เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 106
เซินถูพูดว่า “โอเค คิดไม่ถึงว่าคณะหนึ่งเดียว จะได้ของดีไป ไอ้แก่เต้ากวง ต้องดีใจแทบตายแน่นอน”
ซิงยวนพูดว่า “แค่เขาไม่ปล่อยปละละเลยลูกศิษย์ก็พอแล้ว น่าเสียดายอัจฉริยะคนหนึ่ง น่าเสียดาย”
ท่านผอ.มองซิงยวน หัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “น่าเสียดายเหรอ คงงั้นมั้ง”
นักเรียนเก่าที่ดูเหตุการณ์ตลกร้ายอยู่ตลอดเวลา เริ่มพากันถกเถียงกันเบาๆ
โม่หยุนเฟย ยิ้มเย็นชา แล้วพูดว่า “คิดไม่ถึงว่าจะเลือกคณะหนึ่งเดียว ปัญญาอ่อน ถ้าเพลงเต๋าหนึ่งเดียวเรียนง่ายขนาดนั้น ร้อยปีมานี้ คงมีคนฝึกสำเร็จไปแล้ว คิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะไร้เทียมทานเหรอ ไม่เจียมตัว”
ศิษย์พี่ข้างจางเยว่หาน ขมวดคิ้วพูดว่า “ไอ้เด็กนี่เข้าคณะหนึ่งเดียว คงไปหาเรื่องเขาไม่ได้ง่ายๆ คนคณะหนึ่งเดียวน้อยมาก อี้ชิง เต้ากวง ล้วนเป็นอาจารย์ที่เข้าข้างลูกศิษย์มาก ดูจะจัดการยากแล้ว”
จางเยว่หานเกี่ยวแขนศิษย์พี่ แล้วพูดว่า “ฉันไม่สน ศิษย์พี่รับปากฉันแล้ว”
ศิษย์พี่ขมวดคิ้วพูดว่า “โอเคๆๆๆ ให้ฉันคิดหน่อยสิ เขาคงไม่มีทางอยู่ในคณะหนึ่งเดียวตลอดเวลาหรอก ยังไงก็ต้องออกมาเก็บยา แข่งขัน ฝึกฝน เมื่อถึงตอนนั้นคงมีโอกาส หึ”
……
ผ่านไปครึ่งวัน อาจารย์อี้ชิงยังคงพาลู่ฝานเดินอยู่ในโถงสถาบัน
ดูเหมือนอาจารย์อี้ชิงเดินไม่เร็ว แต่ทุกก้าว กลับมีระยะห่างหลายสิบฟุต ทำให้ลู่ฝานต้องวิ่งเหยาะๆ ตามไป
“ลู่ฝาน สัตว์อสูรตัวนี้ของนายดูไม่เลวนะ มีความสามารถอะไรเหรอ”
อาจารย์อี้ชิงเดินพลาง เอ่ยปากถามลู่ฝาน
ลู่ฝานตอบไปตรงๆ ว่า “พ่นไฟได้ สิงร่างได้ด้วย อย่างอื่นก็ไม่รู้แล้วครับ”
อี้ชิงตกใจเล็กน้อย พูดว่า “สิงร่างได้ด้วย นั่นเป็นระดับอสูรวิเศษแล้วนะ ดูเหมือนต่อไปการฝึกฝนของนาย จะต้องทำไปกับมัน มันมีพละกำลังเพิ่มขึ้น นายก็มีผลดีไปด้วย”
ลู่ฝานจิตใจวูบไหว พูดว่า “อาจารย์อี้ชิงเลี้ยงสัตว์อสูรเป็นด้วยเหรอ”
อี้ชิงพูดว่า “รู้เล็กน้อยๆ แม้จะเทียบไม่ได้กับครูฝึกสัตว์จริงๆ แต่สอนสัตว์อสูรที่ยังไม่โต ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรมาก”
ลู่ฝานหัวเราะ แล้วพูดว่า “งั้นดีมากเลยครับ ผมกำลังกลุ้มใจ ไม่รู้จะเลี้ยงมันยังไง”
