เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 99 ไม่เคยกินหรู (ต้น)
บทที่ 99 ไม่เคยกินหรู (ต้น)
สีหน้าของ หยวนเหวินตง เปลี่ยนเป็นมืดหม่น “หุบปาก! ตระกูลของข้าค้าขายอาวุธมากมาย พวกเจ้าคิดว่าข้าไม่มีปัญญาชดใช้กระบี่ถูก ๆ
ของพวกเจ้าเหรอไง!?”
หยวนเหวินตง ใช้เวลาอยู่นานกว่าที่จะทำให้ฝูงชนสงบลงได้และเมื่อ
เขาหันมาจะคิดบัญชีกับซูอันต่อ เขาก็เพิ่งรู้ตัวว่าอีกฝ่ายได้หายไปแล้ว
ท่านยั่วยุ หยวนเหวินตง สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +123!
ซูอัน ถูก ฉู่ฮวนเจา ลากไปที่โรงอาหาร ซึ่งโรงอาหารของที่นี่มันทำให้เขารู้สึกขบขันอยู่ในใจเพราะมันค่อนข้างคล้ายกับโรงอาหารในมหาวิทยาลัยในชาติก่อนของเขามาก ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือพวกเขาไม่จำเป็นต้องเดินไปต่อแถวซื้ออาหารด้วยตัวเอง ที่นี่จะมีบริกรมาจดรายการอาหารแทน
“อยากกินอะไรสั่งเลยวันนี้ข้าเลี้ยงท่านเอง!” ฉู่ฮวนเจา โยนแผ่นกระดาษรายการอาหารให้กับ ซูอัน พร้อมกับพูดขึ้นด้วยสีหน้าวางมาดร่ำรวย
เว่ยสั่ว ที่ถูกนางไล่ให้ไปนั่งโต๊ะข้าง ๆ แอบยกนิ้วโป้งให้ ซูอัน
เขารู้สึกว่าลูกพี่คนใหม่ของเขาคนนี้เป็นแมงดาที่สุดยอดที่สุดไม่มีใครทัดเทียมได้เลยจริง ๆ
ในทางกลับกัน ซูอัน ไม่ได้สนใจที่จะดูรายการอาหารเลยแม้แต่น้อยเขาหันไปหาบริกรที่ยืนรออยู่ข้าง ๆ และพูดว่า “เอาทุกอย่างมาให้ข้าอย่างละ 1 ที่!”
เขาค่อนข้างอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับอาหารในโลกนี้ มันมีอาหารหลายอย่างในรายการที่เขาค่อนข้างสงสัย พูดตามตรง เขาไม่รู้จักอาหารพวกนี้ส่วนใหญ่ ดังนั้นมันคงจะดีถ้าเขาสามารถลองทุกอย่างได้
ท่านยั่วยุ ฉู่ฮวนเจา สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +99!
“อย่าไปฟังเขา!” ฉู่ฮวนเจารีบบอกกับบริกรก่อนที่จะจ้องเขม็งไปที่ ซูอัน ด้วยสายตาจิกกัด “ท่านเป็นหมูเหรอไง!? ท่านสั่งมาทุกอย่างท่านกินหมดอย่างนั้นเหรอ?”
“ข้ากินมันไม่หมดหรอก” ซูอัน ยักไหล่ “แต่ข้าอยากลองชิมมันทุกจาน อย่างที่เจ้าก็รู้ ข้าเกิดมาจากครอบครัวที่ยากจนและไม่เคยได้กินอะไรดี ๆ
มาก่อน ดังนั้นในเมื่อวันนี้ข้ามีเจ้ามือเลี้ยงอาหารแบบไม่อั้น ข้าก็ต้องลองมันให้หมดทุกอย่างเพื่อเติมเต็มความฝันในวัยเด็กยังไงล่ะ!”
ฉู่ฮวนเจา: “…”
“ไม่ได้ ๆ งั้นข้าขอเปลี่ยนคำพูดใหม่! ข้าอนุญาตให้ท่านสั่งได้ 10 …
ไม่สิ ๆ แค่ 8 จานเท่านั้น!”
“ทำไม?” ซูอันถาม
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูอัน ค่อนข้างประทับใจในตัวสาวน้อยตรงหน้า
สำหรับตัวเขาแล้ว อาหารแค่ 4 จานก็น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับทำให้พวกเขาทั้งสองคนอิ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากรูปร่างของสาวน้อย
ตรงหน้าที่มีขนาดค่อนข้างเล็ก แต่ใครจะไปคิดว่านางจะใจกว้างอนุญาตให้เขาสั่งได้ถึง 8 จาน
ดูเหมือนว่าพวกขุนนางจะใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยจริงๆ ข้าต้องเรียนรู้ตัวอย่างของพวกเขา… แค่ก! ไม่ใช่ ๆ ข้าหมายถึงตักเตือนพวกเขาให้ประหยัดกว่านี้!
