เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1082
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1082
หลู่เฉิงเซี่ยงมองลู่ฝานที่ตะโกนเสียงดังในม่านน้ำสรวงสรรค์ เขาหัวเราะแล้วพูดว่า “ฉันไม่มีปัญญาสู้กับนายหรอก ฉันสู้ไม่เป็น! มาสิลู่ฝาน ให้ฉันได้เห็นการตัดสินใจ ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายของนายหน่อย ดูจิตใจของนายสักหน่อย!”
แสงค่ายกลสว่างขึ้นเรื่อยๆ พลังมหาศาลกดดันจนลู่ฝานใกล้จะขยับไม่ได้แล้ว
คิดไม่ถึงเลยว่าปราณชี่ทั้งตัวเขา จะโดนกดดันจนไม่สามารถปล่อยออกมาได้
ลู่ฝานกัดฟันพูดว่า “คิดไม่ถึงว่าค่ายกลนี้ จะมีความรู้สึกของเขตวิถี!”
ตอนนี้เจดีย์เสวียนเก้ามังกรตะโกนพูดเสียงดังอยู่ในตัวลู่ฝาน “เจ้านาย ค่ายกลนี้เข้าสู่เขตวิถีแล้ว ฉันทำลายไม่ได้!”
ลู่ฝานแผดเสียงออกมา เหวี่ยงกระบี่ออกไป แต่พลังของเขา เพิ่งพุ่งไปข้างหน้าเพียงหนึ่งฟุต ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ตอนนี้ตัวของสิบสามขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว กลายเป็นนักบู๊ชุดดำตัวใหญ่มหึมา ยืนอยู่ข้างหน้าลู่ฝาน
มีเขี้ยวยื่นออกมานอกปาก ดวงตาสองข้างแดงเป็นสีเลือด ตอนนี้เขาเปิดเผยพลังทั้งหมดของตัวเองออกมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้พละกำลัง หลังจากดื่มยาเปลี่ยนโลหิตเข้าไป
จู่ๆ ลู่ฝานรู้สึกว่าแรงกดดันลดลงไปเล็กน้อย
แต่ทันใดนั้นเอง พวกผู้หญิงที่อยู่ด้านหลังกรีดร้องออกมา
“คุณชาย มีประตูแล้ว!”
ทันใดนั้น ลู่ฝานหันไปมอง เห็นมีประตูเปิดออกด้านหลังผู้หญิงพวกนั้น
กลิ่นหอมของดอกไม้ใบหญ้าหยาดฝนและน้ำค้างด้านนอกลอยเข้ามา ลู่ฝานรีบดึงสิบสามถอยไปด้านหลัง
แต่ทันใดนั้นเอง ผู้หญิงพวกนั้นเบียดกันอยู่หน้าประตูเหมือนคนบ้า
เดิมทีประตูก็แคบอยู่แล้ว ตอนนี้มีคนเบียดกันเต็มไปหมด ลู่ฝานออกไปไม่ได้เลย
จู่ๆ แสงหนึ่งพุ่งออกมาจากด้านข้าง
ลู่ฝานวางกระบี่หนักในแนวตั้ง ต้านทานมันเอาไว้ พลังอันแข็งแกร่ง สะเทือนจนง่ามมือระหว่างนิ้วโป้งและนิ้วชี้ของเขาแตกออกเล็กน้อย
“รีบออกไปทีละคน!”
ลู่ฝานแผดเสียงออกมา แววตาเต็มไปด้วยความร้อนใจ ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเขาต้องตายอยู่ที่นี่แน่นอน
อีกแสงหนึ่งพุ่งเข้าไปฆ่าผู้หญิงพวกนั้น
ลู่ฝานไม่ลังเล เหาะเข้าไปใช้กระบี่ต้านทานไว้ กระบี่หนักไร้คมเริ่มสั่นเล็กน้อย
ตอนนี้สิบสามกระแทกหมัดลงในอากาศ สะเทือนจนห้องหนังสือสั่นไปมา
ลู่ฝานโมโหแล้ว เขาแผดเสียงดังออกมา
“จะฆ่าฉัน ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!”
แสงไซโคลนบนตัวทั้งเก้าลูกสว่างขึ้น เขาเตรียมจะสู้สุดชีวิต
แต่ขณะนั้นเอง แสงค่ายกลหายไปอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างกลับสู่ปกติทันที
ลู่ฝานอึ้งไปอีกแล้ว เขารีบหันไปมอง เห็นผู้หญิงพวกนั้นไม่เบียดกันออกไปอีกแล้ว พากันหันมายิ้มให้ลู่ฝาน
จู่ๆ ลู่ฝานเข้าใจอะไรขึ้นเยอะ
ตอนนี้ทั้งห้องเกิดเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น
จู่ๆ ลู่ฝานรู้สึกว่าโลกหมุนเคว้ง เขาเข้ามาในอุโมงค์มิติอีกแล้ว
แต่ต่อมา เท้าสัมผัสกับพื้นดิน
ลู่ฝานเงยหน้ามอง เขามาอยู่ในโถงใหญ่แห่งหนึ่ง
ชาสามแก้วถูกเตรียมไว้เรียบร้อย ยังมีควันลอยขึ้นมาอยู่
ผู้อาวุโสคนหนึ่งมองเขาด้วยรอยยิ้ม จากนั้นสะบัดมือพูดกับพวกผู้หญิงด้านหลังลู่ฝาน “พวกเธอไปได้แล้ว”
พวกผู้หญิงโค้งตัวคำนับ แล้วพูดว่า “ค่ะ ใต้เท้าเฉิงเซี่ยง!”
ลู่ฝานจิตใจวูบไหวทันที เขามองผู้อาวุโสแล้วพูดว่า “เฉิงเซี่ยงเหรอ เฉิงเซี่ยงสามัญชน หลู่ชิงโหวเหรอ”
หลู่เฉิงเซี่ยงยกแก้วชาขึ้น พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ใช่ คุณชายลู่ฝาน เชิญนั่ง!”
ลู่ฝานมองตาหลู่เฉิงเซี่ยง จากนั้นเงียบอยู่ครู่หนึ่ง
หลู่เฉิงเซี่ยงก็ไม่พูดอะไร ทำเพียงมองลู่ฝานด้วยรอยยิ้ม
ผ่านไปนาน ลู่ฝานละสายตาออกมาแล้วนั่งลงช้าๆ “หลู่เฉิงเซี่ยง ฉันอยากถามหน่อย ที่ทำไปวันนี้เพื่ออะไรเหรอครับ”
หลู่เฉิงเซี่ยงยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “ลองเชิง นายเรียกมันว่าการพิจารณาก็ได้”
ลู่ฝานพูดว่า “พิจารณาเหรอ ฉันไม่ค่อยเข้าใจ”