เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 922 นักต้มตุ๋น
บทที่ 922 นักต้มตุ๋น
บทที่ 922 นักต้มตุ๋น
ซูอันพูดไม่ออก…
เพื่อทำลายความเงียบ ซูอันจึงเปลี่ยนเรื่อง “ฝ่าบาท อย่างน้อย ๆ ช่วยบอกกระหม่อมได้หรือไม่ว่าการเสด็จออกไปของพระองค์ครั้งนี้มีผู้ใดล่วงรู้บ้าง เป็นจักรพรรดินี พระสนมหรือคนที่พระองค์ไว้วางพระทัยคนอื่นอีก?”
จักรพรรดิตอบเสียงต่ำ “จักรพรรดินีและบรรดาสนมไม่รู้เรื่องนี้ บรรดาคนที่รู้คือกลุ่มคนที่เพิ่งอยู่ในห้องกับเจ้าเมื่อครู่ เช่นเดียวกับขันทีหลายคนที่ช่วยข้าทำกิจวัตรประจำวัน เจ้าสามารถสืบหาความจริงจากจุดนี้ได้”
ไม่น่าแปลกใจที่เขาเรียกข้ามาเข้าเฝ้า เขาต้องการให้ข้ารู้ว่าใครบ้างคือผู้ต้องสงสัย
แม้ว่าจูเซี่ยฉือซินจะเป็นคนสนิท แต่จักรพรรดิก็ยังไม่วายสงสัย…ความหวาดระแวงของจักรพรรดิผู้นี้ช่างน่ากลัวจริง ๆ
ที่แปลกไปกว่านั้นคือ ภรรยาของเขาไม่รู้เรื่องที่อยู่ของเขาเลย จิ๊ ๆ! สนมของเขาช่างน่าสงสารจริง ๆ มีข่าวลือว่าจักรพรรดิไม่ได้เสด็จเยี่ยมสนมมาหลายปีแล้วเนื่องจากอายุขัยที่ลดลง…
“เจ้าถือเข็มกลัดทองของทูตยุทธ์เสื้อแพร ซึ่งน่าจะเพียงพอที่จะสืบสวนได้อย่างสะดวกโดยไม่จำเป็นที่เจ้าต้องเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเจ้า อย่างไรก็ตาม ข้าขอเตือนว่าเจ้าต้องไม่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเจ้าในระหว่างการค้นหาความจริงนี้ เพราะมันจะส่งผลต่อภารกิจอื่นของเจ้าเกี่ยวกับราชันลมปราณ ถ้าความลับรั่วไหลเจ้าก็เตรียมรับผลที่ตามมาได้เลย”
“พะย่ะค่ะ!” ไม่จำเป็นที่จักรพรรดิจะต้องเน้นย้ำเรื่องนี้ มันสนุกกว่ามากที่ได้เล่นกับหลายตัวตน มันไม่เร้าใจเลยถ้าเขาวางไพ่ทั้งหมดลงบนโต๊ะ
“เจ้าออกไปได้แล้ว…” จักรพรรดิหลับตาลง
ซูอันถอนหายใจ ขันทีพาเขาออกจากห้องหนังสือส่วนพระองค์ด้วยรอยยิ้ม “ท่านสิบเอ็ดมีอนาคตที่ไร้ขอบเขตอย่างแท้จริง! องค์จักรพรรดิไม่เคยพบกับทูตยุทธ์เสื้อแพรเพียงลำพัง ยกเว้นท่านจูเซี่ยฉือซิน”
ประโยคนี้ทำให้ซูอันตกตะลึง ดูเหมือนว่าเขาจะต้องหาโอกาสที่จะพูดคุยทำความเข้าใจกับจูเซี่ยฉือซิน มันคงจะแย่ถ้าชายคนนั้นหันมาเป็นปฏิปักษ์กับเขาเพราะความริษยา
จูเซี่ยฉือซินคือผู้บ่มเพาะระดับปรมาจารย์อีกทั้งยังมีอำนาจมหาศาลในมือ การมีคนแบบนั้นเป็นศัตรูคงจะแย่อย่างยิ่ง
“ข้าจะเรียกเจ้าว่าอย่างไรได้?” ซูอันถามขันที จักรพรรดิกล่าวว่าขันทีบางคนมีหน้าที่ปรนนิบัติกิจวัตรประจำวันของเขา ขันทีคนนนี้อาจเป็นหนึ่งในนั้น
“แซ่ของผู้ต่ำต้อยคนนี้คือเหวิน” ขันทีพูดด้วยรอยยิ้ม เขาแสดงสีหน้าที่อบอุ่นและอ่อนโยน
“ข้ายังเป็นคนที่มาใหม่ ขันทีเหวิน คงจะดีถ้าเจ้าให้คำชี้แนะแก่ข้าบ้าง” น้ำเสียงของซูอันนั้นสุภาพ แต่ในใจนั้นต่างไปอย่างสิ้นเชิง ทำไมขันทีทุกคนมักจะอ้วน? ข้าได้ยินมาว่าเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรมักพูดเสมอว่าต้องขุนสุกรตอนโตให้อ้วนที่สุด ในวังมีหลักการขุนขันทีเช่นเดียวกับสุกรหรือไง…?
