เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1000
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1000
แต่สำหรับผู้ฝึกชี่ง่ายกว่ามาก อย่างน้อยลู่ฝานที่ไม่ได้มีวิชาผู้ฝึกชี่ที่ลึกล้ำ ยังสามารถทำห้าธาตุควบคุมลมได้
ผู้อาวุโสโม่กวาดตามองลู่ฝานกับอี้ปู่ จู่ๆ ก็ยิ้มออกมา
บนใบหน้าชรามีรอยย่นรวมตัวกันจนเป็นกลุ่มก้อน ดวงตาจมลงไปในรอยย่น ใบหน้าเขาดูเหมือนซาลาเปาที่ขึ้นรา
ผู้อาวุโสโม่ยิ้มแล้วพูดว่า “อี้ปู่ ลู่ฝาน การประลองด้านยาของพวกนายสองคน ทำให้ฉันเปิดโลกจริงๆ เปิดโลกยิ่งใหญ่มาก!”
อาจเป็นเพราะสำคัญมาก ผู้อาวุโสโม่จึงพูดสองรอบ
ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ใช่ผมครับ เจ้าดำต่างหาก ไม่เกี่ยวกับผม”
ตอนนี้จำเป็นต้องปัดความรับผิดชอบออกจากตัวเอง ไม่งั้นปัญหาจะใหญ่
ผู้อาวุโสโม่ยิ้มแล้วพูดกับอี้ปู่ก่อน “อี้ปู่ อีกเดี๋ยวนายไปชั้นบนของเจดีย์ยากับฉันหน่อยได้ไหม”
อี้ปู่เอียงหัว จู่ๆ ก็หัวเราะแล้วพูดว่า “นายเตรียมห้องใหญ่ให้ฉันเหรอ”
ผู้อาวุโสโม่ยิ้มแล้วพูดว่า “ใช่ ห้องใหญ่”
“มีถังหูลู่ด้วยหรือเปล่า”
“มี!”
“แล้วหนังสือยากับวิชาล่ะ”
“เหมือนกัน นายดูได้ตามใจเลย!”
ผู้อาวุโสโม่ถามตอบกับอี้ปู่ ห้าวหาญตรงไปตรงมามาก
อี้ปู่ยิ้มแล้วพูดว่า “งั้นได้เลย ฉันจะไปกับนาย!”
ผู้อาวุโสโม่พยักหน้าพอใจ แอบพูดในใจว่าเด็กนี่หลอกง่ายจริงๆ
ผู้อาวุโสโม่มองมาที่ลู่ฝานแล้วพูดว่า “ลู่ฝาน นายพอจะให้ฉันยืมอสูรวิเศษของนายสักสองสามวันไหม นายวางใจได้เลย ฉันจะไม่ทำให้มันบาดเจ็บแม้แต่นิดเดียว ถ้านายไม่เชื่อ ฉันสามารถทำหยกชีวิตชั้นดีให้มันได้ ให้นายพกติดตัวเอาไว้”
ลู่ฝานพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าดำเป็นแค่อสูรวิเศษตัวเล็กๆ เท่านั้น ผู้อาวุโสถึงกับต้องให้ความสำคัญขนาดนี้เลยเหรอครับ”
ผู้อาวุโสโม่พยักหน้าแรง “คุ้มค่าที่จะให้ความสำคัญ ลู่ฝาน แค่นายพยักหน้า ฉันรวมถึงเจดีย์ยา จะเป็นมิตรกับนายตลอดไป”
เพียงประโยคเดียว ทำให้เฮ่อจงกับตาเฒ่าซูหน้าเปลี่ยนสี
พวกเขาสองคนเข้าใจความหมายของประโยคที่ผู้อาวุโสโม่พูด ผู้อาวุโสโม่พูดประโยคนี้ออกมาในฐานะผู้อาวุโสของเจดีย์ยา อีกทั้งยังพูดต่อหน้าผู้ฝึกชี่เยอะขนาดนี้ คำสัญญานี้เทียบได้กับป้ายทองเว้นตายเชียวนะ
นี่หมายความว่าไม่ว่าต่อไปลู่ฝานทำอะไร อย่างน้อยก็มีเจดีย์ยายืนอยู่ด้านหลัง
ทั้งประเทศอู่อาน ใครกล้าเพิกเฉยเจดีย์ยาบ้างล่ะ
ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “งั้นก็ได้ แต่ผมต้องการผลประโยชน์!”
ผู้อาวุโสโม่พูดว่า “ฉันบอกแล้วว่าฉันกับเจดีย์ยาเป็นมิตรของนาย”
ลู่ฝานส่ายหน้าพูดว่า “นี่เป็นเพียงคำพูดปากเปล่า ไม่ใช่ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจริง ผมเป็นคนที่ค่อนข้างอยู่กับความจริง ผมชอบผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจริง”
สีหน้าผู้อาวุโสโม่เปลี่ยนไปเล็กน้อย
เฮ่อจงกับตาเฒ่าซูตกใจจนช็อกไปแล้ว
ต้องกล้าขนาดไหนกัน ถึงถามหาผลประโยชน์จากผู้อาวุโสเจดีย์ยาอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้
ตาเฒ่าซูพูดเสียงดังว่า “ลู่ฝาน นายรู้ไหมว่าคนที่ยืนตรงหน้านาย คือผู้อาวุโสโม่ของเจดีย์ยาเชียวนะ”
ขณะนั้นผู้อาวุโสโม่ยกมือขึ้นมาห้ามตาเฒ่าซู มองลู่ฝานด้วยรอยยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ได้เห็นคนหนุ่มที่ให้ความสำคัญกับความเป็นจริงแบบนายมานานแล้ว นายว่ามาสิว่าต้องการผลประโยชน์แบบไหน”
ลู่ฝานครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “ผมต้องการป้ายแขวนเอวของเจดีย์ยา แบบที่เดินออกไปก็แสดงตัวตนของเจดีย์ยา ป้ายแขวนเอวที่ไม่มีใครกล้าเพิกเฉย”
ผู้อาวุโสโม่อึ้งไป จู่ๆ เขาหัวเราะแล้วพูดว่า “เจดีย์ยาไม่มีป้ายแขวนเอว”
ลู่ฝานขมวดคิ้ว ไม่มีเหรอ
แบบนี้ก็แย่สิ เขาคิดจะทำป้ายที่ป้องกันตัวเองสักชิ้น ช่วงนี้นับว่าเขาได้สัมผัสกับประโยชน์ของป้ายต่างๆ
ลู่ฝานกำลังจะพูดสิ่งอื่น ผู้อาวุโสโม่ชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “แต่เจดีย์ยามีป้ายจัดการดูแล ฉันสามารถให้นายได้!”
ทันใดนั้น ทุกคนถึงกับตกตะลึง