เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 96 เป็นแมงดาไม่ใช่เรื่องง่าย (ปลาย)
บทที่ 96 เป็นแมงดาไม่ใช่เรื่องง่าย (ปลาย)
ร่างที่พยายามจะแอบหนีเมื่อครู่ ตัวแข็งค้างในทันที คำพูดของ ซูอัน มันคุกคามและกระตุ้นนางเกินไปจนนางทนไม่ไหว “หุบปากของเจ้าเดี๋ยวนี้!”
หลังจากนั้น ทุกคนก็เห็นหญิงสาวสวมเสื้อสีแดงและกระโปรงสีดำเดินเข้ามาอย่างเร่งร้อน ผิวของนางที่เรียบเนียนราวกับหยก ดวงตาของนางเป็นรูปไข่ รูปร่างทรวดทรงอันเข้ารูปไร้ที่ติ สิ่งเหล่านี้ทำให้บรรดาผู้ชายรู้สึกชาไปทั้งตัวส่วนบรรดาผู้หญิงกลับต้องรู้สึกอับอายในรูปร่างของตัวเอง
เพ่ยเหมียนหมาน ที่เคยแสดงแต่สีหน้าอ่อนโยนตอนนี้กลับแสดงสีหน้ามืดมน นางจ้องมาที่ ซูอัน ด้วยสายตาเดือดดาลพร้อมกับพูดว่า “ถ้าเจ้ากล้าพูดเรื่องนั้นออกมาเพียงครึ่งคำ ข้าจะฆ่าเจ้าทันทีคอยดู!”
คำพูดนี้ของนางยิ่งทำให้ทุกคนสงสัยเข้าไปใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนเข้าใจตรงกันก็คือสองคนนี้มีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากันแน่ ๆ! และนั่นทำให้หัวใจของผู้ชายนับไม่ถ้วนแตกสลายไปพร้อม ๆ กัน
นี่ข้าฝันอยู่ใช่ไหม! เทพธิดาในฝันของข้ากลับไปมีความสัมพันธ์กับไอ้คนแบบนี้ได้ยังไง โธ่ สวรรค์!!!!!
ในขณะเดียวกัน ซูอัน รู้สึกงุนงงเล็กน้อย เพราะเขาสังเกตเห็นว่าคะแนนความโกรธแค้นที่ได้มาจากการดึง เพ่ยเหมียนหมานมาร่วมวงมันเพิ่มขึ้นมาไม่มากเท่าตอนที่ ฉู่ฮวนเจา หรือ จี้เสี่ยวซี ปรากฏตัว มันได้มาแค่เพียงครึ่งเดียวเท่านั้นหากเทียบกับรอบก่อน ๆ
เกิดอะไรขึ้น? หรือว่าหน้าอกของ เพ่ยเหมียนหมาน ใหญ่ไม่พอหรือหน้าตาของนางไม่สวยพอ?
จากนั้น ซูอัน ที่งงงวยก็มองไปที่ฝูงชนและเขาก็ได้เห็นว่าสีหน้าของผู้คนทั้งหลายที่ก่อนหน้านี้มีแต่ความโกรธเคือง ตอนนี้มันถูกแทนที่ด้วยความอิจฉา… และความเคารพ
แม้แต่ เว่ยสั่ว ที่วิ่งหนีไปตั้งแต่แรกก็ยังวิ่งกลับมาและจับแขนเสื้อของเขาด้วยดวงตาที่เป็นประกาย “พี่ใหญ่ นับจากข้าขอคำนับให้ท่านเป็นพี่ใหญ่ของจนกว่า…”
ก่อนที่ เว่ยสั่ว จะพูดจบ บรรดาชายหนุ่มทั้งหลายก็เข้ามากระชากเขาออกแล้วพูดกับซูอันแทนด้วยท่าทางเคารพสุดขีด “ท่านอาจารย์ โปรดรับข้าเป็นศิษย์ของท่านด้วยเถอะ!”
“ท่านอาจารย์ โปรดเลือกข้า ข้าต้องการสืบทอดศิลปะการเป็นแมงดาของท่าน ข้าเชื่อว่าข้ามีคุณสมบัติเพียงพอ ข้าไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่นอน!”
“ไปไกล ๆ เลย! ข้าสิที่คู่ควรมากกว่า! ข้าคือผู้ที่คู่ควรที่สุดที่จะสืบทอดมรดกการเป็นแมงดาของท่านอาจารย์!”
