เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1095
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1095
เมื่อสิ้นเสียง พวกนักบู๊พุ่งขึ้นไปด้านบนอย่างสุดชีวิต
สะพานสายรุ้งกว้างมาก กว้างจนรถม้าหลายคันสามารถวิ่งขนาบกันได้ ดังนั้นคนจำนวนมากกรูขึ้นไปแบบนี้ จึงไม่ทำให้สะพานสายรุ้งดูแออัด
ตอนนี้ร่างทองของฉินซางต้าตี้หายไปแล้ว กลับมารูปร่างเหมือนเดิม เขามองภาพนี้ด้วยรอยยิ้มแล้วพูดว่า “คนอายุน้อยมีแรงฮึกเหิม ฉินอวิ่น ฉินฝาน พวกนายมานี่สิ มาดูด้วยกันกับฉัน ไปเรียกหลู่เฉิงเซี่ยงมาด้วย”
ฉินอวิ่นกับฉินฝานคำนับและส่งเสียงตอบรับ จากนั้นนั่งลงทางซ้ายและขวาของฉินซางต้าตี้
ไม่นาน แสงสีทองพาหลู่เฉิงเซี่ยงมาถึง หลังจากคำนับทำความเคารพ หลู่เฉิงเซี่ยงนั่งลงด้านหลังฉินซางต้าตี้
บนสะพานสายรุ้ง ทุกคนพุ่งไปได้ยี่สิบขั้นแรกแล้ว เข้าสู่เขตสีแดงอย่างสมบูรณ์แบบ
สะพานสายรุ้งแบ่งออกเป็นเก้าสี แต่ไม่เหมือนสายรุ้งทั่วไป ที่แสงเก้าสีปะปนอยู่ด้วยกัน
เขตทั้งเก้าสีแบ่งออกอย่างชัดเจน แสงเก้าสีได้แก่ สีแดง ส้ม เหลือง เขียว ฟ้า น้ำเงิน ม่วง ดำ ขาว เขตแต่ละเขตประมาณ 111 ขั้น ทั้งเก้าสีมีทั้งหมด 999 ขั้น
นี่คือสวรรค์ชั้นเก้าของสะพานสายรุ้ง หรือเรียกอีกอย่างว่าสะพานสายรุ้งสัจธรรมฟ้า
ตู้ม!
ตอนกลุ่มคนที่อยู่ด้านหน้า พุ่งไปได้สามสิบขั้น รอบตัวพวกเขาเริ่มมีไฟสวรรค์
เขตสีแดงอันแรก เป็นเขตเพลิงสีแดง ถ้าไม่มีความสามารถรับมือกับไฟสวรรค์ ตะบี้ตะบันพุ่งเข้าไป จะโดนไฟเผาจนมอดไหม้
ลู่ฝานยืนอยู่ที่เดิม เมื่อเห็นภาพตรงหน้า เขายิ้มบางๆ ออกมา
ที่แท้นี่คือการประเมิน!
เขาไม่ได้ทำเหมือนคนอื่นที่พุ่งเข้าไปทันที
เพราะไม่ได้มีกฎบอกว่าคนแรกที่พุ่งเข้าไปจะผ่านด่านได้ งั้นจะขึ้นไปช้าหรือเร็ว ก็ไม่ต่างกัน ลู่ฝานกะว่าจะดูให้ชัดเจนก่อนแล้วค่อยขึ้นไป ดังนั้นเขาจึงกลายเป็นคนสุดท้าย
“ร้อนมาก ร้อนสุดๆ!”
ตรงขั้นที่ 40 มีนักบู๊คนหนึ่งทนการเผาไหม้ของไฟสวรรค์ไม่ไหวแล้ว ร่วงลงมาจากสะพานสายรุ้งทันที
ตัวยังไม่ทันถึงพื้น ก็โดนแสงสีทองแสงหนึ่งพาไป
ในเวลาเดียวกันองครักษ์เกราะทองพูดเสียงดังว่า “โจวเสี่ยวถงแห่งเขตซวี่หยางตกรอบ!”
เมื่อมีคนตกรอบเป็นคนแรก ก็มีคนที่สอง คนที่สามตามมาอย่างรวดเร็ว
ทุกคนที่ร่วงลงมา องครักษ์เกราะทองจะประกาศออกมาทีละคน
ไม่นาน มีคนร่วงลงมาสิบกว่าคนแล้ว และทุกคนพุ่งไปได้ 50 ขั้นแล้ว
ตอนนี้ทุกคนเพิ่งสังเกตว่ายังมีอีกคนที่ยังไม่ได้ขึ้นมาบนสะพานสายรุ้ง
ฉินซางต้าตี้ยิ้มบางๆ แสร้งทำเป็นไม่รู้ ชี้ไปทางลู่ฝานแล้วพูดว่า “คนนี้คือใคร ทำไมถึงไม่ขึ้นไปบนสะพานสายรุ้ง”
ไท่จื่อฉินอวิ่นที่อยู่ข้างๆ พูดว่า “เด็กคนนี้คือลู่ฝานแห่งเขตตงหวา เป็นคนที่ใช้วิธีการไม่ชอบเพื่อให้ได้มาซึ่งชื่อเสียงเกียรติยศ ตอนนี้ไม่ขึ้นไปบนสะพาน คงตกใจจนหัวหดมั้งครับ”
ฉินซางต้าตี้มองฉินอวิ่นแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “อ๋อ อย่างนี้นี่เอง งั้นก็ให้เขายืนอยู่แบบนั้นเถอะ”
ฉินอวิ่นอึ้งไปครู่หนึ่ง คิดไม่ถึงว่าพ่อจะตอบกลับแบบนี้
หลู่เฉิงเซี่ยงที่อยู่ด้านหลังหัวเราะออกมา มองไท่จื่อฉินอวิ่นแล้วส่ายหน้าเบาๆ
ปัง! ปัง! ปัง!
