เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 98 ตำนานของเจ้าแห่งแมงดา (ปลาย)
บทที่ 98 ตำนานของเจ้าแห่งแมงดา (ปลาย)
“ข้างกายข้า? ใครกัน? ทำไมข้าถึงไม่รู้เรื่องเลย?” เซี่ยซิว รู้สึกงุนงงเพราะเขาแน่ใจว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนที่เขาควงมีความงามถึงระดับของสิบสุดยอดสาวงามแน่ ๆ
“ก็พี่สาวของเจ้าเป็นหนึ่งในสิบสุดยอดสาวงามไม่ใช่เหรอ? หากมีโอกาสข้าเองก็อยากให้ น้องเซี่ย ช่วยแนะนำพี่สาวของเจ้าให้ข้ารู้จักบ้างเช่นกัน”
เซี่ยซิว เกือบสำลักน้ำลายของเขา “นะ..นั่น… เอ่อ…ข้าเพิ่งนึกได้ว่ายังมีเรื่องด่วนที่ต้องจัดการ พี่ซู ตอนนี้ข้าคงต้องขอตัวก่อนเอาไว้พวกเราค่อยคุยกันใหม่ก็แล้วกันนะ!” เมื่อพูดจบ เซี่ยวิว รีบวิ่งจากไปทันทีโดยไม่สนใจเลยว่า ซูอัน จะพูดอะไรต่อ เขาวิ่งออกไปโดยไม่หันศีรษะกลับมาแม้แต่ครั้งเดียว
ซูอัน ตกตะลึง “ทำไมไอ้หมอนี่ถึงทำหน้าหยั่งกับเห็นผีแบบนั้น?”
ในทางกลับกัน ความเคารพของ เว่ยสั่ว ที่มีต่อ ซูอัน ก็ยิ่งลึกซึ้งยิ่งขึ้น “ลูกพี่ ท่านนี่สุดยอดจริง ๆ เลยแม้ว่าท่านจะมีอยู่ถึงสี่คนแล้ว แต่ท่านก็ยัง
ไม่พอใจอยากจะครอบครองพี่สาวของนายน้อยเซี่ยเพิ่มอีก! ข้าคิดว่าในโลกนี้คงไม่มีใครที่สามารถเทียบเทียมท่านได้แน่นอน!”
“ลิ้นของเจ้านี่มันช่างไหลลื่นจริง ๆ นะ หากเจ้าผันตัวเองไปเป็นพ่อค้าข้าคิดว่าการค้าของเจ้าคงรุ่งเรืองกว่าใครอย่างแน่นอน!” ซูอัน รู้สึกหมั่นไส้
ที่เว่ยสั่ว ประจบประแจงเขาขนาดนี้ เมื่อพูดจบเขาจึงผลัก เว่ยสั่ว ให้ออกไป
ห่าง ๆ จากนั้นเขาหันความสนใจไปที่ จี้เสี่ยวซี และพูดว่า “น้องจี้ เมื่อครู่นี้ข้าต้องขอบคุณเจ้ามากจริง ๆ ที่ช่วยพูดให้ข้า”
แต่ก่อนที่ จี้เสี่ยวซี จะทันได้ตอบกลับ ฉู่ฮวนเจา กลับพูดแทรกขึ้นด้วย
สีหน้าไม่พอใจ “นี่ท่านหมายความว่ายังไง? ทำไมท่านถึงขอบคุณแต่นางทั้ง ๆ ที่ข้าเป็นคนออกหน้าให้ท่านก่อนแท้ ๆ !”
แก้มของ จี้เสี่ยวซี เปลี่ยนเป็นสีแดง “ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้าหรอกพี่ซู ข้าแค่ทำในสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้น ตอนนี้ข้าคงต้องขอตัวก่อนก็แล้วกัน…”
ดูเหมือนว่านางยังรู้สึกไม่สบายใจที่จะเป็นศูนย์กลางของความสนใจที่นี่ ดังนั้นนางจึงเริ่มวิ่งออกไปทันทีหลังจากที่พูดจบ อย่างไรก็ตาม หลังจากก้าวไปเพียงไม่กี่ก้าว นางก็หันกลับมาและพูดว่า “ข้าเกือบลืมไปเลย แวะมาที่
บ้านข้าบ้าง เมื่อท่านมีเวลาว่าง พ่อของข้าต้องการคุยกับท่าน”
“อู้ววว~”
บรรดาผู้คนต่างมองพวกเขาสองคนด้วยสายตาแปลกประหลาด
ซึ่งมันทำให้ จี้เสี่ยวซี ยิ่งรู้สึกประหม่ามากขึ้น และในไม่ช้านางก็รู้ตัวว่าคำที่นางพูดไปมันสามารถสื่อไปทางความหมายอื่นที่น่าอายได้ด้วย! แต่นางไม่รู้ว่านางควรจะเริ่มอธิบายเรื่องนี้อย่างไร ดังนั้นท้ายที่สุดนางจึงยอมแพ้และวิ่งหนีไปพร้อมกับใบหน้าที่แดงก่ำ
“นี่มันอะไรกันเนี่ย? นางกล้าดียังไงที่มายั่วยวนท่านต่อหน้าข้าแบบนี้!” ฉู่ฮวนเจา โกรธจัดจนหน้าอกเล็ก ๆ ของนางพองขึ้นอย่างเห็นได้ชัดซึ่งมันกลับทำให้นางดูน่ารักอย่างไม่น่าเชื่อ
ซูอัน กลอกตา “นี่เจ้าเป็นภรรยาของข้ารึไง ทำไมเจ้าถึงยุ่งเรื่องของข้ามากขนาดนี้?”
