เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 94 การเป็นแมงดาต้องใช้ทักษะระดับสูง! (ปลาย)
บทที่ 94 การเป็นแมงดาต้องใช้ทักษะระดับสูง! (ปลาย)
ไม่ว่ามันจะเป็นแบบใดก็ตาม เห็นได้ชัดว่า จี้เสี่ยวซี ไม่ใช่คนที่เย่เฉินเหลียง สามารถล่วงเกินได้แม้แต่น้อย
“ข้าบังเอิญเดินผ่านมา แต่เมื่อเห็นมีผู้คนมากมายมารวมตัวกันที่นี่ข้าก็เลย…” จี้เสี่ยวซี รู้สึกประหม่าพอสมควรที่นางต้องมาพูดต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ อย่างไรก็ตามนางสูดหายใจลึกเพื่อรวบรวมความกล้าและพูดต่อ “ข้าเห็นว่าพวกเจ้าทุกคนกำลังเข้าใจพี่ซูผิด ๆ และพี่ซู ก็ไม่เต็มใจที่จะอธิบายเช่นกัน นั่นเป็นเหตุผลที่… ข้าก้าวออกมา”
บ้าน่า! นางออกมาพูดแทนไอ้ขยะซูอัน จริง ๆ เหรอ?
เกิดความวุ่นวายขึ้นท่ามกลางฝูงชน ไม่มีใครคิดว่าลูกเขยของตระกูลฉู่ จะอาจหาญเช่นนี้ไม่เพียงแต่จะสามารถครอบครองทั้ง ฉู่ชูเหยียน และฉู่ฮวนเจาได้เท่านั้นนี่เขายังมีความสัมพันธ์กับเทพธิดาจี้เสี่ยวซีอีกต่างหาก!
นี่มันเกิดบ้าอะไรกันขึ้น?
เป็นเพราะข้าไม่หล่อพอ หรือเพราะข้าหน้าหนาไม่พอ? หรือเป็นเพราะระดับการบ่มเพาะของข้าสูงเกินไปจนผู้หญิงไม่ชอบหรือภูมิหลังของข้าไม่ดีพอ?
ความคิดดังกล่าวผุดขึ้นในจิตใจของทุกคนก่อนที่จะตามมาด้วยความโกรธอย่างรุนแรงต่อ ซูอัน นอกจากรูปร่างหน้าตาของพวกเขาแล้ว ไม่มีอะไรในพวกเขาที่ด้อยกว่าชายไร้ยางอายผู้นี้!
ท่านยั่วยุบรรดาผู้ชมสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +99 +99 +99 +99…
เมื่อมองดูคะแนนความโกรธแค้นที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน ซูอัน รู้สึกดีใจจนแทบอยากจะกระโดด เขาอด
ไม่ได้ที่จะยกย่องตัวเองที่ตัดสินใจว่ายังไม่แอบหนีออกไปจากสถาบันและตัดสินใจเดินมาทางโรงอาหารเพื่อกินข้าวนี่ถือเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดที่เขาเคยทำ!
ในขณะเดียวกัน เย่เฉินเหลียง กลืนน้ำลายดังเอื้อกในขณะที่จ้องมองไปยังสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น เขารู้สึกสับสนอย่างสิ้นเชิง
นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น? ข้าแค่พยายามจะสั่งสอนไอ้คนไร้ค่าผู้นี้ให้อับอายเท่านั้น ไหงมันกลับกลายเป็นว่ามีเทพธิดาถึงสองคนโผล่ออกมายืนปกป้องมันอย่างแข็งขันแบบนี้?
ต้องมีบางอย่างผิดปกติกับโลกใบนี้แล้วแน่ ๆ !
“น้องจี้ เจ้าช่วยบอกข้าหน่อยได้ไหมว่าความสัมพันธ์ของเจ้ากับเขาเป็นอะไรกัน?” เย่เฉินเหลียง ไม่สามารถยอมรับความเป็นจริงได้ ดังนั้นเขาจึงลองถามย้ำให้แน่ใจอีกรอบ
“เขา…” จี้เสี่ยวซีมองไปที่ซูอัน และใบหน้าของนางก็แดงเล็กน้อย
“เขาเป็นสหายที่ข้าไว้ใจ…”
สาเหตุที่ใบหน้าของนางแดงเพราะนางจำได้ว่าพวกเขาพบกันครั้งแรกที่แม่น้ำ ซึ่งการพบกันตอนนั้นพวกเขาทั้งคู่ต่างเปลือยเปล่าอย่างสมบูรณ์
อย่างไรก็ตาม ในสายตาของบรรดาผู้คนที่อยู่รอบ ๆ คำตอบของนางดูเหมือนจะเป็นความเขินอาย สิ่งนี้ทำให้หัวใจของทุกคนตกอยู่ในอาการว้าวุ่น นี่มันเป็นไปได้ยังไง? แม้แต่เทพธิดาตัวน้อยที่รักของเราก็ยังถูกเงื้อมมือของชายคนนี้จับไว้ได้!
