เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 920 จักรพรรดิพิโรธ
บทที่ 920 จักรพรรดิพิโรธ
บทที่ 920 จักรพรรดิพิโรธ
ซูอันรู้สึกสดชื่นอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อเห็นคะแนนความโกรธแค้นที่หลั่งไหลเข้ามา ตามที่คาดไว้ คะแนนความโกรธนั้นหาได้ง่ายกว่าเมื่อมีผู้คนมากขึ้น! เขาต้องไปเยี่ยมค่ายทหารในเขตชานเมือง และเก็บเกี่ยวคะแนนความโกรธแค้นที่นั่นอย่างจุใจในภายหลัง!
แต่ตอนนี้เขาต้องตามหาอาจารย์ของชิวฮัวเล่ยก่อน พระราชวังนั้นกว้างใหญ่ทำให้การตามหาค่อนข้างจะลำบาก
เขากลับไปที่วังตะวันออกและกำลังจะสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เขาตกตะลึงเมื่อรู้ว่าพระราชวังทั้งหลังพังทลายจนหมดสิ้น
จักรพรรดิต่อสู้กับผู้บ่มเพาะระดับปรมาจารย์…นี่คือผลที่ตามมาเหรอ?
เขากำลังจะถามใครสักคนในขณะที่ทูตยุทธ์เสื้อแพรทองแดงรีบวิ่งเข้ามาหา “ท่านสิบเอ็ด ข้าตามหาท่านมาพักหนึ่งแล้ว”
ซูอันตกตะลึง “เจ้าตามหาข้าทำไม?”
ข้อเสียประการหนึ่งเกี่ยวกับทูตยุทธ์เสื้อแพรคือพวกเขาทั้งหมดสวมหน้ากากและเครื่องแบบ ทำให้ยากที่จะบอกได้ว่าใครเป็นใคร
ทูตตอบด้วยความเคารพว่า “ฝ่าบาทเรียกท่านเข้าเฝ้า เราหาท่านไม่พบจนถึงตอนนี้”
ซูอันรู้สึกประหลาดใจ “พาข้าไปเร็ว!”
เขาตามบุคคลผู้นี้ไปยังห้องหนังสือส่วนพระองค์ ก่อนที่เขาจะเข้าไป เขาก็ได้ยินเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวของจักรพรรดิ “เจ้าคิดว่าพระราชวังเป็นตลาดหรือ? ทำไมนักฆ่าเหล่านั้นนึกอยากจะมาก็มาอยากจะไปก็ไป? เจ้ายังต้องการที่จะเก็บหัวของเจ้าไว้หรือไม่!?”
ไม่เพียงแต่ซูอันไม่ได้กลัวพระพิโรธของจักรพรรดิเท่านั้น เขาเกือบจะหัวเราะออกมาแทน เพราะชายหนุ่มเกือบจะคิดเหมือนกับจักรพรรดิ ต่างกันแค่เพียงเขาคิดว่าพระราชวังไม่ได้เป็นตลาด แต่เป็นห้องน้ำสาธารณะ!
พูดตามตรง มันไม่ยุติธรรมเลยที่จักรพรรดิจะตำหนิข้าราชบริพารแบบนี้ แม้ว่าการรับมือของทหารในวังจะไม่ค่อยมีประสิทธิภาพนัก แต่ส่วนใหญ่เป็นเพราะศัตรูของพวกเขาไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นกลุ่มนักฆ่าที่โด่งดังที่สุด ‘กลุ่มเงาสังหาร’ และผู้บ่มเพาะระดับสูงของสำนักมารต่างก็ปรากฏตัวขึ้น ซ้ำร้ายเจ้าสำนักมารยังมาด้วยตัวเอง ทหารธรรมดา ๆ เหล่านี้จะเอาปัญญาที่ไหนไปต่อกร?
จักรพรรดิองค์นี้กำลังทำอะไรอยู่?
ซูอันสงสัยว่าเขาควรจะประกาศการมาถึงของเขาหรือไม่?