ซูอัน เข้าใจในความหมายของคำพูด จี้เสี่ยวซี เป็นอย่างดีว่ามันหมายความว่าอะไร การที่พ่อของนางต้องการเจอเขามันคงไม่ใช่เรื่องอื่นนอกจากเรื่องอาการผิดปกติในร่างของเขา ดูเหมือนว่าเขาจะต้องเร่งรีบหาไอ้สิ่งที่ไอ้หมอลามกนั่นต้องการให้ได้ไว ๆ หรือไม่บางทีเขาอาจจะลองหลอก
ไอ้เฒ่าจี้เติ้งถู นั่นด้วยชุดชั้นในของคนอื่นดู!
“ข้า… ข้าแค่จับตาดูท่านแทนพี่สาวของข้าก็เท่านั้น!” แก้มของ ฉู่ฮวนเจา พองออกด้วยความขุ่นเคือง “พี่สาวของข้าแค่ไม่อยู่บ้านไม่กี่วันแต่ท่านกลับมีผู้หญิงมาเกาะแกะหลายคนแล้วแบบนี้ข้าจะปล่อยท่านไปง่าย ๆ ได้ยังไง!?”
ซูอัน ตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า “เจ้ามาจับตาดูข้าแบบนี้เจ้าได้เคยลองถามพี่สาวของเจ้ารึเปล่าว่านางต้องการให้เจ้ามาจับตาดูข้าไหม?”ทุกครั้งที่ภรรยาของข้าคนนั้นมองมาที่ข้า สายตาของนางมันไม่ต่างอะไรกับมองผู้คนแปลกหน้าบนถนนที่นางเดินผ่าน! ไม่ใช่สิ ในสายตาของนางข้าอาจจะมีค่าน้อยกว่าคนแปลกหน้าพวกนั้นซะด้วยซ้ำไป ดังนั้นทำไมข้าต้องรักษาพรหมจรรย์เพื่อนางด้วย!
“ฮึ่ม! หยุดทำตัวบ้าผู้หญิงสักชั่วอึดใจมันจะตายเหรอไง!” หยวนเหวินตง เดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าเกลียดชัง “ซูอัน ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะใช้ชีวิตโดยซ่อนตัวอยู่หลังผู้หญิงได้ตลอด อีกไม่นานการประลองระหว่างตระกูลจะถูกจัดขึ้นซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นเรามาดูกันว่าเจ้าจะหาผู้หญิงที่ไหนมาแทนที่เจ้าบนสังเวียนได้ไหม!”
ซูอัน รู้สึกสับสน เขาหันไปหา ฉู่ฮวนเจา และถามว่า “การประลองระหว่างตระกูล? มันคืออะไรกัน?”
ฉู่ฮวนเจา ทำหน้าบึ้งอย่างไม่พอใจ แต่นางยังคงตอบคำถามของเขาว่า “เช่นเดียวกับตระกูลฉู่ของเรา ตระกูลหยวน ทำการค้าในสินค้าประเภทเดียวกับเราดังนั้นพวกเราจึงมีการแข่งขันกันมากมาย เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ความขัดแย้งทวีความรุนแรง พวกเราทั้งสองตระกูลจึงทำข้อตกลงกันว่าทุก ๆ 3 ปีจะจัดการประลองระหว่างตระกูลขึ้นโดยให้บรรดาคนรุ่นเยาว์ของทั้งสองตระกูลประลองกัน ตระกูลใดที่เป็นผู้ชนะจะได้เป็นผู้กำหนดส่วนแบ่งการตลาดในช่วงสามปีถัดไป”
“แล้วข้าต้องมีส่วนร่วมด้วยหรือเปล่า?” ซูอัน ถามต่อทันที
ฉู่ฮวนเจา พยักหน้าเป็นคำตอบ “ทุกคนในตระกูลต้องมีส่วนร่วมทั้งหมด ครั้งก่อนเป็นพี่สาวและลูกพี่ลูกน้องของข้าจากตระกูลสาขาที่สองและสาขาที่สาม แต่ครั้งนี้เนื่องจากท่านเป็นเขยของตระกูลฉู่แล้ว
ดังนั้นมันเป็นไปได้ว่าท่านจะต้องก้าวขึ้นไปบนลานประลองเพื่อเป็นตัวแทนของพวกเราด้วย”
ซูอัน รู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเมื่อได้ยินเรื่องนี้
นี่มันอะไรกันเนี่ย? ข้าไม่สามารถแม้แต่จะเพลิดเพลินไปกับสิทธิพิเศษของการเป็นลูกเขยของตระกูลอันสูงส่ง แต่ตอนนี้ข้ากลับยังต้องมาทำหน้าที่ออกไปประลองให้เจ็บตัวให้อีกเนี่ยนะ?
