เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1088
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1088
ผู้อาวุโสถามอีกว่า “แล้วคุณชายลู่อยู่ระดับไหน”
ลู่ฝานพูดอย่างเรียบเฉยว่า “เพิ่งเข้าสู่แดนปราณดิน”
ผู้อาวุโสหัวเราะแล้วพูดว่า “อายุแค่นี้ แต่เข้าสู่แดนปราณดินแล้ว เรียกได้ว่าพรสวรรค์ไร้เทียมทาน แล้วคุณชายลู่ สัมผัสถึงวิถีบู๊หรือยัง”
ลู่ฝานขมวดคิ้วพูดว่า “ไม่ทราบว่าวิถีบู๊ที่อาจารย์พูดถึงคืออะไร”
ผู้อาวุโสพูดว่า “ก็คือสัมผัสถึงบนสวรรค์ เข้าใจจิตใต้พิภพ คุณชายลู่เคยสัมผัสหรือเปล่า”
ลู่ฝานพูดว่า “เคยสัมผัส 1-2 ครั้ง”
ผู้อาวุโสพูดต่อ “รู้สึกว่าทุกสิ่งทะลุปรุโปร่ง เห็นทุกสิ่งทุกอย่าง รู้สึกดีเป็นอย่างมาก พละกำลังเพิ่มขึ้นใช่ไหม”
ลู่ฝานพยักหน้าเบาๆ
ผู้อาวุโสอมยิ้มแล้วพูดว่า “ถ้าเป็นเช่นนี้ คุณชายลู่น่าจะเข้าใจ นักบู๊ฝึกฝนจนถึงท้ายที่สุด อันที่จริงคือการฝึกจิตใจ นายฝึกฝนต่อไปเรื่อยๆ รอตอนที่นายเข้าสู่แดนปราณฟ้าได้ จะรู้สึกว่าแท้จริงแล้วฟ้าดินกำลังกดนายอยู่ ไม่ว่าจะฝึกบู๊หรือกลั่นยา พูดกันตามตรง คือการทำลายกฎของธรรมชาติ ความสามารถล้ำเลิศที่ว่า ก็แค่ภาพลวงตา พละกำลังที่นายใช้ ก็แค่สิ่งที่ฟ้าดินให้นายยืม มันจะให้นายก็ให้ ไม่อยากให้ก็ไม่ให้ ท้ายที่สุดเหลือแค่จิตใจของตัวเอง!”
ผู้อาวุโสชี้หัวใจของลู่ฝาน
ลู่ฝานฟังแล้วตระหนักได้เล็กน้อย เหมือนจับอะไรได้ แต่ไม่สามารถคว้าเอาไว้ได้
ผู้อาวุโสเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดต่อ “ดังนั้นนักบู๊ที่ผ่านแดนปราณฟ้า ผู้ฝึกชี่ที่ผ่านเซียนบำเพ็ญชี่ไปแล้ว สุดท้ายพลังที่ใช้ล้วนไม่ใช่พลังฟ้าดิน แต่เป็นพลังที่รวบรวมจากจิตใจตัวเอง บวกกับกฎบางอย่างที่ตัวเองเรียนรู้จากความเข้าใจฟ้าดิน กลายเป็นเขตวิถี พลังเหล่านี้มาจากไหนล่ะ ก็เป็นเพียงแค่แก่นแท้ พลัง และจิตวิญญาณของมนุษย์เท่านั้น พูดให้เข้าใจก็คือชีวิตของมนุษย์ ดังนั้นสุดท้ายวิถีของพลัง ก็ยังคงเป็นวิถีของชีวิตที่ยืนยาว อยู่ได้นาน พลังก็แข็งแกร่ง ถ้านายมีชีวิตนานกว่าโลกนี้ นายก็คือโลกใหม่”
พูดพลาง ผู้อาวุโสหยิบหมดตัวหนึ่งขึ้นมาจากพื้นเบาๆ
“สำหรับแมลง ไก่เป็ดห่านสุนัข มีชีวิตอยู่ได้นาน ดังนั้นมดจึงคิดว่าไก่เป็ดห่านสุนัขคือฟ้าอันสูงส่ง สำหรับไก่เป็ดห่านสุนัข มนุษย์มีชีวิตอยู่ได้นาน ดังนั้นมนุษย์คือฟ้าอันสูงส่ง สำหรับมนุษย์ ฟ้าดินมีอยู่อย่างยาวนาน ดังนั้นฟ้าดินจึงควรค่าแก่การเคารพเลื่อมใสราวกับเทพเทวดา แต่ถ้านายมีชีวิตยาวนานกว่าฟ้าดิน นายจะกลายเป็นอะไร”
แววตาของลู่ฝานเบลอไปหมดแล้ว ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ลู่ฝานจึงพูดว่า “ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง อาจารย์จะบอกฉันว่าอย่าแสวงหาพละกำลังจนเกินไป การมีชีวิตอยู่คือเหตุผลที่เชื่อถือได้!”
