เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1101
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1101
ลู่ฝานสัมผัสถึงความไม่เป็นมิตรเล็กน้อย จากน้ำเสียงของหานหยวนหนิง
ลู่ฝานขมวดคิ้วเบาๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมหานหยวนหนิงถึงไม่เป็นมิตรกับตัวเอง
แต่ในเมื่อหานหยวนหนิงพูดแล้วว่าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากตัวเอง งั้นลู่ฝานก็ไม่ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองดูแย่ เขาตัดสินใจเดินต่อไปข้างหน้า
หมอกพิษลอยลงมาบนตัวลู่ฝาน แต่ลู่ฝานไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย นี่ดูง่ายกว่าสองสามด่านก่อนหน้านี้เสียอีก
เจดีย์เสวียนเก้ามังกรในตัวมีความสุขจนจะบ้าแล้ว
“ฮ่าๆ พลังฟ้าดินบริสุทธิ์มาก แล้วก็เป็นพิษทั้งนั้น ฉันชอบพิษที่สุด พิษแบบนี้ฉันสามารถดูดซับได้ มาเยอะๆ หน่อย ฉันรู้สึกว่าใกล้ฟื้นฟูพลังได้ 20 เปอร์เซ็นต์แล้ว เจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ อีกไม่นานฉันจะสามารถก่อตัวเป็นธรรมกาย ร่วมสู้รบกับเจ้านายแล้ว!”
ลู่ฝานขี้เกียจสนใจความตื่นเต้นของเจดีย์เสวียนเก้ามังกร
เขาหวังแค่ว่าตอนช่วงสำคัญ เจดีย์เสวียนเก้ามังกรใช้ได้ผลก็พอแล้ว อย่างเช่นพิษด้านหน้าพวกนี้ อย่าเดินต่อไปเรื่อยๆ แล้วไม่สามารถดูดซับได้ก็พอ
แต่ครั้งนี้ความกังวลของลู่ฝานมากเกินไป
จนกระทั่งลู่ฝานเดินผ่านเขตสีเขียว ไอ้เก้าก็ยังดูดกลืนอย่างบ้าคลั่ง
ลู่ฝานยิ้มตาหยี แล้วเก็บกระบี่หนักไร้คมของตัวเอง
ตอนนี้พวกนักบู๊ที่มองเขา รวมหานหยวนหนิงอยู่ในนั้นด้วย พากันเงียบทุกคน
ผ่านไปนาน สุ่ยสือฉวนพูดออกมาเป็นคนแรก “ไม่มีอุปสรรคเลย ดูเหมือนต่อกรกับคนคนนี้ พิษคงใช้ไม่ได้!”
หลิ่วเจินพูดต่อ “ต้านทานพิษได้น่าทึ่งขนาดนี้ แต่พลังไม่กระจัดกระจาย ร่างกายเขาต้องแข็งแกร่งขนาดไหนกันนะ!”
ตอนนี้หลู่เฉิงเซี่ยงก็ตกใจเล็กน้อย เขารู้ว่าวิทยายุทธของลู่ฝานไม่เลว ศักยภาพน่าทึ่ง แต่ไม่คิดไม่ฝันว่าลู่ฝานจะสร้างความตื่นตะลึงบนสะพานสายรุ้งได้ขนาดนี้
ฉินซางต้าตี้มองลู่ฝาน จู่ๆ เขาหัวเราะแล้วพูดว่า “ผ่านอีกแล้ว ร่างกายระดับนี้ วิชาธรรมดาทั่วไปคงไม่สามารถฝึกออกมาเป็นแบบนี้ได้ ไม่กลัวเปลวเพลิง อาวุธทำให้บาดเจ็บไม่ได้ หินขนาดใหญ่กดทับได้ยาก ควันพิษไม่เป็นผล อืม รวมสิ่งเหล่านี้ไว้ด้วยกัน ทำให้ฉันนึกถึงวิชาพิเศษวิชาหนึ่ง!”
หลู่เฉิงเซี่ยงใจสั่นเล็กน้อย จากนั้นพูดว่า “ฝ่าบาทหมายถึงวิชาของท่านเทพอักษรเหรอครับ”
ฉินซางต้าตี้ยิ้มแล้วพูดว่า “ใช่ พลังความเป็นความตายวนเวียนของเทพอักษร นักบู๊ที่ฝึกฝนวิชาประเภทนี้ ถึงจะมีร่างกายน่าทึ่งขนาดนี้ ฝึกวิชาฝ่าอันตรายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดก็ผ่านมาแล้ว นับประสาอะไรกับสิ่งที่อยู่บนสะพานสายรุ้ง”
เมื่อได้ยินคำว่าเทพอักษร ไท่จื่อฉินอวิ่นตัวสั่นอย่างแรง
องค์ชายรองฉินฝานอ้าปากค้าง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง
หลู่เฉิงเซี่ยงพูดต่อด้วยรอยยิ้ม “ฝ่าบาทสายตาหลักแหลม น่าจะเป็นเช่นนี้ ตอนนั้นท่านเทพอักษร ท่องหาประสบการณ์ในอู่อาน ทิ้งวิชาให้สืบทอดไว้ทั่วทุกที่ แต่หาลูกศิษย์ที่สืบทอดไม่ได้ ในบรรดานั้นเขาเคยไปเขตตงหวา ทิ้งการสืบทอดไว้ที่นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปได้สูง อีกทั้งเทียนหยาจื่อแห่งสถาบันสอนวิชาบู๊ที่เขตตงหวา มีโอกาสได้เจอท่านเทพอักษรหนึ่งครั้ง ท่านเทพอักษรชี้แนะทักษะให้เขาเล็กน้อย งั้นถ้าท่านเทพอักษรทิ้งการสืบทอดเอาไว้ที่สถาบันสอนวิชาบู๊ หลังจากไปตงหวา ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล ลู่ฝานมาจากเขตตงหวา และเรียนจากสถาบันสอนวิชาบู๊ด้วย เขาฝึกพลังความเป็นความตายวนเวียนของท่านเทพอักษรได้สำเร็จ เป็นเรื่องดีงามเรื่องหนึ่งของอู่อานเลยครับ”
ฉินซางต้าตี้ยิ้มแล้วพูดว่า “ใช่ น่าเสียดายที่เทพอักษรหายไปอย่างไร้ร่องรอยนานแล้ว ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ และรู้ว่าในอู่อานของฉันมีคนฝึกพลังความเป็นความตายวนเวียนของเขาสำเร็จ เขาต้องดีใจมากแน่ๆ ไม่แน่อู่อานของเราอาจมีศิษย์ของขุนพลังสุดเหนือฟ้าเพิ่มขึ้นอีกคนก็ได้”
“ขุนพลังสุดเหนือฟ้า!”
ฉินอวิ่นกลืนน้ำลาย ตอนนี้เขารู้สึกว่าความสยองขวัญกำลังปกคลุมเขาอยู่
คิดไม่ถึงว่าไท่จื่อผู้ยิ่งใหญ่ จะตกใจกลัวผู้ตรวจการธรรมดาๆ อย่างลู่ฝานแห่งตงหวา พูดไปคงไม่มีใครเชื่อ