เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 101
สายลมเย็นพัดแขนเสื้อสะบัด พลังปราณแผ่ซ่านไปทั่ว
ตอนนี้สายตาของเหล่าอาจารย์ ต่างมองมาที่ลู่ฝาน
เทียบกับนักเรียนคนอื่น ไม่มีใครสักคน ที่สามารถทำให้แววตาของพวกเขา เป็นประกายได้ถึงเพียงนี้
เฉียนหยู่ที่อยู่ตรงข้ามลู่ฝาน เหงื่อหยดลงมาจากหน้าผาก ฝ่ามือเหงื่อออก จนกระบี่ยาวในมือเปียกโชก
ยังไม่ทันได้สู้ แพ้พลานุภาพไปเกือบครึ่งแล้ว
ลู่ฝานยิ้ม มองเฉียนหยู่ แล้วพูดเบาๆ ว่า “ฉันลู่ฝาน ขอโทษด้วยที่จำชื่อนายไม่ค่อยได้ ชื่อเฉียนอะไรนะ”
เฉียนหยู่พูดเบาๆ ว่า “ฉันชื่อเฉียนหยู่”
ลู่ฝานพยักหน้าพูดว่า “ใช่ๆ นายชื่อเฉียนหยู่ มาสิ เรามาสู้กัน โปรดชี้แนะด้วย”
ลู่ฝานง้างมือขึ้นมา กระบี่หนักชี้ไปที่หน้าเฉียนหยู่
ครูทั้งสองข้าง ยืนอย่างมั่นคง แล้วประกาศว่า “เริ่มได้แล้ว”
ลู่ฝานไม่ขยับ รอเฉียนหยู่เข้ามาโจมตีอย่างเงียบๆ
ลู่ฝานไม่ได้จงใจถ่อมตัว แต่เขามองออกว่า เฉียนหยู่ตื่นตระหนกมาก
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ลู่ฝานจึงไม่ขยับ ขอแค่เพิ่มพลานุภาพขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับนักบู๊ทั่วไป พลานุภาพเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น ควบคุมได้ยาก แต่สำหรับลู่ฝาน ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
เพราะเขาเป็นผู้ฝึกชี่ อันที่จริงพลานุภาพ ไม่มีอะไรนอกเสียจากดึงกระแสฟ้าดิน เพื่อข่มขู่ศัตรู
และจุดนี้ เป็นสิ่งที่ผู้ฝึกชี่แข็งแกร่ง ตอนนี้ลู่ฝานสามารถใช้พลังฟ้าดิน แปรเปลี่ยนเป็นวัตถุ ควบคุมพลานุภาพ เป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก
พลังฟ้าดินเพิ่มขึ้นทีละนิด ภายใต้การกระตุ้นของลู่ฝาน อาศัยปราณเป็นพื้นฐาน ดึงพลังฟ้าดิน ถ้าไม่กลัวว่าความลับของตัวเองจะถูกเปิดเผย อันที่จริงตอนนี้ ลู่ฝานจะใช้การโจมตีฟ้าดินแปรเปลี่ยนเป็นวัตถุ ใส่เฉียนหยู่สักหนึ่งชุด
ภายใต้การกดดันของลู่ฝาน เฉียนหยู่ถึงกับหายใจอย่างรุนแรง
เมื่อเห็นภาพนี้ เหล่าอาจารย์ที่อยู่กลางอากาศ ล้วนมีสีหน้าผิดหวัง
อาจารย์เสวียนคงของคณะนานาพูดว่า “วิทยายุทธไม่เลว แต่สภาพจิตใจแย่เกินไป ไม่โดดเด่น ไม่เป็นโล้เป็นพาย”
เสวียนเจินพูดขึ้นมาเหมือนกัน “ใช่ เดิมทีฉันจะรับเขาเข้ามาในคณะกระบี่ แล้วสอนเขาด้วยตัวเองสักสองวัน แต่ดูเหมือนตอนนี้ เขาจำเป็นต้องฝึกฝนด้านจิตใจมากกว่า”
เซินถูส่ายหน้าพูดว่า “แย่เกินไปๆ แบบนี้โอกาสที่จะทำร้ายเด็กนั่น แทบจะไม่มีเลย ฉันอยากดูว่าไอ้เด็กนั่นจะมีทักษะอะไรอีก”
เฉียนหยู่ไม่รู้ว่า การแสดงออกของตัวเองเพียงครู่เดียว ทำให้อาจารย์ทั้งหลาย ไม่ค่อยประทับใจสักเท่าไร และเสียโอกาสที่จะได้รับการอบรมสั่งสอน จากอาจารย์เสวียนเจินไปหนึ่งครั้ง
ในที่สุด เฉียนหยู่ลงมือท่ามกลางพลานุภาพ ที่เหมือนคลื่นของลู่ฝาน
เขาจะไม่ลงมือไม่ได้ เพราะถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป เขาคงโดนพลานุภาพของลู่ฝาน กดจนทรุด