ขันทีข้างนอกพูดขึ้น “ท่านสิบเอ็ด ฝ่าบาทให้ท่านเข้าไปทันทีที่มาถึง”
ซูอันรู้สึกโล่งใจ “ขอบคุณกงกง”
ซูอันเข้าไปอย่างระมัดระวัง และตกใจเมื่อพบว่าจักรพรรดิไม่อยู่ข้างใน แต่กลับมีกระจกบานใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง โดยมีภาพร่างของจักรพรรดิบนพื้นผิวสะท้อนแสง มันคล้ายกับกระจกที่เขาเคยใช้พูดคุยกับฉู่ชูเหยียน แต่บานนี้ใหญ่กว่ามาก
เขามองไปรอบ ๆ อย่างเงียบ ๆ ตอนนี้จูเซี่ยฉือซินที่ดูเจ้ากี้เจ้าการเสมอยืนอยู่ด้านข้างอย่างเชื่อฟังเหมือนนกกระทาตัวเล็ก ๆ
คนที่กำลังถูกตำหนิมีอีกคนหนึ่ง แม่ทัพหลิวเหย่า
เขาก้มหน้าต่ำมากและขอการอภัยโทษอย่างต่อเนื่อง ความเย่อหยิ่งที่เขาแสดงในเมืองจันทร์กระจ่างนั้นไม่มีให้เห็น…
ถึงแม้ว่าตัวเองจะเป็นอาของจักรพรรดินีซึ่งทำให้เขามีศักดิ์เป็นพี่ของจักรพรรดิ แต่เขาก็ไม่กล้าใช้ประโยชน์จากเรื่องนั้น
เขาเองก็รู้สึกท้อแท้เช่นกัน แม้ว่าตามทฤษฎีแล้วเขาจะเป็นผู้บัญชาการระดับสูงของพระราชวัง แต่เขาก็มักจะอาศัยอยู่ในที่ดินของตัวเอง การป้องกันของพระราชวังนั้นถูกดูแลโดยแม่ทัพกองพลซ้าย แม่ทัพกองพลขวา แม่ทัพกองจรยุทธ์ และแม่ทัพทหารม้าศึก รวมไปถึงทูตยุทธ์เสื้อแพรของจูเซี่ยฉือซินและทหารประจำพระองค์ของจักรพรรดิสองสามคน
วันนี้เขาได้ตรวจตราความเรียบร้อยในวังทุกอย่างตามหน้าที่เรียบร้อยแล้วและออกจากวังไปอย่างอารมณ์ดี ใครจะไปรู้ว่าจะมีความโกลาหลเกิดขึ้นในตอนกลางคืนขณะที่กำลังอยู่ที่คฤหาสน์ของตนเองเพลิดเพลินกับเครื่องดื่ม เขาจะตอบสนองต่อสถานการณ์ทันท่วงทีได้อย่างไร?
ซูอันมองไปทั่วห้อง ทั้งห้องเต็มไปด้วยตัวตนระดับสูงจากราชสำนัก เขาจำแม่ทัพกองพลขวาโกวซือและแม่ทัพกองวรยุทธ์เจาหยวนซึ่งเขาเคยพบในวังตะวันออกก่อนหน้านี้ได้…
เขาเคยเห็นคนอื่น ๆ เมื่อไม่นานมานี้เช่นกัน ชายคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลอีกคนคือคนที่ไล่ตามชิวฮัวเล่ยแต่ถูกดาบอัคคีของเขาหยุดไว้ นี่ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากแม่ทัพกองพลซ้ายเฉิงซยง
ซูอันไม่เห็นแม่ทัพทหารม้าศึกที่นี่ เขาสงสัยว่าชายคนนั้นอยู่ที่ไหน?
มีชายสูงอายุที่ดูผอมเพรียวอีกคนหนึ่งอยู่ด้วย ผิวสีทองแดงยิ่งทำให้เขาดูลึกลับมากกว่าเดิม
นี่คงเป็นมู่หรงถงซึ่งเป็นปู่ของมู่หรงชิงเหอใช่ไหม?
ไม่น่าแปลกใจที่เด็กสาวตัวเล็กคนนั้นมีผิวสีแทน มันคงเป็นลักษณะทางพันธุกรรม…
หลังของเขาตรงกว่าชายคนอื่นในห้องมาก เขาคือผู้บัญชาการทหารราชองครักษ์ ทว่าระดับการบ่มเพาะของจักรพรรดินั้นไม่มีใครเทียบได้ ดังนั้นทหารราชองครักษ์ที่มีอยู่จึงไม่ต่างอะไรจากไม้ประดับให้ผู้คนรู้ว่ามีซึ่งสุดท้ายมันกลายเป็นว่าทุกคนหย่อนยาน การที่เขาถูกเรียกมาที่นี่แน่นอนว่าเป็นเพราะเรื่องการพยายามลอบสังหารที่เพิ่งเกิด
ฮึ่ม! ทั้งหมดเป็นเพราะไอ้เจ้าเด็กเหลือขอซูอัน! มันเป็นต้นเหตุทำให้ข้าต้องทนทุกข์กับสถานการณ์บ้า ๆ นี่!