“ท่านสิบเอ็ดเกรงใจไปแล้ว” ขันทีเหวินยิ้มแย้มแจ่มใส ทูตยุทธ์เสื้อแพรทองคนใหม่นี้ค่อนข้างฉลาดและน่าสนใจ ไม่เหมือนคนอื่น ๆ ที่ดูไม่เป็นมิตรราวกับว่าทุกคนติดค้างเงินพวกเขา
ทั้งสองคุยกันอยู่ครู่หนึ่งและแยกจากกันอย่างเป็นมิตร
หลังจากเดินไปได้ซักพัก ซูอันก็ตบหัวตัวเอง “อา! ข้าถูกหลอก!”
จู่ ๆ เขาก็นึกขึ้นได้ว่าจักรพรรดิไม่เคยคิดโทษเขาในสิ่งใดเลย จักรพรรดิจงใจขู่ให้กลัวเพื่อที่เขาจะได้จดจ่อกับงานใหม่และรู้สึกขอบคุณสำหรับโอกาสที่จะได้ทำคุณไถ่โทษ
บัดซบ! ไม่เพียงแต่ข้าไม่ได้รับอะไรจากการช่วยเหลือภรรยาและลูกโง่ของเจ้า แต่เจ้ากลับมาเล่นละครลิงหลอกข้าให้ปวดประสาทอีก นี่เจ้าเป็นจักรพรรดิหรือเป็นนักต้มตุ๋นกันแน่!
เขากำลังเดือดดาล แต่ต้องเก็บความคิดนี้ไว้ในใจ ไม่กล้าโพล่งออกมาดัง ๆ
เขาครุ่นคิดอยู่กับตัวเองในขณะที่เดินผ่านสวนหิน ทันใดนั้นมีมือหนึ่งเอื้อมมาดึงเขาเข้าไป
ซูอันตื่นตระหนกทันทีกับเหตุการณ์นี้ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน มือข้างหนึ่งจับไหล่เขาดึงเขาเข้าไปในสวนหิน ในขณะที่มืออีกข้างกำรอบคอของตัวเอง หากบุคคลนี้ต้องการให้ชายหนุ่มตาย เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน แต่จะเอาเขาไปเปรียบเทียบกับผู้บ่มเพาะธรรมดาได้อย่างไร?