พลังปราณปลดปล่อยออกมา เป็นแดนปราณในชั้นสาม
ฝ่าเท้าเหาะไปบนพื้น เงาคนราวกับสายลม พัดผ่านไปด้านหลังลู่ฝาน ตัวของเขาผลุบโผล่ วนเวียนไปมารอบตัวลู่ฝานไม่หยุด
แค่ดูก็รู้ วิชากระบี่ที่เฉียนหยู่ใช้คือ วิชากระบี่ร้อยเล่ห์
เคล็ดวิชานี้ ศึกษาด้านการลงมือที่เร็ว แม่นยำ และโหดเหี้ยม แต่นักบู๊ประเภทนี้ ก็กลัวนักบู๊ที่มีร่างกายแข็งแกร่ง
ลู่ฝานเป็นประเภทนี้พอดี
กระบี่หนักตั้งตรงขึ้นด้านหน้า ราวกับโล่ป้องกันอยู่ด้านหน้า
นี่ดูเหมือนเป็นการกระทำที่ง่ายดาย แต่สามารถทำลายพลานุภาพการโจมตี ของเฉียนหยู่ได้เกือบครึ่ง
เฉียนหยู่แอบกัดฟัน เพราะตอนแรก เขาจะใช้โอกาสตอนที่ลู่ฝาน เอาแต่สังเกตด้านหลัง โจมตีเข้าทางด้านหน้า
เช่นนี้จะได้ใช้ประสิทธิภาพโจมตีเมื่อยามไม่ทันระวัง ใช้กลยุทธ์ที่คู่ต่อสู้คาดไม่ถึง
น่าเสียดาย ลู่ฝานไม่ให้โอกาสเขาเลยสักนิด
ฝีเท้าเร็วขึ้นเรื่อยๆ เฉียนหยู่ร้อนใจแล้วจริงๆ พลานุภาพบนตัวลู่ฝาน ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เขาจินตนาการไม่ออกจริงๆ ทำไมพวกเขาสองคน มีวิทยายุทธเหมือนกัน แต่ลู่ฝานกลับมีพลานุภาพ ที่น่ากลัวเช่นนี้ และยืนอยู่ตรงนั้นอย่างแข็งแกร่ง
เขาคิดไม่ออก คนอื่นก็มองไม่ออกเหมือนกัน
ผู้ชายคนหนึ่ง ตะโกนพูดกับเฉียนเฟิง “เฉียนเฟิง น้องชายนาย วนไปวนมารอบๆ เหมือนคนปัญญาอ่อนคนนึง นี่มันกระบวนท่าอะไรกัน ต้องดูโง่ขนาดนี้ไหม”
เฉียนเฟิงเบิกตาโตใส่ผู้ชายคนนี้ “เกี่ยวอะไรกับนาย”
ลู่หมิงหันมามองเฉียนเฟิง แล้วพูดว่า “เขาไม่ได้เรียนวิชาหมุนรอบตัวใช่ไหม”
กลุ่มคนหัวเราะขึ้นมา ทำให้สีหน้าเฉียนเฟิง ลำบากใจเข้าไปอีก
หลังจากด้านบน วนอยู่อีกสองสามรอบ เฉียนหยู่ยังหาช่องโหว่ของลู่ฝานไม่ได้ อีกทั้งเพราะเขาพยายามเคลื่อนไหวไปรอบๆ ด้วยความเร็ว พลังปราณก็หายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
จะยื้อแบบนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว!
เฉียนหยู่ลงมือทันที เขาพุ่งตัวไปหาลู่ฝานพร้อมลำแสงสีขาว
ทุกที่ที่ลำแสงพาดผ่านไป มีเสียงระเบิดดังขึ้นมา
กระบี่นี้ รวมกระแสลมทั้งหมดเอาไว้บนกระบี่ กระบี่ในมือเฉียนหยู่ มีการหมุนทะลุทะลวงที่น่ากลัว
ขณะเดียวกัน หินบนพื้น โดนสายลมอันบ้าคลั่ง พัดขึ้นมา เสียงน่าตกใจเป็นอย่างมาก
กระบี่นี้ มีชื่อว่าท่ากระบี่สังหาร!
เป็นท่าไม้ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของเฉียนหยู่ ใช้การหมุนของกระแสลม กดดันคู่ต่อสู้ ทำให้อีกฝ่ายไม่สามารถหลบได้ จากนั้นค่อยเข้าไปฆ่า
ลู่ฝานรู้สึกเหมือนสายลมรอบตัว กดดันเข้ามาที่เขา ขังเขาอยู่ตรงนั้น
อยากจะเคลื่อนไหว เป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก ต้องพูดเลยว่า กระบวนท่านี้ไม่เลว
แต่ขณะนั้น ลู่ฝานกลับหัวเราะ
ไอ้หมอนี่ รู้ว่าพลานุภาพสู้เขาไม่ได้ จึงใช้กระบวนท่านี้ รนหาที่ตายจริงๆ