เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1107
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1107
สามารถพักอยู่ที่นั่นได้ เป็นความพิเศษของฐานะ ถ้าพูดออกไป สามารถคุยโวโอ้อวดได้เลย
เมื่อได้ยินว่าไปตำหนักเสินอู่ ขนาดเทียนชิงหยางและคนอื่นตายังเป็นประกาย
ทุกคนรีบเดินตามองครักษ์เกราะทองไปยังตำหนักเสินอู่!…..
ขณะนี้ในตำหนักไท่เหอ
ฉินซางต้าตี้กลับมาเป็นร่างทองขนาดใหญ่อีกแล้ว
พลานุภาพยิ่งใหญ่น่าเกรงขามกับเสียงอันดังก้อง “ทุกท่านคิดว่าด่านสะพานสายรุ้งในวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง”
นายพลคนหนึ่งก้าวออกมาพูดทันที “ด่านสะพานสายรุ้งในวันนี้ มี 1-2 ร้อยคนผ่านร้อยขั้น เห็นได้ชัดว่าประเทศอู่อานเจริญขึ้นเรื่อยๆ คนมีความสามารถปรากฏตัวขึ้นอย่างไม่ขาดสาย ในบรรดานั้นมีลู่ฝานแห่งเขตตงหวา เทียนชิงหยางแห่งตระกูลเทียน ที่เดินถึงเขตสีฟ้า ซึ่งเห็นได้น้อยมากในประวัติศาสตร์การคัดเลือก ถ้าไม่ใช่เพราะสะพานสายรุ้งขาดกะทันหัน ผมคิดว่าพวกเขาสองคนยังไปต่อได้เรื่อยๆ ครับ ไม่แน่อาจไปถึงเขตสีม่วง ทำลายสถิติของสุ่ยเจินหรานในตอนนั้น”
ขนนางบุ๋นอีกคนเดินออกมาพูดเสียงก้องว่า “วันนี้การที่สะพานสายรุ้งขาด ล้วนเป็นเพราะลู่ฝาน ผมคิดว่าการที่เด็กคนนี้ทำสะพานขาด เพราะต้องการขัดขวางไม่ให้คนอื่นตามเขาทัน จิตใจแบบนี้จะเป็นผู้แข็งแกร่งได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น สะพานสายรุ้งคือสิ่งอัศจรรย์ของประเทศ ทำลายมันแบบนี้เท่ากับดูหมิ่นเกียรติของประเทศ ผมขอเสนอให้รีบสอบสวนลู่ฝานอย่างเข้มงวดครับ!”
ขนนางบุ๋นอีกสองสามคนเดินออกมาพร้อมกัน จากนั้นพูดว่า “ผมเห็นด้วยครับ!”
ฉินซางต้าตี้ทำเพียงปรายตามองพวกเขาเบาๆ หลังจากนั้นหันมาถามผู้อาวุโสคนหนึ่งว่า “อีเฉิน นายคิดว่ายังไง”
อีเฉินมองฉินฝาน ตอนนี้สีหน้าฉินฝานปกติ แต่กระดิกนิ้วไปมาเบาๆ
อิเฉินเข้าใจความคิดขององค์ชายรองฉินฝานทันที เขาพูดเสียงดังว่า “ผมคิดว่าการลงโทษลู่ฝานไม่เหมาะสมครับ การที่สะพานสายรุ้งขาด แม้เกี่ยวข้องกับลู่ฝาน แต่เป็นเพราะลู่ฝานต่อสู้ ขอถามทุกคนหน่อยว่าเวลาต่อสู้แบบเป็นตาย ยังจะคำนึงว่าพื้นดินด้านล่างจะเสียหายอีกไหม ยิ่งไปกว่านั้น การคัดเลือกคนมีความสามารถของประเทศ เป็นเรื่องใหญ่ ต้องจัดการอย่างระมัดระวังรอบคอบ ครั้งนี้ลู่ฝานเป็นอันดับหนึ่งในด่านแรก ทุกคนเห็นประจักษ์แก่สายตา ถ้าลงโทษเขาเพราะเหตุนี้ คนในโลกจะมองอย่างไร คนคงหัวเราะเยาะอู่อานที่ยิ่งใหญ่ของเรา ที่เอาแต่คิดเล็กคิดน้อยกับสะพานสายรุ้งแค่แห่งเดียว”