ฉู่ฮวนเจา ก้มหน้าลงแสดงท่าทีกระอักกระอ่วน “คือ…ข้า… ข้าไม่มีเงินมากขนาดนั้น…”
ซูอัน ส่ายหัวด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ไม่ควรบอกให้ข้า
สั่งได้ตามใจตั้งแต่แรก ทำไมต้องอวดเมื่อเจ้าไม่มีความสามารถพอที่จะทำตามคำที่ตัวเองเอ่ยออกมา?”
ในที่สุด ฉู่ฮวนเจา ก็ไม่สามารถระงับอารมณ์ของนางได้อีกต่อไป
นางทุบฝ่ามือของนางลงบนโต๊ะพร้อมกับกระทืบเท้า “ซูอัน เจ้าจะกิน
หรือไม่กิน!”
ท่านยั่วยุ ฉู่ฮวนเจา สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +666!
“กินสิ ทำไมข้าจะไม่กิน” ซูอัน เหลือบมองบริกรที่แสดงสีหน้าตกตะลึงอยู่ข้างๆและพูดว่า “เอาอาหาร8อย่างที่แพงที่สุดมาให้พวกเรา”
“ได้เลยคุณชาย~” บริกรชำเลืองมอง ฉู่ฮวนเจา เพื่อขอความเห็นชอบจากนาง และเมื่อเห็นว่านางไม่ได้คัดค้าน เขาก็รีบวิ่งออกไปเพื่อเอารายการคำสั่งไปดำเนินการ
ระหว่างนั้นก็มีผู้ชายกลุ่มหนึ่งนั่งซุบซิบกันอยู่ไม่ไกล…
“เห็นไหม? แมงดาไม่ได้วิเศษวิโสอย่างที่พวกเจ้าคิดสักหน่อย
ในท้ายที่สุด แมงดาก็ต้องยอมจำนนให้กับผู้หญิงที่ตัวเองเกาะอยู่ดี ไม่เช่นนั้นหากหญิงสาวที่ตัวเองเกาะอยู่เบื่อขึ้นมาเมื่อไหร่ แมงดาก็คงถูกทิ้งไม่ต่างอะไรกับหมาจรจัดตัวหนึ่ง!”
“นั่นไม่ได้ดูเหมือนกับที่เจ้าพูดสักหน่อย มันดูเหมือนว่าผู้หญิงกำลัง
เอาใจเขาให้ได้มากที่สุดตามที่ทุนทรัพย์ของนางจะอำนวยต่างหากล่ะ!”
“ชิ! ใครจะสนว่าใครกันแน่ที่ยอมใคร? ถ้าข้าได้หญิงสาวที่งดงามแบบนั้นมาอุปการะ ข้าจะไม่บ่นอะไรสักคำต่อให้ข้าต้องเดินตามหลังนางต้อย ๆ และขานรับทุกครั้งที่นางเรียกหา!”
“ข้าด้วย!”
“ข้าด้วย!”
“พวกเจ้านี่มันช่างไม่มีความทะเยอทะยานเอาซะเลย…แต่…ข้าเองก็ยอมเหมือนกัน…”
“ถุย!”
ย้อนกลับมาที่ด้านของซูอัน ฉู่ฮวนเจา จ้องที่ ซูอัน ด้วยสายตาจับผิด
ในขณะที่นางสอบปากคำ “ ซูอัน อธิบายมาซะดี ๆ ว่าไปยุ่งกับผู้หญิงพวกนั้นได้ยังไง!”
ชายหนุ่ม เคาะโต๊ะและบ่นว่า “เฮ้ เฮ้ เจ้าลืมไปแล้วงั้นเหรอว่าเจ้าต้องเรียกข้าว่ายังไง เรียกข้าว่าพี่เขยเดี๋ยวนี้!”
ฉู่ฮวนเจา เกือบสำลักเมื่อได้ยินประโยคนี้ แก้มของนางพองขึ้นอีกครั้งพร้อมกับบ่นอย่างไม่พอใจ “ท่านยังไม่เลิกคิดถึงเรื่องนั้นอีกเหรอไง?
ข้าแพ้พนันท่านก็จริง แต่ข้าก็เรียกท่านว่าพี่เขยไปก็หลายรอบแล้ว แถมวันนี้ข้ายังก้าวออกมาปกป้องท่านอีก ไม่ว่าจะมองยังไง มันก็น่าจะนับได้ว่าข้าชดใช้ให้ท่านไปหมดแล้วนะ!”
ซูอัน เดาะลิ้นตัวเอง “ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าเจ้าจะปกป้องข้า
ข้าเองก็หลงเชื่อไปว่าเจ้ามีอิทธิพลในสถาบัน ทว่าความจริงกลับกลายเป็นว่า
เจ้าไม่สามารถแม้แต่จะจัดการกับไอ้พวกลิ่วล้อพวกนั้นได้จนท้ายที่สุด
ข้าก็ต้องลงมือด้วยตัวเอง!”