ซูอันใช้วิชาเทพยุทธ์กลืนสวรรค์ทันที มือที่กุมคอของเขาอยู่ถูกอำนาจดูดอันทรงพลังตอบโต้
“หืม?” เสียงผู้หญิงอุทานด้วยความประหลาดใจ นางไม่คิดว่าจู่ ๆ กลับมีอำนาจดูดกลืนแปลก ๆ เกิดขึ้น
ด้วยอันตรายถึงชีวิตที่ใกล้เข้ามา ซูอันไม่สนใจในเพศของอีกฝ่าย
เขาบิดไหล่ของเขาโดยใช้วิชาพริ้วไหวไหลพัวพันซึ่งเพ่ยเหมียนหมานเคยสอนเขาไว้แล้วตามด้วยดันแขนของผู้โจมตีขึ้นเพื่อคว้าคอของนางแทน
ด้วยความโกรธเกรี้ยว หญิงสาวลึกลับตบแขนที่กำลังรุกเข้าใส่ของซูอันออกไปก่อนจะใช้นิ้วดีดที่หน้าผากของซูอัน
เจ้าต้องการที่จะเล่นนิ้วกับข้า? ข้าเก่งเรื่องนั้นเหมือนกัน! ซูอันโจมตีกลับทันทีด้วยดัชนีเจิดจรัส
ความโกรธปรากฏวาบขึ้นในดวงตาของหญิงสาว เมื่อเห็นว่านิ้วของนางถูกซูอันหยุดไว้ นางตอบโต้ด้วยการสะบัดข้อมืออย่างรุนแรงฉับพลัน
ซูอันรู้สึกว่านิ้วของเขาชา ก่อนที่ชายหนุ่มจะทันรู้สึกตัว อีกฝ่ายก็โจมตีเข้ามาแล้ว
ทั้งสองแลกหมัดกันหลายสิบครั้งภายในพื้นที่ของสวนหิน การโจมตีแต่ละครั้งรุนแรงถึงตาย
ซูอันตกใจ หลังจากดูดซับการบ่มเพาะของแม่ชียุง เขาจัดเป็นผู้บ่มเพาะที่ทรงพลังคนหนึ่ง และสามารถกำจัดนักฆ่าชั้นยอดจากกลุ่มเงาสังหารได้อย่างง่ายดาย
เขาไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นอะไร พลังชี่ของนางดูไม่ค่อยเสถียรสักเท่าไรและเมื่อพิจารณาจากการปะทะกันอยู่สักพัก ระดับการบ่มเพาะของนางน่าจะอยู่ในระดับที่หกหรือเจ็ดเท่านั้น และนางดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บ ทำไมเขาไม่สามารถจัดการกับนางได้สักที?
ทางด้านของหญิงสาวก็ประหลาดใจไม่แพ้กัน นางไม่ค่อยพบใครที่ปะทะฝีมือกับนางได้ แต่ตอนนี้ แม้ว่าคู่ต่อสู้ของนางจะมีประสบการณ์น้อยกว่าอย่างชัดเจน นางก็ยังไม่สามารถที่จะจัดการเขาได้
แม้ว่านางจะได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่ด้วยประสบการณ์และทักษะของนาง นางไม่มีปัญหาในการต่อสู้กับใครก็ตามที่มีระดับการบ่มเพาะต่ำกว่าระดับแปด
ไม่เพียงเท่านั้น ชายผู้นี้ไม่ได้เตรียมตัวรับมือกับการโจมตีของนางมาก่อน!
นางสาปแช่งในใจ นางต้องการชิงเครื่องแบบทูตยุทธ์เสื้อแพร เพราะมันจะทำให้เดินไปมาในวังได้ง่ายขึ้นมาก แต่นางไม่คิดว่าคนผู้นี้จะแข็งแกร่งจนไม่สามารถเอาชนะได้ง่าย ๆ
ในสวนหินคับแคบมาก ร่างกายของทั้งสองพัวพันกันบ่อย ๆ ตอนแรกนางไม่ได้คิดอะไรมากด้วยมั่นใจเต็มที่ว่าอีกฝ่ายจะต้องตายในไม่ช้า อย่างไรก็ตาม เมื่อการต่อสู้ยืดเยื้อไปเรื่อย ๆ นางรู้สึกราวกับว่าตัวเองถูกเอาเปรียบมากขึ้น ๆ
นางต้องการออกจากพื้นที่จำกัดในสวนหิน แต่นางก็ถูกลากกลับเข้าไปทันทีที่พยายามจะออกไป
นางอดไม่ได้ที่จะกัดฟัน ชายผู้นี้กำลังฉวยโอกาสจากนางจริง ๆ หรือ?
อย่างไรก็ตาม นางสงบอารมณ์ตนเองได้อย่างรวดเร็ว นางคิดว่าคนผู้นี้เพียงต้องการจำกัดขอบเขตการต่อสู้ไว้ไม่ใช่เพื่อที่เขาจะได้รุกคืบนาง แต่การออกสู่พื้นที่ที่กว้างขึ้นทำให้เขาควบคุมการต่อสู้ได้ยากขึ้น
ขณะที่นางกำลังคิดฟุ้งซ่าน แววชั่วร้ายปรากฏขึ้นในดวงตาของซูอัน จิตใจของเขาตั้งมั่นด้วยสมาธิ ชายหนุ่มรู้ดีว่าชีวิตของตัวเองสามารถจบสิ้นลงได้หากผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว
“แกมองอะไร!”
“ข้ากำลังมองแกไง ไอ้โง่!” หญิงสาวตอบโดยไม่รู้ตัว