อี้ชิงพยักหน้า ทั้งสองเดินต่อไปข้างหน้า
ผ่านไปอีกสองสามชั่วยาม ทั้งสองยังเดินไม่ถึงคณะหนึ่งเดียว
ตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดลง แสงยามโพล้เพล้ ปกคลุมรอบๆ ลู่ฝานถามว่า “อาจารย์ คณะหนึ่งเดียวไกลมากเหรอครับ”
อาจารย์อี้ชิงยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ไกล จากความเร็วนี้ เดินอีกสิบวัน ก็ถึงแล้ว”
ลู่ฝานชะงักฝีเท้าลง มองอาจารย์อี้ชิงแบบอึ้งๆ
อาจารย์อี้ชิงไม่มีท่าทีจะหยุด เขาพูดว่า “ทำไม ไม่ชอบที่มันไกลเหรอ หรือว่าเดินเหนื่อยแล้ว ถ้านายเดินไม่ไหว ก็บอกฉันมา ฉันจะพานายเหาะไป”
ลู่ฝานรีบเดินตามไป แล้วพูดว่า “เปล่าครับ ผมไม่เหนื่อย แค่ตกใจนิดหน่อย”
อาจารย์อี้ชิงหันมามองลู่ฝาน แล้วพูดว่า “เดินต่อไหม”
ลู่ฝานพยักหน้าพูด “เดินต่อครับ”
อาจารย์อี้ชิงยกยิ้มมุมปาก แล้วพูดว่า “นี่สิถึงจะถูก วิถีบู๊ก็เหมือนการเดิน เท้าย่ำพื้น เดินไปทีละก้าว ถึงจะถูกต้อง คนอื่นพานายบินได้ไม่ไกลหรอก มีความสามารถ บินเองถึงจะเชี่ยวชาญ”
พูดจบ อาจารย์อี้ชิงเอามือไพล่หลัง ฮัมเพลงขึ้นมาเบาๆ
ฝึกบู๊ฝึกใจคน ทำไมต้องใช้อาวุธท่อง เหล้าหนึ่งจอก เพลงหนึ่งเพลง พระจันทร์ครึ่งเสี้ยว
ฟังอาจารย์อี้ชิงฮัมเพลง ลู่ฝานรู้สึกแปลกขึ้นมาในใจ
ทันใดนั้น เหมือนมีแสงแวบเข้ามาในหัว
ลู่ฝานเอากระบี่หนักไร้คมของตัวเองออกมา มองตัวอักษรบนกระบี่หนักอย่างละเอียด
ลู่ฝานพูดเบาๆ ว่า “ฝึกยุทธ์คือการฝึกใจคน ทำไมต้องใช้อาวุธท่องไปทั่ว ไหวพริบที่สุดอยู่บนพื้นฐานของความเรียบง่าย ไหวพริบที่สุดอยู่บนพื้นฐานของความเรียบง่าย……”
ลู่ฝานเดินไปเรื่อยๆ แต่จิตใจจมอยู่กับความคิด
อาจารย์อี้ชิงหันมามองลู่ฝาน หัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “ความเข้าใจ ดูน่าตกใจตามคาด ไม่เสียแรงที่ฉันฮัมท่วงทำนองเพลงแดนของเต๋าให้นายฟัง ความเข้าใจที่น่าตกใจเช่นนี้ สภาพจิตใจก็ไม่แย่ ร่างกายด้านต่างๆ ล้วนไม่เลว มีศักยภาพในการฝึกเพลงเต๋าหนึ่งเดียวจริงๆ อย่าบอกนะว่า คณะหนึ่งเดียวของฉัน จะมีผู้แข็งแกร่งปรากฏออกมาแล้วเหรอ ฮ่าๆ หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ”
ทั้งสองเดินต่อไปข้างหน้า ดวงดาวเต็มฟ้า พระจันทร์ดวงกลม อยู่บนฟ้าสูง