เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 107
หลังผ่านไปสิบวัน ในเขาเขียวขจี
ทางเล็กๆ ในเขา เมฆหมอกปกคลุม เดินไปตามทางคดเคี้ยวเลี้ยวลด
สิบวันเต็มๆ ลู่ฝานกอดกระบี่หนักไร้คมของตัวเอง ไม่พูดอะไรสักคำ
ไม่ว่าจะเช้าหรือค่ำ ตาของลู่ฝานจ้องไปที่กระบี่หนักตลอดเวลา ขนาดกินข้าว พักผ่อน ก็ไม่ต่างกัน
อี้ชิงไม่ได้รบกวนลู่ฝาน เขาดูออกว่า ลู่ฝานกำลังอยู่ในสภาวะทำความเข้าใจ
แต่จมดิ่งกับความคิดถึงสิบวัน ทำให้อี้ชิงแปลกใจเล็กน้อย การทำความเข้าใจ ยิ่งใช้เวลากับมันมากเท่าไร ก็จะทำความเข้าใจกับสิ่งนั้นได้ดียิ่งขึ้น
อี้ชิงอยากรู้สิ่งที่ลู่ฝานทำความเข้าใจ
เจ้าดำไม่ได้กระโดดบนไหล่ลู่ฝานต่ออีก มันมีจิตวิญญาณ แม้ไม่รู้ว่าลู่ฝานกำลังทำอะไร แต่เจ้าดำรู้ว่าตอนนี้ รบกวนลู่ฝานไม่ได้
เดินต่อไปข้างหน้า ผ่านไปอีกสองชั่วยาม
จู่ๆ ลู่ฝานชะงักฝีเท้าลง มีพลังปราณเคลื่อนไหวบนตัว
อี้ชิงตาเป็นประกาย หัวเราะจนมีรอยยิ้มเต็มใบหน้า
ดูเหมือนว่า ลู่ฝานทำความเข้าใจสำเร็จแล้ว
ลู่ฝานพรูลมหายใจออกมาช้าๆ พูดพึมพำว่า “ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง”
ลู่ฝานยื่นมือไปยกกระบี่หนัก สะบัดไปทางต้นไม้ข้างทางเบาๆ
การเคลื่อนไหวของเขาไม่เร็ว แต่ทำให้คนรู้สึกว่าไม่สามารถหลบได้
กระบี่สะบัดออกไป ต้นไม้ 5-6 ต้น งอลงพร้อมกัน เหมือนมีมือขนาดใหญ่ กดอยู่บนต้นไม้
เสียงกรอบดังขึ้น ต้นไม้ 5-6 ต้น หักพร้อมกัน
อี้ชิงยิ่งยิ้มกว้าง กระบี่ไม่เลวจริงๆ ใช้พลังฟ้าดิน มาเป็นความกดดันของกระบี่ น่าสนใจอยู่
อี้ชิงกำลังจะพูด แต่ขณะนั้น ลู่ฝานพูดเบาๆ ว่า “ระเบิด!”
ต่อมา ต้นไม้ 5-6 ต้นระเบิดพร้อมกัน
เศษต้นไม้นับไม่ถ้วน กระจายไปทั่ว
อี้ชิงอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างตกใจว่า “วิชารวบแรงทละสิ่ง คิดไม่ถึงว่านายจะทำความเข้าใจกับเคล็ดวิชาบู๊ ที่นักบู๊แดนปราณนอกยังฝึกได้ยาก ออกมาได้แล้ว”
ลู่ฝานเก็บกระบี่หนัก ได้ยินเสียงของอี้ชิง จึงหลุดออกจากภวังค์
ลู่ฝานหันมามองอี้ชิง แล้วพูดว่า “อาจารย์ วิชารวบแรงทละสิ่งอะไรเหรอครับ”
เก็บพลังเอาไว้จนถึงจุดที่เหมาะสม แล้วปล่อยออกไป จากนั้นระเบิดจากด้านในของวัตถุ วิชาแบบนี้ เรียกว่ารวบแรงทละสิ่ง โดยทั่วไปแล้ว มีเพียงนักบู๊แดนปราณนอก ที่จะเริ่มทำความเข้าใจได้ นักบู๊ที่ฝึกถึงยอดแดนปราณนอกจำนวนมาก ยังทำถึงขั้นที่นายทำไม่ได้เลย ลู่ฝานการทำความเข้าใจของนาย
ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “ที่แท้ผมฝึกสิ่งนี้ได้แล้ว อาจารย์ ผมทำความเข้าใจไปกี่วันแล้วครับ”
อี้ชิงพูดว่า “ไม่ถือว่ามาก แค่สิบวันเท่านั้น”