ฉู่ฮวนเจา แสดงสีหน้างงุนงง “นี่ท่านกล้าบอกว่าลงมือด้วยตัวเอง
ได้ยังไงกัน? ท่านเรียกให้ผู้หญิงอีกคนออกมาสู้แทนท่านต่างหาก!”
“แล้วมันต่างจากที่ข้าพูดตรงไหน?” ซูอัน ยักไหล่ “ข้าอาศัยความสามารถของตัวเองในการทำให้พวกนางมาช่วยเหลือข้ายังไงล่ะ!”
คำพูดของซูอัน บิดเบือนตรรกะเหตุและผลทุกอย่างที่เคยมีมาจนทำให้
ฉู่ฮวนเจา ต้องสับสนจนอ้าปากค้าง แต่แล้วในท้ายที่สุดนางก็บอกปัด
ด้วยสีหน้าหงุดหงิดและพูดว่า “พอหยุดเปลี่ยนเรื่อง! รีบสารภาพซะ!
ท่านมีสัมพันธ์กับพวกนางได้อย่างไร!”
ซูอันขมวดคิ้ว “เจ้าพูดอะไรของเจ้าเนี่ย มีสัมพันธ์? เจ้าเป็นเด็กสาว!
เจ้าไม่ควรใช้คำพูดสองแง่สองง่ามแบบนี้!”
สีหน้าของ ฉู่ฮวนเจา เปลี่ยนเป็นเย้ยหยัน “ข้าไม่นึกเลยว่าคนอย่างท่าน
มีด้านที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ เหอะ ช่างจอมปลอมซะจริง ๆ ”
ซูอัน: “…”
“ข้ากำลังพยายามจะสอนเจ้าให้อยู่กับร่องเข้ากับต่างหาก! เด็กผู้หญิง
ไม่ควรแสดงอากัปกิริยากระโชกโฮกฮากแบบนี้มันดูไม่งาม หากเจ้าทำตัวน่ารัก ๆ ดูอ่อนหวานให้สมกับเป็นผู้หญิงมากกว่านี้ เจ้าจะไม่ถูกจัดอันดับ
ให้อยู่ในอันดับที่เก้าของสิบสุดยอดสาวงาม!”
“เหอะ ท่านคิดว่าข้าต้องการให้ท่านมาสอนข้าเหรอไง? ข้าไม่ต้องการให้ใครมาสอนข้า ข้าสบายใจอยากทำอะไรข้าก็จะทำ!” ฉู่ฮวนเจา ตอบกลับ
ด้วยสีหน้าเย็นชา
ซูอัน หัวเราะ “เอาน่า ทำไมเจ้าไม่ลองทำตามที่ข้าบอกสักหน่อยล่ะ?”
“หยุดยุ่งย่ามได้แล้ว!” ฉู่ฮวนเจากลอกตาก่อนจะรินน้ำชาให้ตัวเอง จากนั้นนางยกขาขึ้นข้างหนึ่งขึ้นมาเหยียบบนม้านั่งบนม้านั่ง ซึ่งเป็นท่านั่งที่ขัดกับการเป็นกุลสตรีอย่างสิ้นเชิง แต่ยังโชคดีที่ ขาของนางยังเรียบเนียนและด้วยผมที่ตรงเป็นเงายาวถึงไหล่ของนางจึงทำให้ถึงแม้ท่าทางการนั่ง
จะดูไม่เรียบร้อยนางก็ยังมีเสน่ห์อยู่ แต่เป็นเสน่ห์ที่ดูดุดันไม่เหมือนใคร
เมื่อเห็นว่านางนั่งท่านี้ได้ราบรื่นราวกับว่านางทำอยู่ประจำ ซูอันจึงเลิกคิดที่จะทำให้นางมีนิสัยเหมือนหญิงสาวปกติทั่วไป
“ท่านพูดพล่ามไปตั้งมากมาย แต่ตอนนี้ท่านก็ยังไม่ได้บอกข้าสักทีว่าท่านรู้จักกับพวกนางได้ยังไง!” ฉู่ฮวนเจา ยังคงถามคำถามเดิมต่อไปอย่างไม่ลดละ
ซูอัน คิดว่านางคงไม่เลิกเซ้าซี้เป็นแน่แน่หากเขาไม่ตอบคำถามนี้สักที ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจตอบนางด้วยสีหน้าละอาใจ “ข้าพบกับ จี้เสี่ยวซี
ก่อนหน้านี้ตอนที่ข้าออกไปเดินเล่นรอบๆ เมือง ส่วน เพ่ยเหมียนหมาน
นางเป็นสหายสนิทของพี่สาวเจ้าไม่ใช่เหรอ? ดังนั้นมันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่นางจะยื่นมือเข้ามาช่วยสามีของสหายนางจริงไหม?”
“แค่นี้เหรอ?” ฉู่ฮวนเจา หรี่ตาพยายามจับผิด
“มันจะมีอะไรอีกได้ยังไง?”