เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 113
ลู่ฝานจะพูดอะไรได้อีก เขาตอบรับเบาๆ และเดินออกมาจากห้อง ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ของอาจารย์อี้ชิง
หนังสือหนามาก เหมือนกับแผ่นหิน ลู่ฝานเพิ่งเคยเห็นเคล็ดวิชาบู๊ หนาขนาดนี้เป็นครั้งแรก นี่แค่อ่านจบ คงต้องใช้เวลาหลายวัน
ลู่ฝานเงยหน้าขึ้น เห็นบนพื้นที่ศิษย์พี่ฉู่เทียนทำจนเกิดรอยแยก กลับมาอยู่ในสภาพเดิม ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้
ลู่ฝานขมวดคิ้ว แอบตกใจ อย่าบอกนะว่าเป็นฝีมือของอาจารย์อี้ชิง
ต้องมีวิทยายุทธยังไง ถึงจะทำให้พื้นที่แตก กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้
“นี่ ศิษย์น้องลู่ฝาน อาจารย์ไม่ได้ว่าอะไรใช่ไหม”
ศิษย์พี่หานเฟิง แอบเปิดประตูออกมาเรียกลู่ฝาน ตอนนี้ศิษย์พี่ฉู่สิงกับฉู่เทียน ท่องเสียงดังขึ้นมาทันที ราวกับคุ้มกันศิษย์พี่หานเฟิง
ลู่ฝานเดินมาหน้าประตูห้องศิษย์พี่หานเฟิง แล้วพูดว่า “ไม่ได้ว่าอะไรครับ อาจารย์ให้วิชากระบี่ผมมาเล่มนึง แล้วให้ผมออกมา ศิษย์พี่หานเฟิง รู้ไหมว่าเกิดอะไรกับพื้นนี้ เมื่อกี้ยัง……”
ศิษย์พี่หานเฟิงรีบพูดว่า “ไม่มีอะไร แค่ค่ายกลคณะในสถาบันสอนวิชาบู๊ ว่ากันว่าเซียนบำเพ็ญชี่กับเซียนบู๊ที่ค่อนข้างเก่งร่วมกันวางเอาไว้ เป็นทั้งสถาบันสอนวิชาบู๊ เมื่อพื้นเสียหาย จะกลับมาอยู่ในสภาพเดิมอย่างรวดเร็ว นายชินไว้ก็ดี ศิษย์น้องลู่ฝาน นายได้วิชากระบี่อะไรมา เคล็ดวิชาบู๊ระดับดินหรือเปล่า”
ลู่ฝานเอาหนังสือในมือ ยื่นให้หานเฟิง แล้วพูดว่า “ไม่ใช่ เป็นเคล็ดวิชาบู๊ระดับคนขั้นพื้นฐานเท่านั้น”
“หา?”
ศิษย์พี่หานเฟิง เปิดหนังสืออย่างไม่อยากเชื่อ พบว่าเป็นวิชากระบี่พื้นฐานจริงๆ กระบวนท่าง่ายไม่ซับซ้อน
หานเฟิงหน้าเปลี่ยนสี พึมพำว่า “อาจารย์ขี้เหนียวขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร”
หานเฟิงเงยหน้า คืนหนังสือให้ลู่ฝาน จากนั้นแอบวิ่งไปอีกด้าน คลำหนังสือคู่มือเล่มเล็ก ยื่นให้ลู่ฝาน “ศิษย์น้องลู่ฝาน นี่เป็นวิชาของศิษย์พี่ ในนี้มีความรู้จากผู้อาวุโสในอดีตกับความเข้าใจของฉัน นายเอาไปอ่าน ไม่ต้องรีบคืนฉัน”
ลู่ฝานสีหน้าเปลี่ยนไป รีบส่ายหน้าพูดว่า “ศิษย์พี่หานเฟิง จะทำแบบนี้ได้ยังไง”
ให้นายอ่านก็อ่านเถอะ เมื่อไรที่ฉันต้องใช้ ฉันค่อยไปเอาจากนาย ไม่ต้องเกรงใจ นี่เป็นประเพณีของคณะหนึ่งเดียว ตอนฉันมา รุ่นพี่ใหญ่ รุ่นพี่รอง