“ถ้าอย่างนั้น… ตระกูลหยวนก็เป็นตระกูลอ๋องด้วยเหมือนกันงั้นเหรอ?”
ฉู่ฮวนเจา ส่ายหัวตอบ “ไม่ใช่หรอก ถึงแม้ว่าตระกูลของพวกเขา
จะมีเชื้อสายจากชนชั้นสูง แต่พวกเขานั้นไม่มีศักดินา ในแง่ของตำแหน่ง
พวกเขาต่ำกว่าพ่อของข้ามาก”
ซูอัน อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ถ้างั้นนี่มันไม่ใช่เรื่องน่าอายหรอกเหรอ
ที่ตระกูลขุนนางอย่างเรากลับต้องมาแข่งขันกับตระกูลที่ด้อยกว่าแบบนี้
เพื่อตัดสินส่วนแบ่งตลาดการค้า?”
ก่อนที่ ฉู่ฮวนเจา จะทันได้ตอบคำถาม หยวนเหวินตง ตอบแทรกขึ้นก่อนด้วยสีหน้าขุ่นเคือง “อ๋องฉู่ มีตำแหน่งสูงก็จริง แต่แผ่นดินราชวงศ์โจวนั้นปกครองด้วยกฎหมาย นอกจากนี้ ตระกูลฉู่ ไม่ใช่เพียงตระกูลเดียวที่มีเชื้อสายขุนนางชั้นสูง!”
ซูอัน พยักหน้ารับรู้ “อา ข้าเข้าใจสิ่งที่เจ้าพูด เจ้ากำลังจะพูดอ้อม ๆ ว่าตระกูลของเจ้ามีคนหนุนหลังอยู่ใช่ไหมล่ะ? มิน่าล่ะตอนนี้ข้าไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมเจ้าถึงเห่าได้เสียงดังมากขนาดนี้ ที่แท้เจ้าก็มีคนให้ข้าวเป็นคนใหญ่คนโตนี่เอง!”
ท่านยั่วยุ หยวนเหวินตง สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +321!
เมื่อเห็นว่าแถว ๆ นี้ยังคงมีเจ้าหน้าที่ของสถาบันเดินวนไปวนมาอยู่รอบ ๆ หยวนเหวินตง ก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ก่อนจะพูดว่า “เจ้าไม่มีอะไรเลยนอกจากปากที่เฉียบคมของเจ้า ดังนั้นข้า
จะไม่เสียเวลาทะเลาะกับเจ้า รอให้ถึงวันประลองก่อนเถอะ…”
จากนั้น หยวนเหวินตง เอนตัวมาหา ซูอัน และกระซิบเบา ๆ “ข้าจะหักแขนและขาของเจ้า ข้าจะทำให้เจ้าเป็นคนพิการไปตลอดชีวิต!”
ซูอัน ถอนหายใจยาวจากนั้นเขาพูดเสียงดังว่า “เฮ้อ…ถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าคงยังไม่คิดถึงเรื่องที่ยังมาไม่ถึงแบบนี้ ตอนนี้ข้าคงใช้สมองมาคิดก่อนว่าจะชดเชยกระบี่ของผู้คนมากมายที่ถูกทำลายได้ยังไงมากกว่า!”
เนื่องจากการปรากฏตัวของ ลู่เต๋อ อย่างกะทันหันก่อนหน้านี้ทำให้ผู้คนทั้งหลายลืมไปเลยเรื่องที่กระบี่ของพวกเขาถูก หยวนเหวินตง ยืมไปทำพังจนผู้คนส่วนใหญ่ที่เคยมุงดูได้กระจัดกระจายหายไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังมีคนอีกหลายสิบคนที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม พวกเขาจ้องไปที่ หยวนเหวินตง
ด้วยสีหน้าลังเลไม่แน่ใจว่าควรจะเรียกร้องรึเปล่า
อย่างไรก็ตาม เมื่อ ซูอัน ยกประเด็นนี้ขึ้นมาอีกครั้ง ในที่สุดคนเหล่านี้
ก็รวบรวมความกล้าและเริ่มตะโกนออกมาดัง ๆ
“ชดใช้กระบี่ของพวกเรามา!”
“ข้าเพิ่งซื้อกระบี่ของข้ามาได้ 1 อาทิตย์เท่านั้นเอง ชดใช้กระบี่
ของข้ามา!”