เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1039
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1039
เจ้าดำส่งเสียงร้องโอดครวญออกมาเบาๆ ตอนนี้ดูเหมือนหมาน้อยได้รับบาดเจ็บจริงๆ จากนั้นมันหมอบลงบนไหล่ลู่ฝานอย่างว่าง่าย
ปราณชี่บนตัวลู่ฝานถูกเก็บกลับไป พลังกลับสู่ตันเถียน เคลื่อนตัวช้าๆ
ตอนนี้ลู่ฝานรู้สึกว่าตันเถียนของตัวเองขยายใหญ่จนกลายเป็นมหาสมุทร
บนมุกเทพก็เริ่มมีอักษรยันต์เป็นลายๆ ปรากฏขึ้น เหมือนเปลวไฟลอยอยู่ด้านบน
ปราณชี่ในตัว รวมตัวกันเป็นรูปร่างอย่างน่ากลัว ใกล้ทะลุระดับรูปร่างของเหลวและแก๊สแล้ว แค่เขาใช้ความคิด ก็สามารถทำให้เป็นของแข็งเหมือนกับก้อนหินได้
แดนปราณดิน!
แดนปราณดินที่แท้จริง!
ขนาดลู่ฝานเองยังไม่อยากเชื่อ เขาสามารถทะลุระดับถึงแดนปราณดินภายในครั้งเดียว!
เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียด ลู่ฝานรู้สึกว่าตัวอ่อนจิตฟ้าดินในตัวหายไปหมดแล้ว เห็นได้ชัดว่าโดนร่างกายของเขาย่อยไปจนหมด
ลู่ฝานยิ้มบางๆ คงเป็นเพราะตัวอ่อนจิตฟ้าดินชิ้นนี้ ที่ทำให้เขาสามารถทะลุระดับถึงแดนปราณดินได้อย่างรวดเร็ว
เป็นไปตามคาด ฝึกฝนแสนสาหัสสิบปี ไม่เท่ายาวิเศษเพียงต้นเดียว
โลกใบนี้ไม่ยุติธรรมเช่นนี้ แล้วก็ยุติธรรมเช่นนี้ด้วย
ปล่อยปราณชี่ออกมาเบาๆ เกาะปราณเพลิงปกคลุมตัวเขาทันที
ขณะนั้นลู่ฝานรู้สึกว่าเกราะเกล็ดมังกรของตัวเอง ปรากฏออกมาเองเช่นกัน จากนั้นหลอมรวมไปในเกาะปราณเพลิง
เห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าเกาะปราณของเขาเริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ตัวเกราะดูหนาทนทาน มีลายมังกรสว่างขึ้น จู่ๆ ลู่ฝานรู้สึกเหมือนเกราะปราณของตัวเองมีจิตวิญญาณ เขาไม่ต้องควบคุมมัน ก็สามารถดูดซับพลังฟ้าดินได้เอง
นี่คือจุดแข็งแกร่งของเกราะเกล็ดมังกรเหรอ
ลู่ฝานยิ้มออกมา ที่แท้หลังจากก้าวเข้าสู่แดนปราณดิน เคล็ดวิชาเกราะเกล็ดมังกรถึงจะเริ่มแสดงประสิทธิภาพแท้จริงออกมา
ใช้สมาธิเล็กน้อย เกาะปราณสามารถเปลี่ยนรูปร่างตามความคิดของเขา
แม้ลู่ฝานเพิ่งทะลุระดับถึงแดนปราณดิน แต่ด้านการควบคุมเกราะปราณ เหนือกว่านักบู๊แดนปราณดินไปแล้ว 90 เปอร์เซ็นต์
“ดีมาก!”
ลู่ฝานหัวเราะออกเสียง ในเวลาเดียวกันก็เงยหน้ามองจางกวัง ตอนนี้ในแปดผู้โดดเด่น มีเพียงจางกวังที่สามารถสู้กับเขาได้
ลู่ฝานดูออกว่าพละกำลังของจางกวัง เหนือกว่าคนอื่นแน่นอน
ตอนนี้มีเพียงเขาคนเดียว ที่สามารถรักษาความสุขุมได้ ตอนนี้พวกเหรินเจียงมองลู่ฝานด้วยแววตาหวาดผวา!
แววตาของจางกวังหันไปมองใบหน้าลู่ฝาน ทั้งสองมองหน้ากัน
จางกวังยิ้มบางๆ หลังจากนั้นเดินมาข้างหน้าช้าๆ
กระบี่ยาวอยู่ในมือ จางกวังพูดอย่างสุขุมว่า “นายไม่เลวจริงๆ มีคุณสมบัติทำให้ฉันลงมือ!”
ลู่ฝานตบหัวเจ้าดำเบาๆ เจ้าดำรีบมุดเข้าไปในเข็มขัดของเขาอย่างรู้งาน
กระบี่หนักไร้คมถูกดึงออกมาพาดไว้บนไหล่อีกครั้ง
ลู่ฝานยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “งั้นให้ฉันชมวิชากระบี่ของนายหน่อยละกัน!”
พลานุภาพพลุ่งพล่าน เงาอสูรสายฟ้าปรากฏด้านหลังลู่ฝาน เปลวเพลิงและสายฟ้าปกคลุมตัวเขา
จางกวังชี้กระบี่ยาวลงบนพื้น จู่ๆ เกล็ดบนตัวเริ่มหมุนวน เงามังกรยักษ์ตัวหนึ่งพุ่งขึ้นมาจากหัวเขา
พลานุภาพอันน่ากลัว ทำให้ลู่ฝานต้องถอยหลังไปหนึ่งก้าวทันที
ทันใดนั้น ลู่ฝานอึ้งเล็กน้อย ปล่อยปราณชี่ออกไป กวาดล้างพลานุภาพของจางกวังจนหมด
แววตาของจางกวังเย็นชาเล็กน้อย เขายกกระบี่ในมือขึ้นมา กำลังจะลงมือ
ขณะนั้นเอง จู่ๆ มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม ไม่ได้ดูการต่อสู้ใหญ่ที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้มานานแล้ว จางกวัง ลู่ฝาน ไว้หน้าฉันหน่อยได้ไหม วันนี้ไม่ต้องสู้กันก่อนได้ไหม”
ทุกคนพากันหันไปมองทางที่มีเสียงดังขึ้น
ทันใดนั้น รถม้าคันหนึ่งปรากฏในสายตาทุกคน องค์ชายรองฉินฝานมองทั้งสองคนอย่างเย่อหยิ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์!