แต่แล้วเมื่อ จี้เสี่ยวซี เห็นสีหน้าผู้คนรอบ ๆ เปลี่ยนเป็นตกตะลึง นางก็รู้ได้ทันทีว่าผู้คนเหล่านี้เข้าใจนางผิด นางจึงเริ่มอธิบายเรื่องต่าง ๆ ให้กระจ่าง “ก่อนหน้านี้ข้ามุ่งหน้าไปยังภูเขามังกรซ่อน และที่นั่นข้าได้เห็นเขาฆ่า หมาป่ากระซวกทวาร หลายสิบตัวด้วยตาของข้าเอง แม้แต่ตัวจ่าฝูงก็ยังตายลงด้วยน้ำมือของเขา”
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ผู้ชายทุกคนที่ยืนฟังอยู่แทบจะหลั่งน้ำตาออกมา เรื่องนี้มันเจ็บปวดมากว่าที่พวกเขาคิดซะอีก! เทพธิดาตัวน้อยของพวกเขาได้เข้าไปในภูเขามังกรซ่อนพร้อมกับไอ้ขยะนี่! ชายและหญิง อยู่กันตามลำพังในถิ่นทุรกันดารสองต่อสอง กลายป่าเขาแบบนั้นมันต้องปลุกสัญชาตญาณดิบของพวกเขาให้ตื่นขึ้นอยู่แล้วและจากนั้นพวกเขาคง… ไอ้บ้าเอ๊ยให้ตายสิ!
“ไอ้ชายคนนี้มันครอบครองสาวงามไปแล้วสามคนจากสิบอันดับสุดยอดสาวงาม! ข้าจะปล่อยให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นไม่ได้ พวกเจ้าอย่าห้ามข้า! ข้าจะขอท้าประลองกับมัน!”
“ไม่มีใครห้ามเจ้าสักหน่อย เอาเลย! ถ้าเขาสามารถฆ่า หมาป่ากระซวกทวาร ได้หลายสิบตัวจริง ๆ อย่างเจ้าก็คงสู้กับเขาได้ไม่ถึงสองกระบวนท่าหรอก”
“…”
เหงื่อเย็น ๆ เริ่มผุดขึ้นบนหน้าผากของ เย่เฉินเหลียง เขามองไปที่ ซูอัน จากนั้นเขากลับมาที่ จี้เสี่ยวซี และถามขึ้นด้วยสีหน้าไม่ยินยอม “น้องจี้ เจ้าบอกว่าเขาฆ่า หมาป่ากระซวกทวาร ไปหลายสิบตัวงั้นเหรอ? นี่เจ้าแน่ใจนะว่าเจ้าไม่ได้พูดล้อเล่น?”
จี้เสี่ยวซี ตอบด้วยการพยักหน้า “อันที่จริง ข้าไม่สามารถเข้าใจได้เหมือนกันว่าเขาทำได้อย่างไรแต่มันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ หรือ ถ้าท่านไม่เชื่อข้า ท่านก็ไปถามพ่อได้ เขาสามารถเป็นพยานในเรื่องนี้ได้”
ผู้คนที่ดูเหตุการณ์อยู่ต่างส่งเสียงอื้ออึงขึ้นมาทันที นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย! ไหงเรื่องราวมันดำเนินไปถึงจุดที่ต้องให้ผู้ปกครองมายืนยันกันแล้วล่ะเนี่ย!
ในทางกลับกันความสนใจของ เซี่ยซิว กับอยู่ในประเด็นอื่นแทน ถึงแม้ว่า จี้เสี่ยวซี จะเน้นไปที่การฝึกฝนปรุงยา ซึ่งทำให้ระดับการบ่มเพาะของนางไม่สูงนักแต่ไม่ว่าจะยังไงนางก็เป็นผู้บ่มเพาะระดับ 3 ซึ่งถ้าแม้แต่นางยังอธิบายไม่ได้ว่าซูอันสังหารพวกหมาป่ากระซวกทวารนับสิบได้ยังไง มันก็หมายความว่า ซูอัน คงจะมีเร็วที่เหนือล้ำเป็นอย่างมากใช่ไหม?