—
ท่านยั่วยุมู่หรงถงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 723!
—
การไหลเข้าของคะแนนความโกรธแค้นอย่างกะทันหันทำให้ซูอันตกใจคิดว่ามู่หรงถงคงจำเขาได้ แต่หลังจากครุ่นคิดสักพัก เขาก็เปลี่ยนใจ ชายชราคนนี้คงแค่ไม่พอใจกับการถูกย้ายตำแหน่งหน้าที่การงาน
หลังจากตำหนิอย่างโกรธเกรี้ยวสักพัก จักรพรรดิก็สงบลงในที่สุด จากนั้นเขาจึงกล่าวว่า “พวกเจ้าทั้งหมดจะถูกลดบรรดาศักดิ์หนึ่งขั้น และริบเบี้ยหวัดเป็นเวลาสามปี แต่ตำแหน่งพวกเจ้าทั้งหมดจะยังคงเดิมและปฏิบัติหน้าที่ตามปกติต่อไปจนกว่าจะทำความดีความชอบชดเชยความล้มเหลวในครั้งนี้ได้หมดสิ้น”
“ขอบพระทัย ฝ่าบาท!” ทุกคนก้มกราบและกล่าวขอบคุณ สำหรับบุคคลที่มีสถานะสูงเหล่านี้ สิ่งต่าง ๆ เช่นเบี้ยหวัดถูกมองว่าเป็นสิ่งที่เล็กน้อย การลงโทษเช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับการตีมือ
ซูอันเป็นคนเดียวที่อารมณ์เสีย ข้ายังไม่ได้รับเงินเดือนสักเดือนเลย จะถูกหักเงินสามปีซะแล้ว?
ข้าไม่มีแหล่งรายได้อื่นต่างจากขุนนางคนอื่น ไม่เพียงแต่ข้าต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยจักรพรรดิให้เสร็จสิ้นภารกิจโง่ ๆ ของเขาเท่านั้น แต่ข้าต้องทำงานเป็นทาสตลอดเวลาสามปี?
น่าเสียดายที่เขาเพิ่งได้เห็นพลังของจักรพรรดิ แม้ว่าเขาจะสาปแช่งอยู่ในใจ ชายหนุ่มก็ไม่กล้าพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา
จักรพรรดิพยักหน้าพอใจกับปฏิกิริยาของทุกคน “เฉิงซยง เจ้ารับผิดชอบในการสืบสวนเหตุลอบสังหารจักรพรรดินี และค้นหาว่าพวกมันเป็นใคร!”
“โกวซือ เจ้ารับผิดชอบเหตุลอบสังหารในวังตะวันออก กำจัดนักฆ่าที่หลบหนีทั้งหมด”
“หลิวเหย่า เจาหยวน เจ้าทั้งคู่มีหน้าที่ในการปิดประตูเมืองหลวง พวกเจ้าได้รับอนุญาตให้จับกุมบุคคลที่น่าสงสัยทั้งหมด ใครขัดขืน ประหารไม่ต้องละเว้น!”
“เข้าใจแล้วพะย่ะค่ะ!” พวกเขารับทราบพร้อมกัน
ซูอันดีใจที่เฉียวเสวี่ยอิงสามารถหลบหนีได้ก่อนหน้านี้ ถ้านางสายไปครึ่งวัน พรรคพวกของนางคงไม่สามารถรอดพ้นไปได้ นางทนทุกข์ทรมานในเมืองหลวงมาอย่างอดทนเป็นเวลานาน ในที่สุดก็สามารถช่วยเหลือพวกพ้องของนางได้ มันคงเป็นเรื่องน่าเศร้าเกินไปหากทุกอย่างพังทลายในนาทีสุดท้าย
ทว่าเขากังวลมากขึ้นเกี่ยวกับชิวฮัวเล่ย ยามดึกเช่นนี้การรักษาความปลอดภัยรอบกำแพงเมืองแน่นหนา นางไม่มีทางออกจากเมืองหลวงได้ เขาสงสัยว่านางจะหลบเลี่ยงการจับกุมของหลิวเหย่าและเจาหยวนได้หรือไม่?