หานเฟิงเอาคู่มือเล่มเล็ก ยัดใส่มือลู่ฝาน จากนั้นดันลู่ฝานออกไป
ลู่ฝานมองคู่มือเล่มเล็กในมือ แววตาวูบไหวเล็กน้อย
ลู่ฝานกลับถึงห้อง เอาหนังสือกับคู่มือวางไว้บนโต๊ะ
ลู่ฝานเปิดคู่มือของศิษย์พี่หานเฟิงก่อน เขาอยากรู้ว่าเมื่อกี้ทำไมตอนที่ศิษย์พี่หานเฟิง จะโชว์เคล็ดวิชาบู๊ของตัวเอง ถึงโดนศิษย์พี่ทั้งสองคนขวางไว้สุดชีวิต
เปิดคู่มือของศิษย์พี่หานเฟิง ลู่ฝานอ่านอยู่ครู่หนึ่ง แล้วสูดหายใจเฮือก
ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง มิน่าล่ะ ถึงไม่ยอมให้ศิษย์พี่หานเฟิงใช้
เคล็ดวิชาระดับนี้ เทียบกับเคล็ดวิชาของศิษย์พี่ฉู่เทียนกับศิษย์พี่ฉู่สิง ดูเหมือนจะน่ากลัวกว่าเล็กน้อย
ถ้าเขาใช้ สิ่งก่อสร้างที่นี่ คงหายไปหมด
เคล็ดวิชาอันน่ากลัว น่ากลัวจริงๆ อีกทั้งเงื่อนไขการฝึกสูงมาก ต้องมีร่างกายพิเศษ ศิษย์พี่หานเฟิงทำได้ยังไง
ปิดคู่มือลง เคล็ดวิชาบู๊นี้ โอกาสที่เขาจะฝึกสำเร็จ คงมีไม่มาก เพราะเขาไม่มีคุณสมบัติของร่างกาย ที่เป็นอมตะ อย่างในคู่มือบอกไว้ แม้จะฝืนฝึก ความสำเร็จคงมีไม่มาก ขั้นหลังๆ คงไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาแล้ว
ปิดคู่มือเล่มเล็กลง ลู่ฝานเปิดหนังสือวิชากระบี่พื้นฐานเล่มหนา
ยังไม่ทันอ่าน ขณะนั้น มีเสียงดังขึ้นหน้าประตู
“ศิษย์น้องลู่ฝาน รับไป”
ศิษย์พี่ฉู่เทียนกับศิษย์พี่ฉู่สิง ยืนยิ้มอยู่หน้าประตู ฉู่สิงพูดว่า “อาจารย์ไม่ให้ของดีกับนาย นายก็เรียนเคล็ดวิชาของพวกเราสิ ฮ่าๆ รอให้ศิษย์พี่ใหญ่กลับมา นายค่อยไปเรียนกับศิษย์พี่ใหญ่ ต้องไม่มีปัญหาแน่นอน
ศิษย์พี่ฉู่เทียนยิ้มบางๆ ไม่พูดอะไรมาก หัวเราะเสียงดังให้ลู่ฝาน
ทั้งสองพูดจบ จึงเดินออกไป รีบกลับไปท่องต่อ
ลู่ฝานมองหนังสือสองเล่มในมือ แล้วมองหนังสือของหานเฟิงบนโต๊ะ
เขารู้สึกอบอุ่นใจเป็นอย่างมาก
ความรู้สึกนี้ ตอนเขาอยู่บ้าน ได้สัมผัสน้อยมาก แค่ไม่กี่ครั้ง และมาจากพ่อของเขา ไม่มีในบรรดาคนรุ่นเดียวกัน
ลู่ฝานเอาหนังสือวางบนโต๊ะ ตาเป็นประกาย เขาพึมพำว่า “ดูเหมือนฉันถูกกำหนดไว้แล้ว ว่าต้องเป็นคนของคณะหนึ่งเดียว ศิษย์พี่ทุกท่าน ฉันจะไม่ทำให้พวกพี่ผิดหวัง”
เปิดหนังสือวิชากระบี่ขั้นพื้นฐาน ลู่ฝานเริ่มศึกษาอย่างละเอียด เขาไม่เชื่อว่าอาจารย์อี้ชิง จะจงใจเอาหนังสือเคล็ดวิชาบู๊ระดับคนขั้นพื้นฐาน มาให้เขาพอเป็นพิธี
บางทีนี่อาจเป็นการทดสอบอย่างหนึ่ง หรือไม่ก็มีอะไรลึกลับในนั้น