ผู้อาวุโสหัวเราะร่า แล้วพูดว่า “นายตระหนักได้ถึงขั้นนี้ถือว่าใช้ได้แล้ว เฮ้อ นายไม่ใช่ลูกหลานตระกูลหลู่ ถ้านายเป็นลูกหลานตระกูลหลู่ ฉันคงถ่ายทอดอะไรให้นายมากกว่านี้”
ลู่ฝานพูดว่า “ฟังจากที่อาจารย์พูด ก็ทำให้นักเรียนตระหนักได้เยอะแล้วนะครับ ต่อไปฉันมาเรียนบ่อยๆ ได้ไหมครับ”
ผู้อาวุโสยิ้มแล้วพูดว่า “ได้อยู่แล้ว”
ลู่ฝานยกแก้วชาขึ้นมา คำนับทำความเคารพผู้อาวุโส……
ลู่ฝานอยู่เรียนอย่างมีสมาธิกับผู้อาวุโสทั้งวัน
ตอนกลางคืน หลู่เฉิงเซี่ยงกลับมาจากวังแล้ว
ใบหน้ามีรอยยิ้มบางๆ เห็นได้ชัดว่าไปครั้งนี้ได้อะไรมาไม่น้อย
“เป็นเด็กที่โชคดี คิดไม่ถึงว่าความคาดหวังที่เตี้ยนเซี่ยมีต่อเขา จะยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ตอนนี้ก็ต้องดูว่าเด็กคนนี้เอาการเอางานหรือเปล่า แค่เขาได้อันดับที่ไม่เลวในการคัดเลือก เขาจะกลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงที่สุดในประเทศอู่อาน โอ๊ย ทำไมตอนนั้นฉันถึงไม่โชคดีแบบนี้นะ!”
หลู่เฉิงเซี่ยงพูดพึมพำไม่หยุด จากนั้นเดินลงมาจากรถม้าช้าๆ
กลับมาที่ห้องหนังสือ หลู่เฉิงเซี่ยงเรียกผู้อาวุโสที่ดูเหมือนพ่อบ้าน “วันนี้ลู่ฝานอยู่ในตระกูลหลู่เป็นยังไงบ้าง เขาทำอะไรบ้าง”
พ่อบ้านอาวุโสยิ้มแล้วพูดว่า “คุณชายลู่ไปที่ห้องของหลู่ยิน ทำให้หลู่ยินโมโหยกใหญ่ ขว้างถ้วยชาไปหลายใบ”
หลู่เฉิงเซี่ยงยิ้มแล้วพูดว่า “80 เปอร์เซ็นต์ หลู่ยินคงมองลู่ฝานเป็นศัตรูในจินตนาการ อืม คงรังแกเขาไม่ได้จึงโมโห หลังจากนั้นล่ะ”
พ่อบ้านอาวุโสพูดต่อ “จากนั้นเจ้าหกทำตามคำแนะนำของนาย พาลู่ฝานไปแถวสถานที่ศึกษาเรียนรู้ วัยรุ่นมีความอยากรู้อยากเห็นมาก จึงไปดูที่สถานที่ศึกษาเรียนรู้ ฟังทฤษฎีอายุยืนของผู้อาวุโสไป๋ แล้วก็หลงใหลเป็นอย่างมาก ตอนนี้ยังฟังอยู่เลยครับ”
หลู่เฉิงเซี่ยงหัวเราะอย่างมีความสุข แล้วพูดว่า “ดี ต้องอย่างนี้สิ เด็กคนนี้มีความห้าวหาญเหลือล้น แต่ยังไม่ค่อยรู้จักการพลิกแพลง ให้เขาเรียนรู้จากผู้อาวุโสไป๋เยอะๆ ต่อไปไม่ว่าจะอยู่ในราชสำนักหรือในยุทธจักร ล้วนมีผลดีอย่างยิ่งใหญ่”
พ่อบ้านอาวุโสพูดต่อ “ไม่เพียงแค่นั้น เขาเรียนวิถีชีวิตยืนยาวของตระกูลหลู่ของเราด้วยครับ เท่ากับว่าต่อไปเขาเป็นสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลหลู่แล้ว ยังไงก็แล้วแต่ เขาติดหนี้น้ำใจตระกูลหลู่ของเราแล้ว จากนิสัยที่เป็นสุภาพบุรุษของเขา ต้องตอบแทนบุญคุณแน่นอน”
หลู่เฉิงเซี่ยงยกแก้วชาขึ้นมา ส่ายหัวไปมาอย่างมีความสุขแล้วพูดว่า “พ่อบ้านอาวุโสรู้จักฉันดีจริงๆ!”