้โดยใช้ทักษะที่สงวนไว้สำหรับตัวตนอื่น
ซูอันนำชิวฮัวเล่ยไปตามเส้นทางที่ซับซ้อน แต่เขาก็ไม่มั่นใจว่าจะสลัดเฉิงซยงทิ้งได้ แม่ทัพกองพลซ้ายย่อมคุ้นเคยกับเส้นทางในพระราชวังมากกว่าเขาอย่างแน่นอน
เขายังคิดที่จะหลอกล่ออีกฝ่ายไปกำจัดในที่เปลี่ยว หากไม่สามารถสลัดหลุดได้จริง ๆ
แม้ว่าเขาจะอยู่ในระดับที่แปดเท่ากับอีกฝ่าย แต่เขามีโอกาสชนะมากกว่าเพราะยังมีชิวฮัวเล่ยด้วยอีกคนหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ผู้บ่มเพาะระดับแปดย่อมมีไพ่เด็ดของตัวเอง ซูอันไม่กล้าประมาท
ขณะที่เขาลังเลอยู่นั้น เกิดเสียงระเบิดกึกก้องดังมาจากทิศทางของวังตะวันออก ไม่ใช่แค่เฉพาะในพระราชวัง แต่ทุกคนในเมืองหลวงต่างรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือน…
“ไป!” เขาเคยสัมผัสกับอำนาจราชโองการของจักรพรรดิมาแล้วครั้งหนึ่งที่เมืองจันทร์กระจ่าง อีกทั้งเคยเข้าเฝ้าในห้องหนังสือส่วนพระองค์ไม่นานมานี้ เขาจึงคุ้นเคยกับรูปแบบพลังที่ปะทุขึ้นนี้อย่างมากว่ามันเป็นของจักรพรรดิ เขาจะใช้โอกาสในขณะที่เฉิงซยงถูกดึงดูดความสนใจนี้หนีไป
ชิวฮัวเล่ยตัวสั่น “นั่นคือจักรพรรดิเหรอ?” นางหวาดกลัวกับอำนาจกดดันนี้ แต่ยังไม่อยากจะเชื่อ
ก่อนที่ซูอันจะมีโอกาสได้ตอบ คำสั่งของจักรพรรดิที่สั่งให้จูเซี่ยฉือซินจับตัวอวิ้นเจียนเยว่ได้ดังก้องไปทั่วทั้งพระราชวัง
“อาจารย์ของข้ากำลังตกอยู่ในอันตราย!” ชิวฮัวเล่ยอุทานด้วยความตกใจ นางหันกลับไปทันที “ข้าต้องไปช่วยอาจารย์ก่อน!”