ลู่ฝานได้ยิน จึงลูบท้องตัวเอง ตอนนี้เขาเพิ่งรู้สึกว่าความหิวถาโถมเข้ามา
ลู่ฝานเอาของกินออกจากแหวน แล้วกินอย่าตะกละทันที คนทั่วไปไม่กินข้าวสิบวัน คงหิวตายไปแล้ว ลู่ฝานเป็นนักบู๊ จึงอดทนได้หลายวันหน่อย ไม่กินอะไรสิบวัน เขาจึงไม่มีอาการขาดน้ำและหมดแรง แค่หิวมากเท่านั้น
อี้ชิงยิ้ม มองลู่ฝานเขมือบของกินเหมือนสัตว์ร้าย แล้วเดินต่อไปข้างหน้า
ตอนนี้เจ้าดำกระโดดมาบนไหล่ลู่ฝาน หลังจากเลียแก้มลู่ฝานสองสามครั้ง เจ้าดำเริ่มแย่งของกินกับลู่ฝาน
เมื่อรู้สึกอิ่มพอประมาณแล้ว ลู่ฝานเช็ดปาก แล้วถามว่า “อาจารย์ จะถึงคณะหนึ่งเดียวแล้วใช่ไหม”
อี้ชิงพูดว่า “ถูกต้อง ใกล้ถึงแล้ว ข้ามเขาลูกนี้ไป เราก็ถึงแล้ว”
ลู่ฝานยิ้มบางๆ ในที่สุดก็จะถึงแล้ว
คณะหนึ่งเดียวที่อาจารย์หวูเฉินพูดถึง ลู่ฝานอยากรู้เป็นอย่างมาก
เร่งฝีเท้าขึ้นเล็กน้อย เวลาโพล้เพล้ ในที่สุดทั้งสองข้ามเขา ที่ถูกปกคลุมด้วยเมฆหมอกมาได้แล้ว
ลู่ฝานมองไปรอบๆ อยากหาร่องรอยของคณะหนึ่งเดียว
อี้ชิงหัวเราะ มองท่าทางของลู่ฝาน จากนั้นพูดว่า “นายหาอะไรอยู่”
ลู่ฝานพูดว่า “หาคณะหนึ่งเดียวไงครับ”
อี้ชิงชี้ไปยังบ้านไม้ไม่กี่หลังตรงนั้น แล้วพูดว่า “นั่นไง”
ลู่ฝานมองตามนิ้วอี้ชิง สิ่งที่ปรากฏในสายตาเขา ที่ราบบนเนินเขาไม่ไกล มีลานบ้าน ที่มีบ้านไม้อยู่ไม่กี่หลัง ระหว่างยอดเขา มีควันขาวลอยขึ้นมา
“นี่คือคณะหนึ่งเดียวเหรอ”
ลู่ฝานถามอย่างตกใจ
อี้ชิงพูดว่า “ถูกต้อง นี่คือคณะหนึ่งเดียว”
พูดพลาง อี้ชิงเดินไปทางบ้านไม้
ลู่ฝานตกใจจริงๆ เห็นความยิ่งใหญ่ของโถงใหญ่สถาบันสอนวิชาบู๊ เขาไม่อยากเชื่อเลยว่า คณะหนึ่งเดียว หนึ่งในเก้าคณะใหญ่ จะเป็นแค่บ้านไม้เล็กๆ ไม่กี่หลังแบบนี้
ลู่ฝานรีบเดินตามไป เมื่อเข้าไปใกล้ เขาเห็นป้ายหินอันหนึ่ง ปักอยู่หน้าบ้านไม้
ด้านบนป้ายหินเขียนไว้ว่า “หนึ่งเดียว” อย่างชัดเจน
คณะหนึ่งเดียวจริงๆ ลู่ฝานหัวเราะอย่างขมขื่น อาจารย์นะอาจารย์ ช่างเลือกให้ผมจริงๆ นะ
ลานบ้านขนาดใหญ่ ไม่มีแม้แต่ประตู แค่ตรงกลางลานบ้าน ปูด้วยแผ่นหินสีเขียว นับว่าเป็นระเบียบดี ตรงกลางสลักอักษรคำว่าบู๊ ที่ดูเลือนราง
ทันใดนั้น เจ้าดำขยับจมูกสองครั้ง เหมือนได้กลิ่นหอมอะไรบางอย่าง
จากนั้น เจ้าดำไม่ได้สนใจอะไรมาก กระโดดลงจากไหล่ลู่ฝาน รีบวิ่งไปยังบ้านไม้ ทางด้านซ้าย
อี้ชิงชะงักฝีเท้าลง หันไปมองบ้านไม้หลังนั้นเหมือนกัน
ต่อมา เสียงตะโกนดังขึ้นมา
“สุนัขบ้านใครเนี่ย กล้ามาแย่งของกินฉัน ปล่อยนะ ปล่อย ฉันจะจับแกตุ๋นเลยนะ อย่าหนี เนื้อของฉัน”
“เนื้อฉันด้วย”
“หานเฟิงไอ้ปัญญาอ่อน รีบไปจับมันเร็ว”
……