“เฮ้ย! นี่เจ้ายังไม่ทันจะได้เป็นศิษย์ก็คิดหวังฮุบมรดกแล้วงั้นเหรอ? เหอะ! ไอ้คนน่าไม่อายเอ๊ย ท่านอาจารย์ ท่านอย่าได้รับไอ้คนเลวที่หวังฮุบมรดกท่านแบบนี้เชียวนะ ท่านรับข้าเอาไว้จะดีกว่าข้าสาบานว่าข้าจะไม่มีวันคิดร้ายต่อท่านแน่นอน!”
…
ซูอัน ได้แต่ถอนหายใจกับความโดดเด่นของเขา หากคีย์บอร์ดยอมรับคะแนนความเคารพไปด้วยป่านนี้เขาน่าจะได้เป็นล้านคะแนนแล้วแน่!
ในขณะเดียวกันเปลือกตาของ เพ่ยเหมียนหมาน ก็กระตุกอย่างควบคุมไม่ได้ นางกัดฟันแน่นจนได้ยินเสียงกรอด “ตอนนี้เจ้าคงมีความสุขมากสินะ!?”
ซูอัน โบกมือและตอบกลับ “เอาน่าอย่าไปคิดมากกับเรื่องเล็กน้อยเลย เอาเป็นว่าตอนนี้เจ้าช่วยข้าจัดการกับไอ้สองคนนี้ก่อน… ไม่สิ ๆ จัดการกับไอ้คนทรยศนั่นด้วย” ซูอัน ชี้ไปที่ หงซิงอิง ซึ่งกำลังซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางฝูงชน
ในความเป็นจริง ซูอัน ก็รู้สึกกังวลใจเช่นกัน เขาไม่แน่ใจว่าผู้หญิงคนนี้จะเต็มใจช่วยเขาหรือไม่ หากนางหันมาอัดเขาแทน เขาก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องใช้ไพ่ตายสุดท้ายของตัวเองซึ่งก็คืออาจารย์ใหญ่คนสวย!
เพ่ยเหมียนหมาน ยังคงจ้องไปที่ ซูอัน ด้วยแววตาโกรธจัด แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง นางก็ปรับสีหน้าเปลี่ยนเป็นเผยรอยยิ้มที่อ่อนโยนและตอบกลับว่า “ก็ได้!”
จากนั้นนางชี้ไปที่ หยวนเหวินตง เย่เฉินเหลียง และ หงซิงอิง และพูดว่า “พวกเจ้าทั้งสามคนเข้ามาพร้อม ๆ กันเลย ข้าจะได้ไม่ต้องเสียเวลา”
สีหน้าของทั้งสามคนเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดทันที หยวนเหวินตงรีบพูดขึ้น “แม่นางเพ่ย คือว่าข้า…”
เพ่ยเหมียนหมาน พูดแทรกขึ้นด้วยรอยยิ้มเย็นชา “เมื่อครู่เจ้าเพิ่งพูดว่าผู้ชายควรพึ่งพาความแข็งแกร่งของตัวเองไม่ใช่เหรอ ทว่าทำไมตอนนี้ข้ากลับเห็นแววตาหวาดกลัวจากพวกเจ้าทั้งสามคนกันล่ะ นี่พวกเจ้าจะไม่ยอมรับการท้าทายจากข้างั้นเหรอ? แต่ก็เอาเถอะหากว่าพวกเจ้ากลัวกันจริงๆก็จงคุกเข่าลงและก้มหัวให้ ซูอัน ซะแล้วข้าจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นในวันนี้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หงซิงอิง โกรธจนหัวแทบระเบิดทันที เขาตวาดกลับด้วยสีหน้าไม่ยินยอม “ก็ได้ ข้ายอมรับคำท้าของเจ้า! ใครกันที่กลัว…” ก่อนที่เขาจะได้ทันพูดจบ เงาสีดำก็พุ่งมาถึงตรงหน้าเขาและซัดหมัดเข้าที่ท้องของเขาอย่างรวดเร็ว
หงซิงอิง ไม่มีเวลาแม้แต่จะตอบโต้ เขาทรุดตัวลงกับพื้นทันที ร่างกายของเขาขดงอเป็นกุ้งสุก พร้อมกับหอบหายใจอย่างสิ้นหวัง
เพ่ยเหมียนหมาน เป่ากำปั้นของนางเองด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “ชิ! ระดับการบ่มเพาะยังไม่ถึงระดับ 4 ด้วยซ้ำ ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าเจ้าไปเอาความมั่นใจมากมายมาจากไหน เอาล่ะสองคนนั่น ถึงตาพวกเจ้าแล้ว”
สีหน้าของ หยวนเหวินตง เปลี่ยนเป็นซีดเซียวพร้อมกับก่นด่า หงซิงอิง อยู่ในใจที่ดันเสนอหน้าไปรับคำท้าก่อนคนอื่น! หากว่าวันนี้เขาไม่กล้ารับคำท้ามันจะกลายเป็นว่าเขาดูไร้ค่ามากกว่าไอ้คนที่ลงไปนอนตัวงอนั่นอีก! “เพ่ยเหมียนหมาน เจ้าอย่าทำอะไรให้มันเกินไปนัก! เจ้าควรจะรู้ว่าตอนนี้ข้าทะลวงระดับมาถึงระดับ 5 แล้ว!”
