เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 102
ทันใดนั้น มือทั้งสองข้างของลู่ฝานปล่อยด้ามกระบี่ พลานุภาพบนตัวหายไป
เฉียนหยู่รู้สึกว่าลู่ฝานหายไป เขาเห็นอยู่ชัดๆ ว่าลู่ฝานยืนอยู่ที่เดิม แต่ลู่ฝานเหมือนผี ไม่โดนกระบี่สังหารของเขากดดันเอาไว้
แสงกระบี่มาถึงตรงหน้าลู่ฝาน แต่ลู่ฝานเคลื่อนไหวเพียงหนึ่งครั้ง นั่นก็คือขยับไปทางซ้ายหนึ่งก้าว หลบลำแสงของกระบี่
ลำแสงกระบี่เฉียดแขนเสื้อไป
ขณะที่ตัวของเฉียนหยู่ กำลังจะผ่านหน้าลู่ฝาน เขาได้ยินเสียงของลู่ฝาน
“รู้หรือเปล่า ฉันเกลียดคนที่ใช้อำนาจข่มเหงคนอื่นที่สุด”
เฉียนหยู่เบิกตาโต จนลูกตาแทบจะหลุดออกมา
ทันใดนั้น ลู่ฝานลงมือ
สงบดั่งขุนเขา เคลื่อนไหวดั่งคลื่นอันบ้าคลั่ง
สองหมัดโจมตีออกมาพร้อมกัน หมัดไฟถล่มเขา!
ตู้ม!
ตัวเฉียนหยู่มีไฟลุกขึ้นมา และกระเด็นออกไป
หมัดเดียวของลู่ฝาน ต่อยจนเฉียนหยู่กระเด็นผ่านเกาะเล็กๆ ไป ราวกับดาวตก กระอักเลือดออกมากลางอากาศ
ลู่ฝานหลุดพ้นจากการกดดันของกระบี่หนัก ระเบิดพลัง ที่ไม่ด้อยไปกว่านักบู๊ปราณในที่มีวิทยายุทธสี่ถึงห้าชั้น
เฉียนหยู่สลบกลางอากาศ อาจารย์คนหนึ่ง หูตาว่องไว รับเฉียนหยู่เอาไว้ได้ ก่อนเขาจะร่วงลงพื้น
นักเรียนคนอื่นด้านล่าง พากันพูดแบบไม่ไว้หน้าเฉียนหยู่
“ไอ้หมอนี่อ่อนมาก เคล็ดวิชาบ้าบออะไร หมุนไปมาสองสามรอบ แล้วก็โดนคนต่อยจนกระเด็น น่าอายจริงๆ”
“เขาจะหมุนให้อีกฝ่ายมึนก่อนหรือเปล่า แล้วค่อยโจมตี เคล็ดวิชานี้โง่มาก คนก็โง่เหมือนกัน โจมตีกระบี่เดียว ไม่ออมแรงสักนิด โดนคนต่อยจนเหมือนดาวตก”
“น่าอาย เฉียนเฟิง น้องชายนายน่าอายจริงๆ”
“เคล็ดวิชาบู๊ของตระกูลเฉียนแย่มาก ให้น้องนายเรียนรู้ให้มากสักหน่อยเถอะ”
……
เฉียนเฟิงไม่พูดอะไร หน้าแดงไปหมด รีบเดินออกไป เสียงตะโกนเรียก ทำให้เฉียนเฟิงใกล้จะบ้าจริงๆ เขาไม่มองน้องชายตัวเองเลยสักนิด
ลู่หมิงเห็นการกระทำของลู่เฟิง จู่ๆ ก็เห็นภาพที่ตัวเองทำกับลู่ฝานในตอนแรก
เป็นแบบนี้เหมือนกัน ลู่ฝานทดสอบล้มเหลว เขารีบเดินออกไปทันที ตัวเองเป็นลูกพี่ลูกน้องกับลู่ฝาน อย่าว่าแต่ไม่ทำอะไรสักอย่าง หนำซ้ำยังพูดเยาะเย้ยด้วย ราวกับว่าทุเรศกว่าเฉียนเฟิงอีกด้วย
ในแววตาลู่หมิง มีประกายแปลกประหลาด สว่างวาบขึ้นมา เขาเคยสัมผัสกับความเจ็บปวด ที่โดนคนรังแกในสถาบันสอนวิชาบู๊ และในตอนนี้ เขาเห็นความทุเรศของตัวเองในตอนนั้น
“ลู่หมิง น้องชายนายเก่งจริงๆ ต่อไปต้องแนะนำให้พวกเรารู้จักนะ”