ความคิดเช่นนี้ไม่ใช่มีเพียงแค่ เซี่ยซิว เท่านั้นที่คิด
คนอื่น ๆ อีกหลายคน รวมทั้ง เย่เฉินเหลียง ต่างก็เข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของ จี้เสี่ยวซี มันยากที่จะจินตนาการว่า จี้เสี่ยวซี กำลังโกหกเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนางเอาชื่อพ่อของนางขึ้นมาเป็นหลักประกัน แต่เดิม จี้เสี่ยวซี เป็นที่รู้จักว่าเป็นคนมีอัธยาศัยดีและไม่มีใครเคยเห็นนางโกหกมาก่อน ดังนั้นมันไม่มีทางที่นางจะเอาชื่อเสียงของพ่อนางมาล้อเล่นแบบนี้แน่นอนหากนางไม่ได้พูดความจริง!
ความเป็นจริงแล้ว จี้เสี่ยวซี นั้นไม่ได้ตั้งใจโกหกพวกเขาเช่นกัน แต่ความเข้าใจที่ทุกคนเข้าใจกันอยู่ตอนนี้มันเกิดขึ้นจากการเลือกใช้คำของจี้เสี่ยวซี ที่มันผิดไปสักหน่อยเท่านั้นเอง
“ข้าบอกพวกเจ้าแล้วไง! พี่เขยของข้าเป็นผู้ชายที่น่าเกรงขาม แต่ไม่มีใครในพวกเจ้าเชื่อข้า! ฮึ่ม!” ฉู่ฮวนเจา กล่าวด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ อย่างไรก็ตามนางยังคงหันกลับมาประเมิน ซูอัน อีกรอบหลังจากพูดประโยคของนาง แต่สิ่งที่นางคิดกลับเป็นเรื่องที่ว่า พี่เขยของนางไปสนิทชิดเชื้อกับผู้หญิงคนนี้ได้ยังไง!
หากเรื่องนี้ดำเนินต่อไปมันย่อมไม่ดีแน่โดยเฉพาะที่ในตอนนี้พี่สาวของนางไม่อยู่! นับจากนี้ข้าคงต้องจับตาดูเขาเอาไว้ให้ดี ข้าไม่สามารถปล่อยให้จิ้งจอกตัวไหน… ฉู่ฮวนเจา มองไปที่ จี้เสี่ยวซีที่ดูไร้เดียงสาซึ่งทำให้นางไม่สามารถพูดอะไรที่ขัดต่อความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของนางได้
การแสดงออกของทุกคนเปลี่ยนไปอย่างช้า ๆ โดยเฉพาะเมื่อพวกเขานึกไปถึงเรื่องที่ ฉู่ฮวนเจา อ้างว่า ซูอัน สามารถทนแส้คร่ำครวญได้ถึง 7 ครั้ง โดยไม่ร้องออกมาซึ่งเมื่อรวมกับคำพูดของ จี้เสี่ยวซี ในตอนนี้ พวกเขาเริ่มสงสัยว่า ซูอัน อาจเป็นผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งจริง ๆ ก็ได้
ในเวลานี้เองที่ ซูอัน เดินไปหา เย่เฉินเหลียง และส่ายหัวอย่างเห็นใจและพูดว่า “ให้ข้าสอนบทเรียนให้เจ้าบ้างก็แล้วกัน เหตุผลเดียวที่เจ้าคิดว่าแมงดาไม่มีอะไรวิเศษก็เพราะว่าใบหน้าของเจ้าดูไม่ดีพอจนไม่เคยเป็นแมงดาแบบข้า และคนที่ไม่มีคุณสมบัติพอจะเป็นแมงดาอย่างเจ้าย่อมขาดจินตนาการที่จะเข้าใจว่าผู้ชายมีเสน่ห์อย่างข้านั้นมีอำนาจแค่ไหน เฮ้อ..เจ้าไม่สามารถแม้แต่จะจัดการกับผู้หญิงสองคนที่ยืนอยู่ข้างข้าในตอนนี้ได้ แล้วเจ้ากลับฝันที่จะต่อสู้กับข้าเนี่ยนะ?”
ฉู่ฮวนเจา: “…”
จี้เสี่ยวซี: “…”
ทุกคนต่างตกตะลึง พวกเขากำลังลืมตาขึ้นสู่ความสูงใหม่แห่งความไร้ยางอาย