ในขณะที่พูด แสงสีทองก็เริ่มเปล่งแสงออกจากมือของเขาพร้อม ๆ กับที่กระบี่จำนวนมากพุ่งออกมาจากฝักของบรรดาผู้คนที่มุงดู ซึ่งกระบี่เหล่านั้นก็มาหมุนรอบตัวเขา ทำให้เกิดเป็นภาพที่ดูอลังการมาก
“นี่เขาทะลวงระดับถึงระดับห้าแล้วงั้นเหรอ? ข้าคิดว่าเขายังอยู่ระดับที่ 4อยู่เลยเมื่อครู่นี้!”
“เขาซ่อนมันไว้ดีจริง ๆ ! ข้าสงสัยจริงๆว่าการที่เขาปกปิดเอาไว้แบบนี้เพื่อต้องการเล่นงานใครรึเปล่า?”
“เฮ้ ดูเหมือนว่าเรื่องวันนี้มันจะสนุกกว่าที่คิดนะเนี่ย! เจ้าคิดว่าใครจะชนะ?”
“ยังต้องถามอีกเหรอ? เป็นเทพธิดาเพ่ยแน่นอนอยู่แล้ว!”
“มันอาจจะไม่แน่ก็ได้ทางด้านของ เย่เฉินเหลียง เองก็ไม่ได้อ่อนแอ แถมนี่เป็นการสู้แบบ 2 ต่อ 1 ข้าคิดว่าแม้แต่แม่นางเพ่ย ก็ยังอาจพ่ายแพ้ได้หากนางไม่ระมัดระวังให้ดี”
…
ทางด้านของ เย่เฉินเหลียง ตอนนี้เริ่มโคจรพลังชี่ของตัวเองเพื่อสร้างม่านกำแพงโปร่งใสรอบ ๆ ร่างกายของเขาซึ่งคล้ายกับกระดองเต่า
ซูอัน อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจกับ เย่เฉินเหลียง ที่สามารถเปลี่ยนพลังชี่ของตัวเองให้เป็นเกราะคลุมร่างกายของตัวเองจนทั่ว ซึ่งเผยให้เห็นว่าเขาเป็นผู้บ่มเพาะระดับสามขั้นสูงสุดอย่างแท้จริงและในขณะเดียวกัน หยวนเหวินตง ที่สามารถบังกระบี่ของชาวบ้านได้นั้นน่าจะเป็นความสามารถที่บังคับโลหะได้ คล้ายกับซุปเปอร์ฮีโร่คนหนึ่งที่สวมหมวกกันน็อคเมื่อชีวิตก่อนของเขา
ซูอัน รู้สึกว่าเขาไม่น่าจะมีโอกาสเอาชนะทั้งสองคนเลยหากสู้แบบปกติ โอกาสเดียวที่เขาอาจจะชนะได้ก็คือการสู้แบบ1ต่อ1ซึ่งเขาจำเป็นต้องใช้ทักษะของ จ้าววายุ ร่วมกับ แท่งพิษ ไปด้วยเขาถึงจะพอมีโอกาส
หยวนเหวินตง เข้าใจดีว่าผู้ที่เริ่มการโจมตีก่อนส่วนใหญ่จะเป็นฝ่ายได้เปรียบดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลที่จะส่งกระบี่นับสิบเล่มบินพุ่งไปหาเพ่ยเหมียนหมาน ทันที ในเวลาเดียวกัน เย่เฉินเหลียง ก็พุ่งไปข้างหน้าราวกับกระทิงบ้าตามติดกระบี่บินเหล่านั้นไม่ห่างหวังกระแทกร่างอันงดงามนั้นให้กระเด็น!
ในทางกลับกันเมื่ออยู่ต่อหน้าการโจมตีอันรุนแรง เพ่ยเหมียนหมาน กลับดูเหมือนจะไม่สะทกสะท้านอะไรเลย จู่ ๆ เปลวไฟสีดำลุกโชนขึ้นจากเท้าของนางและค่อยม้วนตัวเปลี่ยนเป็นรูปร่างคล้ายกับมังกรศักดิ์สิทธิ์พันร่างของนางเอาไว้ ส่งผลให้กระบี่ทั้งหมดที่พุ่งเข้ามาสัมผัสกับเปลวเพลิงนั้นหลอมละลายหายไปทันทีภายในพริบตา!