จู่ๆ เสียงเปลวไฟระเบิดดังขึ้นบนสะพานสายรุ้ง
นักบู๊หลายสิบคนไม่ทันตั้งตัว โดนระเบิดจนตกลงมาจากสะพานสายรุ้ง ตอนนี้พวกเขาเดินมาได้ 60 ขั้นแล้ว เมื่อถึงตรงนี้ ไม่ใช่ไฟสวรรค์ธรรมดาๆ อีกแล้ว
เปลวไฟพวกนั้นระเบิดได้ ก่อตัวเป็นลูกไฟโจมตีได้ อีกทั้งยังสามารถก่อตัวเป็นเครื่องพันธนาการเปลวไฟขวางทางไปข้างหน้า
คนจำนวนไม่น้อยถึงตรงนี้แล้วไปต่อได้ยาก ไฟสวรรค์พวกนี้เผาจนพลังปราณของพวกเขากระจาย สั่นไปทั้งตัว กลิ่นเนื้อย่างลอยฟุ้งไปทั่ว
มีเพียงสิบกว่าคน ที่สามารถเดินต่อไปข้างหน้าอย่างสบายๆ ราวกับเปลวไฟพวกนี้ เป็นเพียงภาพลวงตา ไม่สามารถทำอะไรร่างกายพวกเขาได้
คนที่นำอยู่ด้านหน้าคือเทียนชิงหยางแห่งตระกูลเทียน!
“ไฟสวรรค์ธรรมดาๆ คิดจะขวางฉันเหรอ น่าขำ!”
เทียนชิงหยางเดินตรงขึ้นไป 70 ขั้น 80 ขั้น ไม่เป็นปัญหาเลย
เมื่อถึงตรงนี้ ไฟสวรรค์ไม่ใช่เปลวไฟสีแดงอีกแล้ว แต่เปลี่ยนเป็นเปลวไฟสีน้ำเงินเข้ม ก่อตัวเป็นกำแพงเปลวไฟ ขวางทางข้างหน้าเอาไว้
เกาะปราณของเทียนชิงหยางปรากฏออกมา ก้าวเท้าเดินไปข้างหน้า เปลวไฟพวกนี้ไม่สามารถหยุดเขาได้!
คนที่ตามหลังเขามาติดๆ ก็คือหานหยวนหนิงแห่งตระกูลหาน!
เหมือนคิดจะแข่งกับเทียนชิงหยาง หานหยวนหนิงเดินจ้ำไปข้างหน้า เหมือนจะแซงเทียนชิงหยางได้ตลอดเวลา
เมื่อมองไปข้างหลัง เป็นสุ่ยสือฉวนและคนอื่น พวกลูกหลานสิบตระกูลใหญ่ ก็ไม่ทิ้งห่างคนอื่น อย่างมากก็ห่างแค่ 1-2 ขั้น เดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ยังมียอดฝีมือที่ไม่รู้จักชื่ออีกสองสามคน ที่เดินไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องเหมือนกัน พวกเขากำลังจะผ่านระยะทางร้อยขั้นแล้ว!
ลู่ฝานยังไม่ขยับ เขานั่งลงบนพื้นแล้วมองดู
เขาไม่รีบ ไม่รีบเลยสักนิด จากความคิดของเขา ดูว่าพวกเขาเดินจนจบร้อยขั้นยังไง แล้วค่อยขึ้นไปไม่ดีกว่าเหรอ อย่างเช่นตอนนี้เขารู้แล้วว่าทุกสิบขั้น ไฟสวรรค์พวกนั้นจะยิ่งรุนแรงขึ้น เมื่อไปถึงด้านหลังเปลวไฟจะกลายเป็นไฟสีขาวลุกโชน
90 ขั้น ฝีเท้าของเทียนชิงหยางช้าลง เปลวไฟสีขาวสว่างจ้า เผาเกราะปราณของเขาจนเกิดเสียงเผาไหม้ เขาต้องเคลื่อนไหวพลังปราณอย่างต่อเนื่อง ถึงจะรักษาเกราะปราณที่สูญเสียไปเอาไว้ได้
มีเหงื่อไหลลงมาจากหน้าผากหนึ่งหยด ระดับความรุนแรงของไฟสวรรค์นี้ เหนือกว่าที่เขาคาดไว้แล้ว แต่เดินต่อไปก็ไม่ใช่ปัญหา