ฉินซางต้าตี้หัวเราะเบาๆ สองครั้ง จากนั้นหันมามองหลู่เฉิงเซี่ยงแล้วพูดว่า “หลู่เฉิงเซี่ยง นายคิดยังไง”
หลู่เฉิงเซี่ยงเดินมาข้างหน้า จากนั้นพูดด้วยรอยยิ้ม “สะพานสายรุ้งซ่อมได้ เพียงแค่เชิญเซียนบู๊แดนหยินหยาง หรือไม่ก็อริยปราชญ์ฟ้าดินมาช่วยเท่านั้น แค่เรื่องเล็กน้อย ไม่ได้ส่งผลกระทบใหญ่! ทุกท่านไม่จำเป็นต้องโกรธเคืองเรื่องนี้เลย”
คำพูดของหลู่เฉิงเซี่ยง ทำให้ฉินซางต้าตี้หัวเราะไม่หยุด
ไท่จื่อฉินอวิ่นอ้าปากเหมือนจะพูดอะไร แต่เมื่อเขาได้ยินเสียงหัวเราะของฉินซางต้าตี้ แล้วมองหลู่เฉิงเซี่ยงกับอีเฉิน สุดท้ายก็ไม่ออกมาพูดอะไร
หลับตาลงช้าๆ ถือเสียว่าตาไม่เห็น ใจไม่วุ่น
ส่วนฉินฝานก้มหน้าเหมือนกำลังหลับ เพราะทุกครั้งที่เขาขึ้นมาบนตำหนักมักเป็นแบบนี้ คนอื่นก็ไม่ได้ว่าอะไร
ฉินซางต้าตี้พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็เปิดประกาศของประเทศ ประกาศผลการคัดเลือกรอบแรก เลิกประชุม!”
ทุกคนพูดเสียงดังว่า “ฝ่าบาททรงปรีชาญาณ!”
เงาของฉินซางต้าตี้หายไปจากที่นั่งทันที
ตอนนี้ฉินอวิ่นรีบเดินมาข้างหน้า จับแขนหลู่เฉิงเซี่ยงเอาไว้ แล้วพูดว่า “หลู่เฉิงเซี่ยง คุยกันหน่อยได้ไหม”
หลู่เฉิงเซี่ยงพูดด้วยรอยยิ้ม “คำสั่งของไท่จื่อ ใครกล้าขัดขืน เชิญเลยครับ”
ทั้งสองเดินมาอีกด้านหนึ่ง ฉินอวิ่นถอนหายใจพูดว่า “หลู่เฉิงเซี่ยง นายก็รู้จักฉัน อย่างอื่นไม่มีอะไรมาก แค่นิสัยไม่ดี ลู่ฝานล่วงเกินฉัน ฉันก็เอาแต่จะฆ่าเขา แต่ตอนนี้ฉันพบว่าเหมือนพ่อชื่นชมเขามาก นายว่าฉันควรทำยังไง!”
นายกรัฐมนตรีเงยหน้ามองฉินอวิ่น ยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “ไท่จื่อคิดเอาไว้แล้วไม่ใช่เหรอครับ ทำไมต้องถามผมอีกล่ะ ไท่จื่อ ผมขอตัวก่อนนะครับ!”
พูดจบ หลู่เฉิงเซี่ยงรีบเดินออกไป
ฉินอวิ่นชะงักฝีเท้าลง มองด้านหลังหลู่เฉิงเซี่ยงแล้วพูดว่า “คนเจ้าเล่ห์ นายเดาออกด้วย แต่ในเมื่อนายเดาออกแล้ว ฉันก็ไม่จำเป็นต้องเตือนนาย ทางที่ดีนายรู้ประสีประสาหน่อย อย่าเป็นศัตรูกับฉัน!”
ฉินอวิ่นสะบัดแขนเสื้อ ส่งเสียงหึอย่างเย็นชาแล้วเดินจ้ำอ้าวออกไป