“ลู่หมิง นายมีน้องชายแบบนี้ ดูสิต่อไป ใครจะกล้าเรียกชื่อเล่นนายอีก นายมีที่พึ่งแล้ว ฮ่าๆ”
“ให้น้องชายนายสอนได้ไหม นายบอกมาว่าต้องการอะไร พูดมาตามสบาย ถ้าฉันให้ได้ ฉันให้หมดเลย ต่อไปใครกล้าเรียกนายว่าเต่าขนเขียวอีก ฉันจะช่วยนายจัดการเอง”
เฉียนเฟิงไปแล้ว คนกลุ่มหนึ่งมาล้อมลู่หมิงเอาไว้
แต่บนใบหน้าลู่หมิง กลับไม่มีรอยยิ้ม หันหลังเดินออกไปเช่นกัน
เขาจะกลับไปเก็บตัวฝึกฝน
ตอนนี้ จู่ๆ เขารู้สึกว่าตัวเอง ไม่มีหน้าไปเจอลู่ฝาน เพราะถ้าไม่ใช่การต่อสู้อย่างง่ายดายของลู่ฝาน เขาคงโดนคนอื่นรังแกอีก
เขาจะให้คนที่เคยรังแกตัวเองมาช่วย ลู่หมิงคิดว่าตัวเองไร้ยางอายและทุเรศ
ดังนั้นเขาจึงเร่งฝีเท้า เดินออกไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่สนใจเสียงตะโกนเรียกของใครทั้งนั้น
……
“ลู่ฝาน ชนะ”
ครูเจียงชิ่นพูดอย่างราบเรียบ มองลู่ฝานด้วยสายตาชื่นชม
คนอื่นดูไม่ออก แต่ครูเจียงชิ่นดูออกอย่างชัดเจน
ที่สามารถเหาะเหินเดินอากาศ ออกมาอย่างง่ายดาย ครูเจียงชิ่นถามตัวเอง ตัวเขาเองก็ไม่สามารถทำได้ เขาสามารถใช้วิทยายุทธ ต้านทานกระบวนท่าของเฉียนหยู่ และเอาชนะเฉียนหยู่ได้ แต่นั่นเป็นเพราะ พละกำลังของเขาแข็งแกร่ง
ถ้าเขาแค่แดนปราณในชั้นสาม คงไม่มีทางหลบได้สบายๆ แบบลู่ฝาน และซัดกระเด็นด้วยหมัดเดียวได้
กลางอากาศ เซินถูหันไปมองอาจารย์เมิ่งอวิ๋นของคณะบังเหิน แล้วพูดว่า “เมิ่งอวิ๋น เธอมองวิชาเคลื่อนไหวร่างกายของเขาออกหรือเปล่า ทำไมฉันรู้สึกว่ามันแปลกๆ”
เมิ่งอวิ๋นพูดว่า “นายรู้สึกแปลก เป็นเรื่องปกติมาก เพราะนั่นไม่ใช่วิชาเคลื่อนไหวร่างกาย แต่เป็นการหลบธรรมดาๆ เท่านั้น”
เซินถูพูดว่า “ฉันรู้ แต่ไม่ควรเป็นอย่างนี้ ทำไมเขาไม่โดนการกดดันจากพลังฟ้าดิน ตอนนั้น ฉันรู้สึกว่าเขาหลอมรวมไปกับฟ้าดินแล้ว”
เสวียนเจินที่อยู่ข้างๆ พูดว่า “ความรู้สึกของนายถูกแล้ว เขาหลอมรวมไปกับฟ้าดินจริงๆ แม้ไม่รู้ว่าเขาทำได้ยังไง”
“เด็กที่น่าสนใจ วิชาที่น่าสนใจ ฉันว่าวันนี้ จบลงเท่านี้เถอะ เรามาดูว่าเขาจะเลือกคณะไหน”
เซินถูพูดแล้วลูบหมัดไปมา
ท่านผอ.ยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันคิดว่าควรจบแค่นี้เหมือนกัน อืม เหลือสิบคนพอดี เทียนฉี่ประกาศผลเถอะ”
สะบัดมือ เกิดเสียงฟ้าผ่า ดังขึ้นบนท้องฟ้าอีกครั้ง หัวคนขนาดใหญ่ ปรากฏออกมา
เสียงราวกับฟ้าผ่าดังขึ้นมา
“การแข่งขันจบลงแล้ว คนที่เหลือสิบคน เดินขึ้นมา เลือกคณะ”
ลู่ฝานตกใจเล็กน้อย จากนั้นรอยยิ้มเต็มใบหน้า